NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 626 ชางสู่หนีหัวซุกหัวซุน

บทที่ 626 ชางสู่หนีหัวซุกหัวซุน

ส้าวส้วยมองชางสู่อย่างสงบนิ่ง ภายในแววตาไม่มีความเกลียดชังและความอาฆาตอยู่เลยแม้แต่น้อย แต่บนใบหน้าของชางสู่ กลับมีแววอาฆาตซ่อนอยู่บ้าง

ถึงแม้มู่เสี่ยวไป๋จะตกใจกลัวจนหนีไป แต่คนก็ยังอยู่

คนพวกนี้ ล้วนเป็นคนของชางสู่ พวกเขาต่างก็มีปืนอยู่ในมือ บวกกับตัวเองเป็นยอดฝีมือ ชางสู่เผชิญหน้ากับส้าวส้วย ก็ไม่ได้ขี้ขลาดอ่อนแอเลย

ถ้าหากต้องการล้างแค้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะสำเร็จ

แต่ว่า บนใบหน้าของส้าวส้วย กลับมั่นใจไม่เกรงกลัวใด ๆ เลย

นั่นทำให้ชางสู่ตกใจเล็กน้อย บอกกับวิธีการที่ส้าวส้วยแสดงออกมาเมื่อกี้ ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในใจ

ส้าวส้วยที่ดูไม่มีอันตรายใด ๆ ใครจะไปคิดว่าเขาจะเป็นปีศาจที่กลืนกินคนไม่คายกระดูกละ?

“เล่ห์เหลี่ยมวิธีการของนาย ซักจะสกปรกเกินไปแล้ว”

ชางสู่ยิ้มอย่างเหยียดหยามเล็กน้อย เขามองส้าวส้วยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย: “คิดมาตลอดว่านายเป็นยอดฝีมือ คงไม่สนใจที่จะเล่นวิธีสกปรกแบบนี้ แต่คิดไม่ถึงว่า……เหอะ ๆ ”

ชางสู่หัวเราะเหอะ ๆ เขามองส้าวส้วยด้วยความดูถูกเล็กน้อย: “ใครเป็นคนสร้างความหายนะคนนั้นก็เป็นคนรับอย่าไปเดือดร้อนคนอื่น สัจธรรมนี้ นายน่าจะเข้าใจอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“สร้างความหายนะ?”

ส้าวส้วยทำหน้าทะเล้น เขากล่าวอย่างหน้าด้าน ๆ : “ฉันไปสร้างความหายนะให้ใครเหรอ? ฉันก็แค่ให้คนในครอบครัวของมู่เสี่ยวไป โทรหามู่เสี่ยวไป๋เท่านั้นเอง……แกดูสิดึกดื่นแบบนี้ ฝนตกหนักขนาดนี้ คนเฒ่าคนแกบ้านไหนไม่เป็นห่วงลูกหลาน แกว่าใช่ไหมล่ะ?”

“แก……”

ชางสู่กัดฟันกรอด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าส้าวส้วยจะหน้าหนาหน้าด้านถึงเช่นนี้

“เฮอะ ถ้าหากในเวลานี้ฉันต้องการแกแค้นให้กับพรรคพวกของฉันล่ะก็ แกคิดว่า แกจะหนีรอดไปได้ไหม?” ชางสู่ทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา พลางเอ่ยถาม

ส้าวส้วยมองไปที่หลี่ฝาง กล่าว: “เจ้านาย คุณไปหาพี่หลิงหลง เอาน้ำมาให้ผมสักขวดหน่อย”

หลี่ฝางชะงักไปสักครู่ ในใจคิด นายหิวน้ำแล้วไปเอาเองไม่ได้หรือไง

ใช้เจ้านายของตัวเอง?

ส้าวส้วยคนนี้ บังอาจมากเกินไปจริง ๆ

แต่ว่า หลี่ฝางยังคงเดินเข้าไปหาหลิงหลง แล้วกล่าว: “พี่หลิงหลง มีน้ำไหม?”

“รีบมานี่เร็ว” หลิงหลงส่งสายตาให้กับหลี่ฝาง และดึงหลี่ฝางเข้ามาใกล้ ๆ ตัวเอง

“พี่หลิงหลง ดึงผมทำไมเหรอ?” หลี่ฝางรับรู้ถึงความไม่ปกติ จึงเอ่ยถามอย่างสับสน

“อีกเดี๋ยวก็คุณก็รู้แล้ว”

พี่หลิงหลงกล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

หลี่ฝางพลันเข้าใจขึ้นมาทันที เขามองพี่หลิงหลงแล้วเอ่ยถาม: “เมื่อกี้ส้าวส้วยเจตนาให้ผมออกมาจากตรงนั้น?”

หลิงหลงพยักหน้า เธอมองหลี่ฝาง: “นายน้อยนับว่ายังไม่โง่สักเท่าไหร่”

“เขาเจตนาให้ผมออกมาจากตรงนั้น หรือว่าเขาจะ” หลี่ฝางขมวดคิ้ว สีหน้าท่าทางลนลานขึ้นมาทันที

“เชรด เขาบ้าไปแล้วเหรอ ในมือของคนพวกนั้น ต่างก็มีปืนนะ……”

หลี่ฝางเข้าใจความหมายของส้าวส้วยขึ้นมาทันที ส้าวส้วยไม่ได้อยากจะดื่มน้ำจริง ๆ หรอก แต่จะเริ่มลงมือปะทะกับชางสู่แล้ว

ชางสู่นั้นฉลาดกว่าหลี่ฝางอีกมาก เพียงแวบเดียวเขาก็เดาเจตนาของส้าวส้วยออก

สี้หน้าของชางสู่พลันเคร่งขรึงลง เขามองส้าวส้วยอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยถาม: “ทำไม หรือว่าแกคิดอยากจะลองดูจริง ๆ ?”

“เหอะ ๆ ต่อให้การเคลื่อนไหวของแกรวดเร็วขนาดไหน หรือว่าจะเร็วไปกว่าลูกกระสุน?”

“ต่อให้ร่างกายของแกแข็งแค่ไหน หรือว่าจะสามารถทำให้ลูกกระสุนยิงไม่เข้า?”

ชางสู่จ้องมองส้าวส้วย ในสายตาเต็มไปด้วยความดูหมิ่นดูแคลน

แต่ส้าวส้วยเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว: “อีกสักพัก แกก็จะรู้เอง”

“เหอะ ๆ แกคิดว่า ฉันไม่กล้าฆ่าแก ใช่ไหม?” ชางสู่หัวเราอย่างเยือกเย็น

“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อนเลย”

ส้าวส้วยยิ้มตาหยี กล่าว: “ฉันเพียงแค่คิดว่า แกฆ่าฉันไม่ได้เท่านั้นเอง”

ส้าวส้วยกล่าวจบ สีหน้าของชางสู่ ก็เคร่มครึมขึ้นมาทันที

ชางสู่นำพรรคพวกออกมาด้วยสิบกว่าคน และพรรคพวกกลุ่มนี้ ต่างก็มีปืนอยู่ในมือ

ส้าวส้วยเพียงตัวคนเดียว ถึงกับบอกว่าชางสู่ฆ่าเขาไม่ได้ นี่ทำให้ชางสู่รู้สึกตลกขบขันอย่างมากทั้งยังโมโหสุดขีด

“แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เทพเหรอ?”

ชางสู่เหน็บแนมด้วยสีหน้าที่เย็นชา

หลังจากนั้น ชางสู่ก็ได้พูดกับพรรคพวกของตัวเอง: “ลงมือ ฆ่ามันให้ตาย”

“ฉันนักว่าแกจะสู้กับฉันสักยกก่อน รอจนแกแพ้ แล้วค่อยให้พี่น้องของแกควักปืนออกมา เหอะ ๆ ” ส้าวส้วยหัวเราะอย่างเหยียดหยาม

“ฉันชอบวิธีที่ง่ายที่สุดน่ะ”

ชางสู่กล่าว: “ฆ่าด้วยปืน มันรวดเร็วดี”

ชางสู่พึ่งพูดจบ คนที่อยู่ด้านหลังของเขากลุ่มนั้น ก็ควักปืนออกมาเสียงดังพรึบพรับ และในขณะที่พวกเขาควักปืนออกมานั้นเอง หลิงหลงพลันขยับอย่างรวดเร็ว แล้วไปปิดไฟลง

ทั่วทั้งร้านกาแฟ มืดมิดขึ้นมาทันที

“เจ้านาย อย่าขยับ”

ในเวลานี้หลิงหลงก็ได้กดบ่าของหลี่ฝางเอาไว้พลางกล่าว: “ขอเพียงคุณไม่ออกไป ฉันสามารถรับประกันความปลอดภัยของคุณได้

หลี่ฝางอืมตอบรับ เขามองเห็นที่ในมือของหลิงหลง ปรากฏรัศมีที่เย็นยะเยือกออกมา คาดว่าจะเป็นมีดเล่มหนึ่ง

เมื่อก่อน หลี่ฝางเคยเห็นหลิงหลงใช้มันครั้งหนึ่ง

สำหรับฝีมือของหลิงหลง หลี่ฝางไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ความสามารถของเธอ เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าโหจื่อ

“เย็xแม่ง ทำไมถึงปิดไฟน่ะ!”

พรรคพวกคนหนึ่งของชางสู่ ตะโกนด่าออกมาอย่างโมโห

หลังจากนั้น ก็มีเสียงปังดังขึ้น

คนที่ตะโกนด่าคนนั้น ถูกยกขึ้นมา แล้วฟาดลงไปที่พื้น

“ยิง!”

ชางสู่ไม่ลังเล เขาตะโกนขึ้นมาทันที

แต่ว่า มืดมิดแบบนี้ ใครล่ะจะกล้ายิง?

ถึงยังไงในห้องแห่งนี้ ส่วนมากล้วนเป็นพรรคพวกของตัวเองทั้งนั้น

“ลูกพี่ ถ้าเกิดยิงโดนพรรคพวกของตัวเองจะทำยังไง?” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา

“แกแม่งโง่หรือไง เปิดโทรศัพท์ไม่เป็นเหรอ บนโทรศัพท์มีไฟฉายอยู่หนิ” ฉางสู่พลันนึกขึ้นมาได้ แล้วรีบพูดขั้นมาทันที

เมื่อชางสู่พูดออกมา ทุกคนต่างก็หยิบโทรศัพท์ออกมา

แต่ทว่าในตอนนี้เอง ลูกเล็กกลม ๆ เล็ก ๆ หลายลูก ก็ได้พุ่งเข้ามาจากด้านนอก ทำให้โทรศัพท์ในมือของพวกเขา ถูกตีจนพัง

“แม่งเอ๊ย!”

ชางสู่ขมวดคิ้ว เขาหยิบปืนออกมา และลั่นไกปืนทันที

สำหรับยอดฝีมือคนหนึ่งแล้ว พวกเขาต่างก็มีสัมผัสที่หกที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์

ลูกปืนถูกยิงออกไปหนึ่งนัด คนคนหนึ่ง ก็ล้มลงไปกองกับพื้น

“เข้าไปดูซิ”

ชางสู่ขมวดคิ้วกล่าว

ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้าไปดู จากแสงไฟสลัว ๆ เขามองเห็นชัดเจนแล้ว เป็นพรรคพวกของตัวเอง ทั้งยังเป็นพี่น้องที่สนิทสนมของตัวเอง

ในชั่วพริบตา เขาก็กัดฟันกล่าว: “เป็นพี่เหว่ย”

“แม่งเอ๊ย!”

ชางสู่ด่าอย่างเย็นชา: “เมื่อกี้ไอ้เหี้ยนั่นยังอยู่ตรงนั้นอยู่เลย”

“ฉันอยู่ตรงนี้ไงล่ะ!” เสียงของส้าวส้วย ดังมาจากทางด้านซ้ายของชางสู่

ชางสู่ไม่คิดเลยแม้แต่น้อย เขาย้ายปลายกระบอกปืนทันที และเล็งไปทางที่มาของเสียง แล้วลั่นไกปืนทันที

คนคนหนึ่งล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง ชางสู่วิ่งเข้าไปดู เป็นลูกน้องของตัวเองอีกแล้ว

“แม่งเอ๊ย แกตะโกนออกมาหน่อยไม่ได้หรือไง?”

หลังจากที่ชางสู่ตะคอกด่าไปที่ร่างไร้วิญญาณของลูกน้องของตัวเอง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา

พรรคพวกตายติดตามกันไปสองคน ทั้งยังเป็นตัวเองที่เป็นคนฆ่า ชั่วพริบตา อารมณ์ของชางสู่ แทบจะระเบิดออกมา

ชางสู่มองไปรอบ ๆ เขามองเห็นพรรคพวกของตัวเองต่างก็ลุกลี้ลุกลนไปหมด ชางสู่ตะโกนด่าออกมา: “เหี้ยเอ๊ยเลิกเล่นเป็นลิงหลอกเจ้าซะที ถ้าเก่งจริง แกก็ไสหัวออกมาสิ!”

“ก็ได้ ฉันออกมาแล้ว” ส้าวส้วยพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค เขาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของชางสู่ทันที

เพียงแต่ว่า ในตอนที่ชางสู่พึ่งจะยกแขน นำปืนยกขึ้นมานั้นเอง ที่อยู่ด้านหน้า กลับกลายเป็นพรรคพวกของตัวเอง

“ไม่ใช่นะ อย่านะ ลูกพี่ เป็นผมเอง”

สีหน้าของชางสู่ หม่นหมองถึงขีด เขามองพรรคพวกของเขา แล้วกล่าว: “ปืนของแกล่ะ?”

“มีคนจับตัวแก แกยิงปืนไม่เป็นหรือไง?” ชางสู่กล่าวถามอย่างเยือกเย็น

คำตอบของพวกเขานั้น เหมือนกันไม่มีผิด

“ปืน ปืนหายไปแล้ว”

ในตอนที่ทุกคนหาปืนในมือของตัวเองไม่เจอนั้น สีหน้าของชางสู่ ก็เริ่มลนลานขึ้นมา

เมื่อกี้ชางสู่รู้สึกได้ มีเงาของคนคนหนึ่ง ขยับไปมาอยู่ในร้านกาแฟอย่างไม่หยุด และคนคนนี้ จะต้องเป็นส้าวส้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

การเคลื่อนไหวของส้าวส้วยเร็วมากเกินไป เร็วจนทำให้ชางสู่รู้สึกว่าส้าวส้วยไม่ใช่คน แต่เป็นดวงวิญญาณ

ดังนั้น ณ เวลานี้ ชางสู่ตกใจกลัวจนเหงื่อที่เย็นยะเยือกไหลออกมาไม่หยุด

และนั่นก็หมายความว่า ปืนที่อยู่ในมือพรรคพวกของตัวเองได้ถูกส้าวส้วยแย่งไปแล้ว

ส้าวส้วยเพียงแค่แย่งปืนในมือขอพวกเขาไป แต่ไม่ได้เอาชีวิตของพวกเขา นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

ก็หมายความว่าดูถูกเหยียดหยามยังไงละ

สามารถแย่งปืนไปโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวได้ นั้นคือถ้าจะเอาชีวิตของพวกเขาล่ะก็ ก็ง่ายเพียงนิดเดียวถึงจะถูก

ชั่วพริบตา ชางสู่รู้สึกว่าส้าวส้วยคนนี้ น่ากลัวอย่างสุดขีด

อย่างน้อย การเคลื่อนไหวแบบนี้ ชางสู่ไม่สามารถทำได้

ยิ่งไปกว่านั้น ชางสู่รู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกไก่ในกำมือที่ส้าวส้วยกำลังเล่นอยู่ ชางสู่ลังเลอยู่ชั่วขณะ เขาจับไปที่แขนพรรคพวกของตัวเองแล้วกล่าว: “วิ่ง!”

วิ่ง?

ชั่ววินาทีนั้น พรรคพวกของชางสู่ ต่างก็ตะลึงงัน

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชางสู่ก็วิ่งออกจากร้านกาแฟ อย่างรวดเร็วราวกับจรวด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท