NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่613 หลอซ่าสู้กับทุกคน

บทที่613 หลอซ่าสู้กับทุกคน

ข้อกระดูกของแขนข้างหนึ่งจูเก่อเหย่ถูกบีบแตกหัก เขาขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด เส้นเลือดที่ใบหน้าปูดขึ้นมาหมด

“ทำไม ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหรอ?”

หลอซ่ามองจูเก่อเหย่นิ่งๆ แล้วถาม

ในสายตาของหลอซ่า จูเก่อเหย่ก็เหมือนกับมดตัวหนึ่ง อยากจะบีบเขา ก็ทำได้ตลอดเวลา

เส้นเลือดที่ใบหน้าจูเก่อเหย่แตกออกมา พยายามจะโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย ในเฮือกสุดท้ายที่กำลังจะตาย แต่ตอนที่เขาจะลงมือ หลอซ่าก็ยกขาขึ้น หัวเข่ายกใส่ใต้คางของจูเก่อเหย่ ทำเอาลอยขึ้นไปกลางอากาศสูงถึงสามสี่เมตร จากนั้นก็ตกลงที่พื้นแรงๆ

ฟุบ ตกลงมาจากระดับความสูงสามสี่เมตร ทั้งตัวจูเก่อเหย่บาดเจ็บไปทั้งภายในจากการหกล้ม เลือดสด ก็ออกมาจากปากของเขา

จูเก่อเหย่เจ็บไปทั้งตัว ทำให้แม้แต่แรงที่เขาจะสั่นก็ยังไม่มี

จูเก่อเหย่ในตอนนี้ เหลือเพียงแต่ลมหายใจเฮือกสุดท้าย

“ไม่มีคำสั่งเสียล่ะก็ ผมส่งคุณเอง”หลอซ่าเดินมาตรงหน้าของจูเก่อเหย่ เอาเท้าไปไว้ที่คอของจูเก่อเหย่เบาๆ

“สามปีก่อน ผมเสียใจจริงๆที่ปล่อยคุณไป”

จูเก่อเหย่มองไปที่หลอซ่า แล้วก็พูดด้วยใบหน้าเสียใจ:“สามปีก่อน ที่จริงพวกเรามีโอกาสกำจัดคุณ”

“ใช่ แต่ว่าพวกคุณไม่ได้ทำ”หลอซ่าพยักหน้า แล้วพูด

“สี่ตระกูลใหญ่มีเจตนาร้าย ตอนที่การต่อสู้ไปถึงวินาทีสุดท้าย ไม่มีใครอยากเสียสละอีกต่อไป จึงให้พวกเราอาศัยช่องโหว่ ไปจากเมืองเอก”หลอซ่าพูด

ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเมื่อสามปีก่อน สี่ตระกูลใหญ่สูญเสียมหาศาล ทางด้านหลอซ่าเองก็สูญเสียมหาศาลเช่นกัน

สู้ไปจนตอนสุดท้าย สี่ตระกูลใหญ่ไม่มีใครอยากเสียสละอีก ถึงแม้หลอซ่าและคนอื่นจะเป็นลูกไก่ในกำมือแล้ว ก็ไม่มีตระกูลไหนที่กล้าบุกไป

ไม่มีใครโง่ ทุกคนต่างรู้ดีว่าไม่ควรไล่ต้อนศัตรูที่หมดหนทาง เพราะอาจหันมาแว้งกัดได้ ถึงแม้หลอซ่าและคนอื่นจะแพ้ แต่ถ้าทำการต่อต้านอย่างสุดชีวิต ดึงสักตระกูลมารับความผลนี้แทน ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

เป็นความเห็นแก่ตัวของสี่ตระกูลใหญ่ ที่ทำให้หลอซ่าและคนอื่นๆหนีไปอย่างภูมิใจ

ถึงได้มีความพินาศของตระกูลจูเก่อในวันนี้ กับวิกฤตของอีกสามตระกูล

“หลังจากตาย ก็บอกกับพี่ใหญ่คุณหน่อย”

หลอซ่ามองจูเก่อเหย่แล้วพูด:“เขาไม่สมควรตาย”

พูดจบ หลอซ่าใช้เท้าเหยียบคอของจูเก่อเหย่ขาด ส่งเขาเข้าสู่หนทางแห่งนรกภูมิ

ฉากนี้ ทุกคนต่างเห็น แล้วรู้สึกกลัวถึงข้างในใจ

จูเก่อเหย่ ปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ ถูกฆ่าตายอย่างง่ายดายเช่นนี้

“ในเมื่อจูเก่อเหย่ตายแล้ว งั้นพวกเราก็สมควรไป”

ชายชราคนหนึ่งพูดเสร็จ ทุกคนก็เตรียมจะออกไป

แต่ตอนที่พวกเขาจะก้าวออกไป จู่ๆหลอซ่าก็หันหน้า ถามอย่างเย็นชา:“ผมให้พวกคุณไปแล้วเหรอ?”

“ปรมาจารย์ท่านนี้ ระหว่างพวกเราไม่มีความแค้นใดๆ และยังไม่เคยเจอหน้ากันด้วย หรือว่าคุณยังอยากจะฆ่าพวกเราทั้งหมดให้ได้?”

“ใช่ พวกเราก็แค่มาช่วยจูเก่อเหย่จัดการ ในเมื่อจูเก่อเหย่ตายแล้ว พวกเราก็ควรไป”

“ให้พวกเราอยู่นี่ไป ก็ไม่มีประโยชน์กับคุณสักนิด”มีคนหนุ่มในนั้นคนหนึ่ง ขู่ด้วยเสียงเย็นชา

หลอซ่ามองคนหนุ่มคนนี้ ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

หลอซ่าได้แต่ถามเบาๆ:“งั้นพวกคุณติดตามจูเก่อเหย่ จุดประสงค์ที่มาที่นี่คืออะไร?”

ทุกคนไม่ได้พูด จุดประสงค์ที่พวกเขามา หนึ่งก็เพื่อฆ่าหลี่ฝาง สองก็เพื่อฆ่าหลอซ่า

คำตอบนี้ ใครจะกล้าพูดล่ะ?

แต่ว่า หลอซ่ากลับหัวเราะเบาๆ ตอบแทนพวกเขา:“พวกคุณตามจูเก่อเหย่มา เพื่อฆ่าเด็กที่ชื่อหลี่ฝาง ใช่ไหม?”

“หลี่ฝาง เป็นลูกชายผม”

น้ำเสียงหลอซ่าเต็มไปด้วยความพร้อมฆ่า:“พวกคุณติดตามจูเก่อเหย่ เป้าหมายนั้นก็คือลูกชายผมกับผม”

“คุณว่า ผมควรจะปล่อยพวกคุณไหม?”หลอซ่าถามย้อน

“นั่นคือแผนการของจูเก่อเหย่ พวกเราแค่ช่วยเท่านั้น”ชายชราหนึ่งในนั้นพูด

“ช่วยคนฆ่าคน ไม่ผิดหรือไง?”หลอซ่าหัวเราะเหอะเหอะ:“คุณพูดจา ได้มั่นใจจริงๆ”

“พวกเราแค่มากับจูเก่อเหย่ แต่ไม่เคยทำร้ายพวกคุณพ่อลูกเลย หลอซ่า คุณปล่อยพวกเราไม่ได้หรือไง?”ชายชราคนหนึ่งถาม

“ไม่ได้”

“ความคิดฆ่าผม มีได้ ผมยกโทษให้ได้”

“แต่ความคิดที่จะฆ่าลูกชายผม มีไม่ได้ และก็ยกโทษให้ไม่ได้”

หลอซ่าพูดด้วยใบหน้าเย็นชา เสียงก็ยิ่งมีความอาฆาตอย่างชัดเจน

“หึ ผมไม่เชื่อหรอกว่า ถ้าทุกคนร่วมมือกัน จะสู้เขาคนเดียวไม่ได้?”ใบหน้าคนหนุ่มคนนั้นมีความโมโห

ส่วนชายชราคนอื่นๆ นอกจากความโมโหที่ใบหน้าแล้ว ที่มากกว่านั้น ก็คือความกลัว

ยังไงหลอซ่าก็เป็นบุคคลที่ฝึกกำลังภายใน

กำลังภายในที่เล่าต่อๆกันมานั้นสุดยอดแค่ไหน ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยเห็น แต่ก็ยากที่จะฝึก พวกเขารู้เป็นอย่างดี

ผู้เฒ่าที่มีชีวิตเป็นร้อยปีในเขาบู๊ตึ๊ง สัมผัสมาทั้งชีวิต ก็ได้เพียงแค่ผิวเผิน

แต่หลอซ่านี้ กลับฝึกออกมาได้จริงๆ

เคยมีคนพูดว่า กำลังภายในต้องฝึกยุทธถึงหลายร้อยปี ถึงจะฝึกลมปราณภายในออกมาจากในร่างกายได้ แต่หลอซ่าที่อยู่ตรงหน้านี้ มองดูแล้วแค่สี่ห้าสิบปีเอง

แน่นอนว่า อายุที่แท้จริงของหลอซ่า ก็คือสี่สิบห้าปี

ทุกคนมองไปที่หลอซ่า ค่อยๆพูดออกมา

“ผมเราก็แค่ช่วยเท่านั้น ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตพวกคุณพ่อลูก”

“ทำไมต้องฆ่าล้างหมดล่ะ?ในศิลปะการต่อสู้นี้ พวกเราล้วนแต่เป็นเพื่อนกันเองทั้งนั้น จะฆ่าพวกเรา……”

ชายชราคนนี้ยังไม่ทันพูดจบ หลอซ่าก็ตัดบทของเขา พูดว่า:“พวกยินดีให้พวกเขามาแก้แค้นผม”

ประโยคของหลอซ่า ทำให้ชายชราทั้งหมด ต่างจุกไปหมด

การแสดงออกแบบนี้ ไม่ต้องพูดอีกแล้ว

หลังจากที่พวกชายชราสองสามคนมองหน้ากัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความพร้อมที่จะฆ่า

ชายชรากลุ่มนี้ ถึงแม้จะฝึกศิลปะการต่อสู้มาทั้งชีวิต แต่ในมือของพวกเรา ก็กุมชีวิตไว้แค่ไม่กี่ชีวิตเท่านั้น

“ทุกคนลุยไปพร้อมกัน”

“จำไว้ว่า ใช้แรงทั้งหมด อย่าออมไว้เด็ดขาด”

ในช่วงเวลาจะเป็นจะตายนั้น คนกลุ่มนี้ยืนขึ้นพร้อมกัน ทำแนวร่วมออกมา

เผชิญหน้ากับหลอซ่า ไม่มีใครกล้าชะล่าใจ

โหจื่อมองส้าวส้วย พูดว่า:“อาจารย์ พวกเราต้องไปช่วยไหม?”

“ลูกพี่ไม่ได้บอก พวกเราดูอย่างเดียวก็พอ”

ส้าวส้วยพูดเบาๆ:“ใส่กระสุนไว้ เตรียมตัวไว้ให้ดีก็พอ”

หลอซ่าเป็นคน ไม่ใช่เทพ ถ้าคนกลุ่มนี้มาทีละคน หลอซ่าฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายๆแน่ แต่ถ้าพวกเขาร่วมมือกันอย่างดี หลอซ่า ก็จะเจอปัญหาใหญ่แล้ว

ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์เหมือนกัน ส้าวส้วยมองความสุดยอดในนั้นออก

“ลุย!”

หลังจากคำสั่ง ชายชรากลุ่มนี้ พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน ไปทางที่หลอซ่าอยู่

หลอซ่าหรี่ตาลง มองไปแล้วสงบนิ่งสุดๆ สองมือเขาอ้าออกนิดๆ ยืดออกมาหน่อยๆ จากนั้นก็กวาดเข้ามา

“ลุงจาง”

“ลุงหลี่”

คนหนุ่มคนนั้นตบไปที่ชายชราสองคนข้างๆตัวเอง ชี้ไปทางที่หลี่ฝางอยู่

“หลอซ่าฝึกกำลังภายในออกมา กลัวว่าจะยากที่จะรับมือ งั้นพวกเราจับลูกชายเขาดีไหม มาข่มขู่หลอซ่าตอนนี้ ไม่ดีกว่าเหรอ?”

ประโยคของคนหนุ่มคนนี้ แป๊บเดียวก็เตือนคนได้จำนวนมาก

“ระวังไว้ดีๆ พวกเราจะถ่วงหลอซ่าไว้ เหล้าจาง เหล้าหลี่ พวกคุณไปจับหลี่ฝาง”ชายชราคนหนึ่งพูด

จากคำพูดของหลอซ่าเมื่อกี๊ ทุกคนต่างรู้ว่า ในใจของหลอซ่า ชีวิตของหลี่ฝาง เกรงว่าจะสำคัญซะยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองซะอีก

ดังนั้น แค่จับหลี่ฝางไว้ ก็ไม่ต้องกลัวหลอซ่าจะไม่ยอมจำนนให้

โหจื่อหัวเราะเหอะเหอะ:“แม่เอ๊ย ฉลาดดีนี่ รู้จักกลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าวซะด้วย”

สามคน วิ่งเข้ามาทางหลี่ฝางนี้ ส้าวส้วยถอดเสื้อผ้าของตัวเองทิ้ง หันหน้าไปพูดทางโหจื่อ:“ภายในห้าเมตร ยิงปืนได้เลย”

โหจื่อพยักหน้า พูดว่า:“เข้าใจแล้วครับ”

“กลัวว่า ผมจะไม่มีโอกาสได้ยิงปืนซะแล้ว”

โหจื่อหัวเราะ พูดกับตัวเอง

โหจื่อรู้ความแข็งแกร่งของส้าวส้วย ถึงแม้ส้าวส้วยไม่ได้ฝึกกำลังภายใน แต่ก็ไปถึงระดับสูงสุดแล้ว

อย่างน้อย เท่าที่โหจื่อรู้ มีไม่กี่คนที่สามารถสู้ส้าวส้วยได้

อย่างจูเก่อเหย่นั่น เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของส้าวส้วย

ส่วนคนพวกนี้ แม้แต่จูเก่อเหย่ยังสู้ไม่ได้ ดังนั้นโหจื่อก็ยิ่งหมดห่วง

“เจ้าเด็กนี่อยากตายใช่ไหม?”คนหนุ่มที่เผชิญหน้าก็มองส้าวส้วยพุ่งเข้ามาเอง แล้วก็หัวเราะอย่างดูถูกขึ้นมา

“อย่าดูถูกเขา มองเสื้อผ้าที่เขาเพิ่งทิ้งลงที่พื้นสิ แปลกๆ”

เสียงชายชราพูดจบ คนหนุ่มคนนั้นก็มองเสื้อผ้าที่พื้น

“ห่า ผู้ชายคนนี้โรคจิตหรือเปล่า?เสื้อผ้าถึงได้ใส่ปรอทไว้!”คนหนุ่มคนนั้นสบถออกมา

“แม่เอ๊ย ความเร็วของเขายังเร็วกว่าผมเสียอีก”

พริบตาเดียว ส้าวส้วยก็เข้ามาใกล้ ร่างของคนหนุ่มคนนี้ อดไม่ได้ที่จะสั่น

เขาตกใจกับความเร็วของส้าวส้วย

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ:“เดิมที ผมไม่อยากลงมือเลย”

ในขณะที่ส้าวส้วยพูด ก็มาตรงหน้าของคนหนุ่มคนนี้กับชายชราทั้งสองแล้ว

ชายชราทั้งสองขยับฝีเท้า ล้อมรอบส้าวส้วยซ้ายขวา

“ผมโจมตีทางซ้าย คุณโจมตีทางขวา เสี่ยวจ้าว คุณหาโอกาส ฆ่าเขาซะ”ชายชราที่ชื่อเหล้าจางมองคนหนุ่มคนนั้น พูดเตือนว่า:“อย่าชะล่าใจใดๆเด็ดขาด ใช้แรงทั้งหมดออกมา แล้วฆ่าเขาให้ได้”

“เข้าใจแล้ว ลุงจาง”

ใบหน้าของคนหนุ่มคนนี้เย็นชาขึ้นมา เขาก็รู้ว่า นี่คือการฆ่าฟัน ไม่ใช่การแข่งขัน

การแข่งขันมีแพ้ชนะ แต่การฆ่าฟัน มีแค่รอดกับตาย

คนหนุ่มคนนี้กลืนน้ำลาย มองส้าวส้วยอย่างกังวล

พูดแล้วก็แปลกมากๆ อายุของส้าวส้วย ดูแล้วน่าจะประมาณยี่สิบ แต่ตัวของเขา กลับมีพลังอันหนักแน่น พลังนี้ กดเขาเอาไว้

“ห่า คืนนี้เป็นอะไรไป ได้เจอปรมาจารย์กำลังภายในคนหนึ่งก่อน แล้วก็มาเจอพ่อหนุ่มอัจฉริยะอีกคน?”คนหนุ่มคนนี้มองส้าวส้วย อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา

เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองนั้นเด็กที่สุดในนี้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า ส้าวส้วยตรงหน้านี้ เด็กกว่าตัวเองเยอะเลย กังฟู กลับสูงกว่าตัวเอง

เหล้าจางกับเหล้าหลี่สบตากัน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปพร้อมกัน กำหมัดไว้ ต่อยไปทางซ้ายขวาสองด้านของส้าวส้วย

ส่วนส้าวส้วย กลับยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับ เหมือนกับถูกปักหลักไว้

ส้าวส้วยกลั้นหายใจไว้ สัมผัสถึงลมที่ไหลไปมา

ตอนที่ชายชราทั้งสองมานั้นเอง จู่ๆเขาก็อ้าแขนทั้งสองออก สองมือยื่นออกไป เหมือนกับงูตัวหนึ่ง พันแขนของเหล้าจางกับเหล้าหลี่

เสียงดังปังขึ้นมา

เหล้าจางกับเหล้าหลี่ หมัดของทั้งสองคนกระแทกเข้าหากัน ส่งเสียงแตกกระดูกแตกหักออกมา

เหล้าจางกับเหล้าหลี่ กำปั้นของทั้งสอง ไม่ได้ต่อยไปที่ส้าวส้วย แต่กลับต่อยไปที่ทั้งคู่

แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสมัครใจ แต่ถูกส้าวส้วยจับไว้แล้ว

คนหนุ่มคนนั้นหรี่ตาลง พบว่าส้าวส้วยไม่ธรรมดา

“แม่เอ๊ย ยอมจริงๆเลย คืนนี้เจอผีเข้าให้แล้ว!”

คนหนุ่มมองไปทางที่หลี่ฝางอยู่ ข้างกายของหลี่ฝาง ยังมีโหจื่อยืนอยู่

“กลัวว่าจะเป็นปีศาจอีกตน”

ที่จริงคนหนุ่มคิดจะถือโอกาสที่ส้าวส้วยพันเหล้าจางกับเหล้าหลี่อยู่นั้น ตัวเองจะไปจับหลี่ฝาง แต่ตอนที่เห็นข้างกายของหลี่ฝาง ยังมีโหจื่อยืนด้วย ทันใดนั้นก็สลัดความคิดนี้ออก

“ลุงจาง ลุงหลี่ ผมไปก่อนล่ะ”คนหนุ่มคนนั้นหันหน้าไป เกิดความคิดจะหลบหนี

“ไอ้เด็กต่ำช้านี่”

เหล้าจางกับเหล้าหลี่ขมวดคิ้ว แอบด่าออกไป แต่ก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรม

ช่วงเวลาจะเป็นจะตายที่สำคัญนั้น ถึงมีคนคิดจะหนี ก็ถือว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์

เหล้าจางกับเหล้าหลี่สบตากัน ดำเนินการต่อไป ทั้งสองให้ความร่วมมือกันโดยไม่ต้องพูดอะไร แต่ความเร็วของพวกเขา ช้ากว่าส้าวส้วยอีกตั้งเยอะ

พวกเขาไม่ใช่แค่ตีส้าวส้วยไม่ได้เลยสักนิด แต่ยังถูกส้าวส้วยตีไปหลายหมัด ใบหน้าของทั้งสอง ถูกตีจนเต็มไปด้วยเลือด

ส่วนด้านหลอซ่า ก็ค่อยๆได้เปรียบขึ้นมา

บวกกับหลังจากที่คนหนุ่มคนนี้หนีไป ก็มีพวกชายชราไม่กี่คน ถือโอกาสอู้ จากนั้นก็ถอยออกจากทัพ หาโอกาส ออกไปจากด้านนอกศูนย์อาบน้ำ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท