NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่617 มู่เสี่ยวไป๋เป็นไอ้สวะ

บทที่617 มู่เสี่ยวไป๋เป็นไอ้สวะ

“อย่าเชื่อคำพูดของมู่เสี่ยวไป๋”

ส้าวส้วยมองหลี่ฝางแล้วถาม:“มู่เสี่ยวไป๋อยากซื้อแม่แบบในมือของคุณใช่ไหม?”

หลี่ฝางพยักหน้า พูดว่า:“เขาบอกว่าพ่อผมไม่มีเงินแล้ว เสนอมาห้าร้อยล้าน จะซื้อแม่แบบในมือผม แต่ผมคิดว่าราคานี้ เพิ่มได้อีกเท่า”

“ไม่ใช่เท่าหนึ่ง แต่อีกสิบเท่า”ส้าวส้วยพูดเบาๆ

“ห้าพันล้าน?”หลี่ฝางอึ้งทันที

“ใช่ ห้าพันล้าน ผมเคยเห็นแม่แบบนี้ แม่แบบนี้ดีมาก เพียงพอที่จะไปถึงจุดที่เอาของปลอมมาปนของจริงได้ เทคโนโลยีการทำเงินนี้ ผมเคยเห็นที่ต่างประเทศ เพื่อที่จะแย่งแม่แบบ เคยเกิดสงครามใหญ่ขึ้นหลายครั้ง มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยคน”

“กำไรสูงมาก แต่เงินนี้ ก็เลียนแบบยาก นอกจากจะเจอคนฝีมือดี ก็ไม่รู้ว่ามู่เสี่ยวไป๋โชคดีอะไรขนาดนี้ ดันเจอคนที่ฝีมือดีได้ขนาดนี้”

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ:“ส่วนแม่แบบจัดการยังไง เจ้านาย คุณลองหาทางทำดู ไม่ต้องโทรหาลูกพี่แล้ว จากความหมายของลูกพี่แล้ว จะต้องกำจัดมัน”

“ทำไม?”หลี่ฝางถาม

“เพราะว่าเงินที่ผลิตมา อันตราย ล้วนแต่เป็นพวกคนแก่ หรือว่าเด็กๆ”ส้าวส้วยพูดเบาๆ:“ทำบาปมาก”

หลี่ฝางพยักหน้า พูด:“ผมรู้แล้วว่าควรทำไง”

จากความคิดครั้งแรกของหลี่ฝาง เดิมทีอยากทำลายแม่แบบนี้

ผ่านไปไม่กี่นาทีนัก สายของมู่เสี่ยวไป๋ ก็โทรมาอีกครั้ง หลี่ฝางจึงตัดสาย จากนั้นก็เดินไปที่หน้าประตูโรงแรมของจูเฟิ่งปิน

ผลักประตูเข้าไป จูเฟิ่งปินก็เห็นสายตาของหลี่ฝางร้อนรนหน่อยๆ:“คุณชายหลี่ ได้แม่แบบมาหรือยัง?”

“เหอะเหอะ จูเฟิ่งปิน เกือบจะฆ่าผมตาย เข้าใจไหม?”หลี่ฝางกลอกตาใส่จูเฟิ่งปิน

“หมายความว่าไง?”จูเฟิ่งปินถาม

“ยังจะเสแสร้งกับผมอีก?หม่าจ่ายนั่น เกือบจะทำผมตาย”หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปิน สีหน้าเย็นชา:“คุณมีเจตนาไม่ดีอะไรแอบแฝงกันแน่

“หม่าจ่ายคิดจะฆ่าคุณ?จะเป็นไปได้ไง!”จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝางอย่างไม่อยากจะเชื่อ

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ:“อย่ากังวลขนาดนั้นสิ ผมแค่ลองเชิงคุณน่ะ พูดตามเหตุผลแล้ว คุณเอาของสำคัญขนาดนี้ให้หม่าจ่าย หม่าจ่ายนี้ คุณต้องเคยเชื่อใจแน่ คุณสองคน ก็ต้องมีมิตรภาพที่ผ่านอะไรยากลำบากมาด้วยกันแน่ แต่ตอนที่ผมเอากุญแจของคุณไปหาเขา เขากลับหักหลังผม คุณว่า ผมควรจะสงสัยคุณไหม?”

สีหน้าจูเฟิ่งปินเหยเก พูดว่า:“ผมคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าขนาดนี้”

“หม่าจ่ายไม่ใช่เพื่อนที่ดีที่ยอมฝ่าฟันอันตราย คุณชายหลี่”จูเฟิ่งปินพูด

หลี่ฝางขมวดคิ้ว:“แล้วคุณยังเอาแม่แบบนี้ไปไว้ที่เขาอีก?”

“เขาคือจิตรกร”จูเฟิ่งปินพูด:“นอกจากเขา ผมก็ไม่กล้าให้คนอื่นรู้ เพราะว่าแม่แบบนี้จะทำให้เกิดการฆ่าฟันจำนวนมาก”

“ที่แม่แบบอันนี้สร้างออกมาได้ หม่าจ่ายนี้ มีคุณงามความดีอยู่ครึ่งหนึ่ง”

จูเฟิ่งปินพูด:“ที่จริง ผมคิดว่าหลังจากที่เห็นน้องสาวผมปลอดภัย จะเอาความลับนี้บอกคุณ ถ้าคุณอยากผลิตเงิน นอกจากแม่แบบทั้งสองอันแล้ว ทางที่ดีควรมีหม่าจ่ายด้วย ถ้ามีเขาอยู่ จะช่วยให้คุณคลายความกังวลได้เยอะ”

หลี่ฝางตะลึงหน่อยๆ จากนั้นก็พูดอย่างโล่งใจ:“ที่แท้เขาก็คือจิตรกร”

“ใช่ เจ้าของศูนย์อาบน้ำนั้น ก็ทำเพื่อปกปิดตัวตนของเขาเองเท่านั้น ศูนย์อาบน้ำแห่งนั้น เจ้าของที่แท้จริง ที่จริงคือพี่หวางต้อง”จูเฟิ่งปินพูดว่า:“หม่าจ่ายเป็นไงบ้าง?พวกคุณเอาพวกเขากลับมาด้วยไหม?”

หลี่ฝางพยักหน้า:“เพื่อนผมเอาเขาไปแล้ว”

จูเฟิ่งปินพูด:“อย่าทำให้เขาลำบากใจมากนัก เขาคือคนมีพรสวรรค์”

“ตายแล้ว”หลี่ฝางกลอกตาใส่

“อะไรนะ ตายแล้ว?”จูเฟิ่งปินตะลึงเล็กน้อย

“ใช่ ตายแล้ว”

“หรือว่าก่อนเขาตาย ไม่ได้บอกตัวตนพวกคุณเหรอ?”จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝาง ตาเบิกโต

“น่าจะไม่มีโอกาสแหละ”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ คิดถึงฉากนั้นที่โหจื่อฆ่าหม่าจ่าย

หม่าจ่ายคิดว่าโหจื่อจะปล่อยเขาแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าจู่ๆโหจื่อก็เหนี่ยวไกล่ะ?

ถ้าโหจื่อนับหนึ่งสองสามก่อนที่จะเหนี่ยวไกนั้น สันนิษฐานว่าหม่าจ่ายจะต้องพูดตัวตนของตัวเองออกมาแน่

“โอเค แต่มีแม่แบบอยู่ก็ดี แค่มีแม่แบบอยู่ วันข้างหน้า เงิน ก็สร้างออกมาได้”จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝางแล้วถาม:“คุณชายหลี่ น้องสาวผมล่ะ?”

“ในเมื่อคุณได้แม่แบบอันแรกมาแล้ว งั้นก็ปล่อยน้องสาวผมซะ หลังจากปล่อยน้องสาวผมแล้ว ผมจะพาคุณไปเอาแม่แบบอันที่สอง ถ้าคุณคิดว่าผลิตเงินนั้นยุ่งยาก ผมแนะนำผู้ซื้อให้คุณได้ มีคนยอมจ่ายสองพันล้านเพื่อซื้อแม่แบบนี้ แต่พวกเราไม่กล้าทำการค้าขายด้วย ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่หวางต้อง หรือว่าพี่หยุน ต่างกลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะฆ่าล้างหมด”

“ธุรกิจใหญ่โตขนาดนี้ ผมทำไม่ไหว แต่คุณทำได้”จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝาง แล้วถาม

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ เอากระดาษทิชชูที่เขียนไว้บนโต๊ะ วางไว้ที่พื้น จากนั้นก็จุดไฟ

“คุณชายหลี่ทำอะไรน่ะ?”จูเฟิ่งปินมองหลี่ฝางอย่างสงสัยแล้วถาม

หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปินแล้วถาม:“แม่แบบนี้ กลัวไฟไหม?”

“แน่นอนว่ากลัว”จูเฟิ่งปินพยักหน้า

หลี่ฝางหยิบแม่แบบออกมาทันที ทิ้งไปในกองไฟ ตอนนั้นจูเฟิ่งปินเหมือนคนบ้า คิดจะคว้าไว้ แต่ถูกหลี่ฝางเตะไปที่พื้น

“คุณชายหลี่ คุณบ้าหรือเปล่า”จูเฟิ่งปินที่ล้มไปที่พื้น มองหลี่ฝางด้วยใบหน้าน่ากลัว

ในสายตาของจูเฟิ่งปิน แม่แบบนี้ มีค่าถึงพันล้านเชียว

ถึงเขาจะได้พันล้านมาไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากเห็นพันล้านนี้ถูกเผาทำลาย

“สมองคุณมีแต่เงินหรือไงแม่เอ๊ย?เงินอะไรก็ทำ คุณรู้ไหมว่าเงินปลอมพวกนี้ส่วนมากตกไปอยู่ในมือของใคร หลอกใครบ้าง?ส่วนมากก็เป็นคุณย่า คุณปู่ที่มาจากแผงลอยเล็กๆ พวกเขาขายผลไม้ ผัก ง่ายนักเหรอ?”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว พูดอย่างเย็นชา:“คนแก่พวกนี้ วันหนึ่งหาเงินได้เท่าไหร่?ถ้าถูกเงินปลอมของพวกคุณหลอกไป ก็เป็นไปได้ที่จะป่วยจากการถูกหลอก คุณเข้าใจไหม?”

หลี่ฝางมองจูเฟิ่งปิน แล้วกัดฟันพูด:“คนอย่างคุณ สมควรตายจริงๆ”

จูเฟิ่งปินฟังคำพวกนี้ไม่เข้าหัวแล้ว เขาได้แต่เบะปาก ค่อยๆนั่งลงที่พื้น:“คุณชายหลี่ น้องสาวผมล่ะ?”

หลี่ฝางพูด:“น้องสาวคุณไม่ได้อยู่ในมือผม”

ตอนนี้ แม่แบบถูกทำลายไปหนึ่งอันแล้ว ถึงจูเฟิ่งปินได้แม่แบบมาอีกอัน หลี่ฝางก็ไม่ห่วงแล้ว

แม่แบบนี้มีแค่อันเดียว ก็เท่ากับว่าไม่สมบูรณ์

ไม่มีมูลค่าใดๆเลย

จูเฟิ่งปินตาเบิกโตมองหลี่ฝาง:“คุณชายหลี่ คณหมายความว่าไง?คุณบอกว่าน้องสาวผมไม่อยู่ในมือของคุณ แต่เมื่อกี๊ผมได้ยินร้องสาวผมขอความช่วยเหลือที่ปลายสายชัดๆ”

“นั่นก็แค่อัดเสียงน่ะ”หลี่ฝางพูด

เวลานี้ จูเฟิ่งปินก็กัดฟันแน่น กำหมัดแน่นขึ้นมา เขามองหลี่ฝางด้วยดวงตาสีแดง แทบอยากจะฆ่าหลี่ฝางตาย

“คุณไม่ได้ช่วยน้องสาวผม น้องสาวผมถูกคนของมู่เสี่ยวไป๋พาไป ใช่ไหม?”จูเฟิ่งปินถาม

หลี่ฝางพยักหน้า พูดว่า:“ใช่”

“แม่เอ๊ย……”

หลังจากรู้ว่าถูกหลอก จูเฟิ่งปินก็พุ่งเข้ามา แต่จูเฟิ่งปินที่ได้รับบาดเจ็บ จะไปเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่ฝางได้ไง

หลี่ฝางสามารถเอาชนะจูเฟิ่งปินได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

“คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ผม ผมรู้ว่าคุณอยากฆ่าผม แต่ฆ่าผมไปจะมีประโยชน์อะไร หรือว่าผมตายไป น้องสาวคุณจะกลับมา?”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ:“น้องสาวคุณถูกคนของมู่เสี่ยวไป๋จับไป เพราะว่าคุณทำบาปหนาเหลือเกิน เข้าใจไหม?ทำเรื่องไร้คุณธรรมมากเกินไป คนแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกกรรมตามทัน”

“แต่ ผมรับปากคุณ ผมจะช่วยน้องสาวคุณออกมา”

หลี่ฝางพูด:“พรุ่งนี้ คุณพาผมไปที่ห้องเช่าของเฉิงหยุน จากนั้นเอาแม่แบบอีกอันมาได้ พวกเราเอาแม่แบบ ไปแลกกับน้องสาวคุณ ผมเชื่อว่าอีกฝ่ายต้องยอมตกลง”

“ถ้าพวกเขาไม่ตกลงล่ะ?แม่แบบส่วนนี้ อีกฝ่ายจะยอมตกลงได้ไงกัน?”จูเฟิ่งปินกัดฟันพูด

“ถ้าไม่รับปากก็แตกหักเลย คุณไม่ต้องเอาน้องสาวคุณแล้ว พวกเขาก็ไม่อยากได้แม่แบบอีก”หลี่ฝางพูดเบาๆ

ตอนที่จูเฟิ่งปินจะลงมืออีกครั้ง หลี่ฝางใช้นิ้วชี้ใส่จมูกเขา:“คุณอย่าทำอะไรมั่วๆดีกว่า ตอนนี้อยากช่วยน้องสาวคุณ คุณก็ได้แต่พึ่งผม และที่ผมเพิ่งพูดไป ก็เป็นวิธีเดียว เข้าใจไหม?”

หลี่ฝางพูดจบ ก็ออกไปจากห้องทันที

ในห้องไม่มีอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารใดๆ หลี่ฝางไม่กังวลว่าจูเฟิ่งปินจะหนี

จูเฟิ่งปินไม่หยุดใช้มือตบไปที่ประตูโรงแรม เหมือนกับคนบ้า แต่หลี่ฝางไม่สน

หลี่ฝางมาหาหมอ พูดกับเขา:“ฉีดยากล่อมประสาทให้เขา ให้เขาพักผ่อนหน่อย”

จากนั้น หลี่ฝางก็เข้าไปในรถ ไปจากทางโรงพยาบาล

ครึ่งชั่วโมงถัดมา หลี่ฝางเห็นเฉินฝูเซิง เขากำลังนั่งอยู่ทางเข้าของโรงพยาบาล สูบบุหรี่ มองไปแล้วอารมณ์หดหู่มาก

พอหลี่ฝางลงจากรถ เดินเข้ามา

“บุหรี่กี่สิบมวลแล้ว คุณจำเป็นต้องแบบนี้ด้วยเหรอไง?”หลี่ฝางมองเฉินฝูเซิง ส่ายหน้าเบาๆ

เฉินฝูเซิงเงยหน้าขึ้น มองหลี่ฝาง:“คุณชายหลี่ ผมอยากแก้แค้น”

พูดจบ เฉินฝูเซิงก็ยืนขึ้น เอาบุหรี่ในมือ บีบออกมาเป็นผง หลี่ฝางรู้สึกได้ถึงความโมโหของเฉินฝูเซิง

หลี่ฝางพยักหน้า พูดว่า:“แค้น พวกเราต้องชำระแน่ แต่อย่าประมาท คุณเข้าใจไหม?”

เฉินฝูเซิงพูด:“ถ้าผมประมาท ก็ไปหามู่เสี่ยวไป๋ตอนนี้แล้ว”

“แม่เอ๊ย ตัดหูข้างหนึ่งของคนของผมไปทุกคน แม่เอ๊ย รอเจอเขาก่อน ผมจะต้องฆ่าไอ้ระยำนี่แน่”เฉินฝูเซิงพูดด้วยใบหน้าโกรธจัด

หลี่ฝางพูดกับเฉินฝูเซิง:“ผมรู้ว่าตอนนี้คุณหัวร้อนมาก แต่คุณต้องระงับมันไว้”

“พวกเขาไม่เป็นไรใช่ไหม?”หลี่ฝางถอนหายใจ ถามไป

เกิดเรื่องแบบนี้ไป หลี่ฝางก็โทษตัวเอง

“อีกเดี๋ยว ผมจะให้พวกจูเปิ่น ทุกๆคนเอาเงินไปคนละนิดหน่อย ถือว่าเป็นค่าชดเชย”หลี่ฝางตบไหล่ของเฉินฝูเซิง พูดไป

“นั่นไม่ต้องหรอกครับ พวกเขาเองที่ทำงานไม่ดี ในเมื่อทำภารกิจไม่สำเร็จ พวกเราก็ไม่มีหน้าไปเอาเงินของคุณหรอกคุณชายหลี่”

“พวกจูเปิ่นเขาเป็นคนที่ผ่านอุปสรรคมามากมาย ที่ตัวของเขา โดนกระสุนมาหลายนัดแล้ว แค่หูข้างเดียว ข้างในใจเขาไม่เป็นไรเลย คุณชายหลี่คุณไม่จะเป็นต้องใส่ใจ”

“ที่จริง คนอย่างพวกเขา ไม่มีเจ้านายดีๆสักคน ก็ไม่มีเป้าหมายที่จะวิ่งตามเพื่อคนอื่น ถึงวันหนึ่งจะถูกคนหักแขนหรือหักขา ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องปกติ ผมปล่อยวาง พวกเขาก็ปล่อยวางมาก ผมก็แค่ทนต่อความคับข้องใจนี้ไม่ได้”เฉินฝูเซิงพูด:“ผมดันแพ้ให้กับเงื้อมมือของมู่เสี่ยวไป๋ได้”

“แม่เอ๊ยแค่ลูกคนรวยคนหนึ่ง เป็นแค่คนไม่เอาไหนคนหนึ่ง แค่สวะคนหนึ่ง ก็มาแตะต้องคนของผมได้ ห่า……”เฉินฝูเซิงยิ่งพูดยิ่งโมโห

“อย่าดูถูกมู่เสี่ยวไป๋ ความกล้าเขาน้อยไปหน่อย มองดูแล้วก็ไม่มีความสามารถใดๆ แต่เขาฉลาดมาก วิธีการก็ต่ำช้าสุดๆ มากไปกว่านั้น ที่นี่คือถิ่นของเขา คุณแพ้ให้เขา ไม่ใช่เรื่องปกติเหรอ?ครั้งนี้ไม่ใช่แค่คุณแพ้ แต่ว่า ผมก็แพ้”

หลี่ฝางพูดกับเฉินฝูเซิง:“มู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้อ่อนอย่างที่คุณคิดอย่างนั้น คุณต้องเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง”

“สวะตัวหนึ่งที่คุกเข่าเรียกผมว่าท่าน ผมต้องเผชิญหน้ากับคนแบบนี้ด้วยเหรอ?”

เฉินฝูเซิงพูดดูถูก:“เดิมทีเขาก็เป็นไอ้สวะ ถ้าเขาเก่งจริง ทำไมต้องไม่รับสายของผม หรือว่าจัดการผมไปเลยตรงๆล่ะ ผมว่าเขาไม่กล้า”

หลี่ฝางมองเฉินฝูเซิง ทันใดนั้นก็ตกอยู่ในความคิด

“เฉินฝูเซิง ในสายตาคุณ คุณคิดว่ามู่เสี่ยวไป๋ไม่เอาไหนเหรอ?”หลี่ฝางถาม

“ยังไงซะในสายตาผม เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ผม”เฉินฝูเซิงหัวเราะเหอะเหอะ

“งั้นคุณเข้าคุกได้ไง?”หลี่ฝางถามย้อน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท