NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 592 ความอคติของหวางเฉิงหย่วน

บทที่ 592 ความอคติของหวางเฉิงหย่วน

โก่เอ๋อกึ่งหลับกึ่งตื่น ใส่ชุดนอนลายการ์ตูนที่ใหญ่กว่าตัวเอง ขยี้ตาตัวเอง แล้วจ้องมองไปยังหวางเฉิงหย่วน “คุณอาหวาง คุณอามาอยู่ที่เมืองเอกได้ยังไง? ฉันกำลังละเม้ออยู่รึเปล่า ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”

พอหวางเฉิงหย่วนพอเห็นโก่เอ๋อปรากฏออกมา เขาเองก็ตกใจเช่นกัน

“คฤหาสน์บ้านซานนี้ คุณอาเป็นเจ้าของนี่ โก่เอ๋อ ฉันต่างหากที่ควรจะถามหนู ทำไมหนูถึงมาอยู่ที่เมืองเอกได้ล่ะ? แถมยังพักอยู่ที่นี่อีกต่างหาก?”

หวางเฉิงหย่วนพูดไป พร้อมกับหันไปมองหลี่ฝางแวบนึง จากนั้นก็มองโก่เอ๋อแล้วถามด้วยความสงสัย “นี่โก่เอ๋อ หนูกับคุณชายของบ้านตระกูลหลี่ มีความสัมพันธ์กันยังไง?”

โก่เอ๋อหันไปมองหลี่ฝางแวบนึง แล้วพูดว่า “ก็ไม่มีอะไรมาก เขาเป็นนายจ้างของฉัน”

“เจ้านาย ฉันหิวแล้ว ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่ากินดีอยู่ดี ของกินล่ะ?” มองไปยังหลี่ฝางแวบนึง โก่เอ๋อจับท้องน้อยของตัวเอง พูดด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ

หลี่ฝางหันไปมองบนโต๊ะกาแฟ นอกจากผลไม้กับขนม ก็ไม่มีอะไรอยู่อีก

“ทำไมเธอถึงเพิ่งลงมากเอาป่านนี้ นี่มันเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว” หลี่ฝางพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “พอดีว่าฉันเพิ่งไล่ยามกับแม่บ้านของที่นี่ออกในวันนี้พอดี ทั้งคู่โดนไล่ออกพร้มอกัน”

“เธอลองไปดูในห้องครัวหรือตู้เย็นดูสิ ดูว่ามีอะไรกินบ้าง กินรองท้องไปก่อน”

“ถ้าเกิดไม่ไหวงั้นก็ยังมีมาม่าอยู่ไม่ใช่เหรอ? ไปต้มน้ำร้อนเอาเอง แล้วต้มเอาเองเลย กินรองท้องไปก่อน” หลี่ฝางพูดอย่างขอไปที

ใบหน้าของโก่เอ๋อไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร “ก็ได้ เพราะฉันเองก็ไม่ได้หิวสักเท่าไหร่”

โก่เอ๋อเพิ่งก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆก็ร้องตะโกนออกมา

“แม่เจ้า!”

จากนั้นโก่เอ๋อก็เดินถอยหลังด้วยความตกใจ มาอยู่ข้างๆหลี่ฝาง “คน…..นี้…..ตายแล้ว?”

โก่เอ่อมองไปยังหวางต้องที่นอนอยู่บนพื้น กลืนน้ำลายอึดนึง ตบหน้าอกตัวเองแล้วพูดว่า “หลี่ฝาง คุณทำอะไรน่ะ ห้องรับแขกของคุณ ทำไมถึงมีคนตายอยู่ล่ะ”

“ยังไม่รีบยกศพออกไปอีก” โก่เอ๋อทำหน้าตึงเครียด มองไปยังคนรอบๆ

หลี่ฝางยักไหล่เล็กน้อย พูดอย่างทำอะไรไม่ได้ว่า “วางไว้ตรงนี้ก่อนเถอะ ถ้าเกิดฉันยกออกไป คงจะมีบางคนที่ไม่เห็นด้วย”

ถึงแม้โก่เอ๋อเองก็ขวัญเสีย แต่เธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไป กลับมาสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว

“โก่เอ๋อ หนูอย่ากินม่าเลย หนูอยากกินอะไร เดี๋ยวฉันจะสั่งให้คนทำให้กินเอง” หวางเฉิงหย่วนหันไปมองโก่เอ๋อ พูดด้วยสีหน้าที่ห่วงใย

โก่เอ๋อทำปากมุ่ย สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ช่างเถอะ กินไม่ลงแล้ว”

“พื้นที่นี่เต็มไปด้วยคราบเลือดของศพๆนี้ คุณอาหวาง ฉันจะกินลงได้ยังไง” โก่เอ๋อพูดด้วยใบหน้าที่ตึงเครียด

“มู่เสี่ยวไป๋ รีบให้คนของคุณ ยกศพออกไปเดี๋ยวนี้ มาวางตรงห้องรับแขกของคนอื่นแบบนี้ มันใช้ได้ที่ไหน ถ้าเกิดทำให้โก่เอ๋อกลัวขึ้นมาจะทำยังไง?” หวางเฉิงหย่วนทำหน้าตึงเครียด พูดด้วยเสียงที่จริงจัง

มู่เสี่ยวไป๋ไม่พอใจเท่าไหร่ แต่มู่เหวินตงก็หันไปบอกคนที่อยู่ข้างหลังว่า “ยกศพออกไปเถอะ”

ฐานะของหวางเฉิงหย่วน มู่เหวินตงเข้าใจดี เขามีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่แน่บางทีอาจมาจากเมืองหลวง

ธุรกิจครอบครัวของตระกูลหวาง มีอยู่ทั่วประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ครอบคลุมที่นี่ แถมบ้านตระกูลหวางอย่างทำธุรกิจอยู่หลายอย่าง ที่ทำร่วมกับรัฐบาล

งานที่คนทั่วไป ไม่สามารถทำได้ แต่บ้านตระกูลหวางสามารถทำได้

แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ เมื่ออยู่ต่อหน้าของหวางเฉิงหย่วน ก็ยังต้องไว้หน้าเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลมู่

ตอนนี้ตระกูนจูเก่อตกอยู่ในช่วงวิกฤต เงินที่ครอบครัวของพวกเขาซ่อนเอาไว้ ก็ถูกซุนจิ้นเอาไป

ในตอนนี้ตระกูนจูเก่อ เรียกได้ว่าจบสิ้นแล้ว ต่อให้ต้องบอกว่าเขาเปลี่ยนไปใช้นามสกุลซุน ก็ไม่เกินเลย

เมืองเอกในตอนนี้ เหลือแค่สามตระกูลใหญ่แล้ว บางทีเพราะว่าตระกูลมู่และตระกูลหลี่เป็นศัตรูกัน เพราะงั้นสามตระกูลใหญ่ที่เหลือ จึงต้องการสนับสนุนตระกูลมู่ ให้กลายเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเอก

แต่ไม่ว่าจะยังไง ตระกูลมู่เมื่อเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่ อย่างห่างชั้นกันมาก

สี่ตระกูลใหญ่ยังไม่กล้ามีทักทายอำนาจของหวางเฉิงหย่วน งั้นตระกูลมู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

มู่เหวินตงจึงได้แต่ทำตามที่หวางเฉิงหย่วนบอก

ศพของหวางต้อง ถูกยกออกมานอกห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว

และในเวลานี้เอง ที่มู่เสี่ยวไป๋เดินมาข้างหน้า มองไปยังหวางเฉิงหย่วนแล้วพูดว่า “คุณอาหวาง คงต้องขอให้ท่านคืนความเป็นธรรมให้กับพวกเรา เพื่อนของผมจะตายอย่างนี้ไม่ได้”

“อีกอย่าง ในถิ่นของท่าน มีคนตายเกิดขึ้น คุณก็ควรที่จะ ทำอะไรให้พวกเราสักหน่อย”

มู่เสี่ยวไป๋มองไปยังหวางเฉิงหย่วน พูดออกไปอย่างไม่เกรงใจ

ส่วนคนที่นั่งอยู่ในรถเข็นอย่างมู่เหวินตง กลับพูดว่า “เสี่ยวไป๋ ทำไมถึงพูดกับคุณอาหวางอย่างนั้น ระวังคำพูดหน่อย ฉันรู้ว่าคนที่ตายเป็นเพื่อนของแก แกอารมณ์ไม่ดี แต่เรื่องในครั้งนี้ ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณหวางสักหน่อย? คุณอาหวางเองก็เป็นผู้เสียหาย”

หวางเฉิงหย่วนพอได้ยินคำพูดของมู่เหวินตง ใบหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย เขามองไปยังมู่เหวินตงที่นั่งอยู่บนรถเข็น แล้วพูดว่า “คุณคงจะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลมู่? ฮ่าๆ ยังดีที่คุณเป็นคนที่รู้งาน แต่ก็น่าเสียดาย ขาของคุณ……”

หวางเฉิงหย่วนพูดไป ถอดหายใจออกด้วยความเสียดาย

เดิมที มู่เหวินตงตั้งแต่คอลงไป ก็ไม่สามารถขยับได้อีก ไม่รู้ว่านายท่านมู่ใช้วิธีแบบไหน ถึงทำให้มือของมู่เหวินตง ขยับขึ้นมาได้

ตั้งแต่งอกขึ้นไป มู่เหวินตงก็ขยับได้หมด

แต่ว่าขา……

คงจะใช้การไม่ได้แล้ว

แน่นอนว่า เรื่องที่จะมีทายาทมาสืบสกุลเอง ก็คงจะไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว

เดิมที่คนที่ควรจะเป็นผู้นำของตระกูลมู่ ควรเป็นมู่เหวินตง แต่ว่าตอนนี้ คงมีแค่มู่เสี่ยวไป๋ที่ต้องรับตำแหน่งนี้ไป

มู่เสี่ยวไป๋เอง ก็กลายเป็นตัวเลือกเดียวที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้

เอาตามตรง ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกหรือความฉลาด ไอ้เจ้ามู่เสี่ยไป๋ ก็ห่างชั้นกับมู่เหวินตงอยู่มาก

แถมคนที่นายท่านมู่เลี้ยงดูมาด้วยตลอด ก็เป็นมู่เหวินตง

มู่เหวินตงมองไปยังหวางเฉิงหย่วน แล้วพูดว่า “คุณอาหวาง เมื่อกี้ท่านบอกว่า คุณชายตระกูลหลี่ ก่อนที่จะเกิดเรื่องได้โทรมาหาคุณ บอกว่าต้องการจะจัดงานปาร์ตี้หน้ากาก ต่อมา ก็มีคนสวมหน้ากากที่ท่านเป็นคนปล่อยเข้ามา”

“คุณอาหวางกรุณาดูเวลาที่โทรมาจะได้ไหม?” มู่เหวินตงถาม

หวางเฉิงหย่วนพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วบอกเวลาที่โทรมา

“ฮ่าๆ ช่างบังเอิญจริงๆ คุณอาหวาง พอหลังจากที่วางสายไปสิบนาที ก็มีนักเลงบุกเข้ามา”

มู่เหวินตงยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ระยะเวลา มันจะพอดีเกินไปหน่อยนะ”

มองไปยังหลี่ฝาง แล้วมู่เหวินตงก็พูดว่า “คุณชายหลี่ งานปาร์ตี้หน้ากากของท่านล่ะ?”

“ไม่ใช่ว่าต้องการจะจัดงานปาร์ตี้หน้ากากเหรอ? ทำไม ตอนที่เข้ามา ก็ไม่เห็นใครใส่หน้ากากอยู่เลย เมื่อกี้พวกเธอกำลังพูดคุย กับดูหนังกันอยู่ใช่ไหม?”

“ดูจากการตกแต่งข้างในบ้าน ก็ไม่เหมือนกับกำลังจัดงานปาร์ตี้อยู่เลย”

มู่เหวินตงพูดไป พร้อมกับมองไปยังหลี่ฝาง หัวเราะอย่างเย็นชา “ฉันว่านะคุณชายหลี่ มาบอกกับคุณอาหวางว่าต้องการจัดงานปาร์ตี้หน้ากากคงจะเป็นเรื่องโกหก ใช้โอกาสนี้เพื่อฆ่าคน นั่นคงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของแกใช่ไหม?”

มู่เสี่ยวไป๋มองไปยังหลี่ฝาง ด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดและเย็นชา “หลี่ฝาง เอาชีวิตเพื่อนฉันคืนมา”

“ฉันไม่ได้เป็นคนซะหน่อย แกจะมาเอาอะไรจากฉันกันล่ะ?”

หลี่ฝางทำหน้าเครียด พูดอย่างไม่พอใจว่า “ใครเป็นคนฆ่า ฉันคิดว่าแกคงจะรู้ดีอยู่แก่ใจถูกไหม?”

“มาถึงขนาดนี้แล้ว แกยังคิดจะปฏิเสธอีกเหรอ?”

มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝางด้วยสีหน้าที่ดุร้าย แล้วถามว่า “งั้นฉันถามแกหน่อย คนที่ใส่หน้ากากพวกนั้น ใช่คนของแกรึเปล่า?”

“ไม่ใช่”แน่นอนว่าหลี่ฝางไม่มีทางยอมรับอยู่แล้ว ถ้าเกิดยอมรับ งั้นก็กลายเป็นว่าตัวเองเป็นผู้สมร่วมคบคิดในการฆ่าน่ะสิ?

“คุณอาหวาง คงต้องขอให้ท่านเป็นผู้ตัดสิน”

มู่เหวินตงถาม พร้อมกับมองไปยังหวางเฉิงหย่วน

เมื่อกี้หวางเฉิงหย่วน ตอนแรกก็กะจะมาซักถามคำตอบจากหลี่ฝาง บีบบังคับให้หลี่ฝางยอมรับความผิดของตัวเอง

เรื่องนี้ไม่สามารถโทษหวางเฉิงหย่วนที่ไม่ไว้หน้ากัน เพราะก่อนหน้านี้ หวางเฉิงหย่วนกับหลี่ฝางก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่แล้ว

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน

ตอนนี้ระหว่างหวางเฉิงหย่วนและหลี่ฝาง มีโก่เอ๋ออยู่

ถึงแม้ว่าโก่เอ๋อจะบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ฝาง เป็นเพียงแค่นายจ้างกับลูกจ้าง แต่ความรู้สึกของหวางเฉิงหย่วนไวกว่าคนปกติ ทำไมจะดูไม่ออก ดูจากบทสนทนาระหว่างโก่เอ๋อกกับหลี่ฝาง ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ สนิทกันอย่างเห็นได้ชัด

หวางเฉิงหย่วนทำหน้าเครียด จู่ๆก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมา

หวางเฉิงหย่วนมองไปยังหลี่ฝาง ไอไปหนึ่งที แล้วพูดว่า “หลี่ฝาง ฉันขอถามคุณหน่อย คนใส่หน้ากากพวกนั้น ใช่คนของคุณรึเปล่า?”

“ถ้าเกิดไม่ใช่ล่ะก็ พวกเราก็คงต้องขอให้ตำรวจเป็นคนจัดการ แต่ว่าเรื่องนี้ จะต้องทำอย่างเงียบๆ เพราะไม่ว่าจะยังไงมันก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของคฤหาสน์บ้านซานของฉัน ฉันจะบอกให้พวกเขา ตรวจสอบตัวตนของพวกที่สวมหน้ากากอย่างเงียบๆ”

หวางเฉิงหย่วนพูด “วางใจได้ มู่เสี่ยวไป๋ ฉันจะต้องให้คำตอบที่น่าพอใจกับคุณอย่างแน่นอน”

ประโยคนี้ของหวางเฉิงหย่วน มันดูชัดเจนว่าเข้าข้างหลี่ฝาง

เรื่องที่บอกว่าจะจัดการอย่างเงียบๆ สืบสวนอย่างเงียบๆ เป็นการบอกว่า จะทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก ผลสุดท้ายที่ได้ คงจะไม่ได้อะไรสักอย่าง

เพราะว่าเรื่องนี้ความจริงก็อยู่ตรงหน้าแล้ว หวางเฉิงหย่วนไม่ใช่คนโง่ซะหน่อย เรื่องทั้งหมด ล้วนชี้ไปทางหลี่ฝาง นี่ยังต้องอธิบายอะไรอีก?

ชัดเจนว่าหลี่ฝางคือคนที่สั่งการอยู่เบื้องหลัง

ตอนที่หลี่ฝางกำลังพยักหน้าตกลง มู่เหวินตงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วพูดว่า “ไม่ต้องตรวจสอบแล้ว ฆาตกรรม ฉันรู้ว่าเป็นใคร”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน