NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 635 เรียนเป็นเพื่อนหลี่ฝาง

บทที่ 635 เรียนเป็นเพื่อนหลี่ฝาง

“เมื่อไม่มีวันก่อน มีคนลักลอบข้ามพรมแดนมา คนกลุ่มนั้น แต่ละคนล้วนแต่เป็นผู้ร้ายที่ประเทศต้องการตัว พวกเขาเพิ่งจะลักลอบเข้ามา ก็ถูกคนบางกลุ่มเพ็งเล็งไว้ ต่อมา มีบางคนจัดฉาก ทำให้คนพวกนั้นถูกจับ”

“นายน่าจะจำป๋ายหม่าได้ใช่มั้ย?”

“คนร้ายพวกนั้น มาเพื่อล้างแค้นให้ป๋ายหม่า” โหจื่อพูด

หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วพูด: “มุ่งหน้ามาทางพวกเราเหรอ?”

“ใช่ เพื่อที่จะรวบผู้ร้ายพวกนั้น มีคนบางคนเอาชีวิตเข้าแลก ดังนั้น คนบางคนมาหาพวกเรา จะให้พวกเราร่วมมือกับพวกเขา จากนั้นก็ไปจัดการองค์กรที่อยู่เบื้องหลังป๋ายหม่า”

“องค์กรนั้นเป็นภัยต่อทั้งโลก ไม่ช้าก็เร็วก็ควรจะถูกทำลาย แต่แค่ ที่กบดานของพวกมัน ลึกลับมากๆ บวกกับที่มีอาวุธปืนเป็นของตัวเอง ดังนั้นจะขุดรากถอนโคน ก็ทำได้ยากเอามากๆ ส่วนลูกพี่ใหญ่กับอาจารย์พวกเขา ก็พอดีได้เข้าไปอยู่ในนั้นได้ประมาณสามปี จึงได้คุ้นเคยกับในนั้นมากๆ ดังนั้น ลูกพี่ใหญ่กับอาจารย์ จึงไปนำทางพวกเขา”

“นำทาง?” หลี่ฝางไม่อยากจะเชื่อ: “แค่นำทางจริงๆ เหรอ?”

“ถึงยังไงปากเขาก็พูดมาแบบนี้ แต่ลูกพี่ใหญ่กับอาจารย์สามารถรอดชีวิตมาจากในนั้นได้ ความสามารถต้องมีแน่นอน คนพวกนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าหากจะหาแค่คนนำทาง ก็ไปคว้าคนถิ่นนั้นมา ไม่จำเป็นต้องลำบากมาหาพวกเราจริงมั้ย? นายว่าใช่มั้ย? คนพวกนั้นถึงแม้จะไม่พูดตรงๆ แต่ก็เห็นได้ชัด พวกเขาแค่อยากจะหาผู้ช่วย คนที่สามารถฆ่าศัตรูได้”

“พวกเขา ถือได้ว่าเก็บเพชรได้ มาหาคนถูกแล้ว จากฝีมือของลูกพี่ใหญ่กับอาจารย์ คิดดูแล้วองค์กรนี้ ถึงแม้จะไม่ดับสูญสิ้น แต่ก็ไม่น่าจะเหลืออยู่แล้ว”

“เจ้านาย นายไม่จำเป็นจะต้องกังวลลูกพี่ใหญ่กับอาจารย์เลย นายน่าจะเคยเห็นฝีมือของลูกพี่ใหญ่แล้ว ตอนที่ฉันอยู่ที่ต่างประเทศช่วงนั้น ฉันเจอปรมาจารย์มาทุกประเภท ทหาร ฝีมือของพวกเขาไม่ใช่ย่อยๆ เป็นถึงคนมีชื่อเสียงระดับประเทศ แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าลูกพี่ใหญ่ ก็ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง”

“ส่วนอาจารย์ของฉัน เป็นลูกบุญธรรมที่สั่งสอนมาด้วยตัวเองที่ลูกพี่ใหญ่พอใจที่สุด”

หลังจากโหจื่อพูดจบ ก็มองหลี่ฝาง และยิ้มอย่างพอใจ: “เจ้านาย ประโยคเมื่อกี้ ล้อกันเล่นใช่มั้ย หรือว่าจริงจัง?”

“ประโยคไหน?” หลี่ฝางถาม

“ลูกชายของหลอซ่าไง ฮ่าๆ ” โหจื่อยิ้ม: “นายรู้มั้ยว่าประโยคนี้หมายความว่ายังไง? หมายความว่านายอยากสืบทอดงานของลูกพี่ใหญ่ เข้าใจมั้ย?”

สีหน้าของหลี่ฝางเลิ่กลั่กเล็กน้อย: “ถึงแม้ฉันจะอยาก แต่ฉันก็ไม่มีความสามารถนั้น”

“ไม่ว่าเรื่องอะไร ก็เรียนกันได้ แล้วก็ที่นายถือปืนเมื่อกี้ ฉันก็เห็นเงาของลูกพี่ใหญ่ ออกมาจากตัวนายจริงๆ ฉันเชื่อว่า ขอแค่นายกล้า หลังจากวันนี้ ก็สามารถกลายเป็นบุคคลอย่างลูกพี่ใหญ่ได้”

โหจื่อมองหลี่ฝางพลางพูด

“ใช่แล้ว ฉันพานายไปRecalling the pastดีกว่า” โหจื่อก็ลากหลี่ฝาง ไปตงไห่

กิจการของRecalling the past ยังคงมาแรง ไม่เจอกันหลายวัน หน้าของถังหยู่ซวน ก็เกรี้ยวกราดขึ้นนิดนึง

เมื่อเห็นรอยแผลเป็นบนคอ หลี่ฝางก็เข้าไปถาม: “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“ถูกหมาป่าข่วน” ถังหยู่ซวนยิ้ม แล้วพูดอย่างเรื่อยเปื่อย

“หมาป่า?” หลี่ฝางเบิกตากว้าง พลางมองถังหยู่ซวน

“สองวันก่อนอาจารย์ผลักผมลงไปในหุบเขา ให้ผมใช้ชีวิตในป่า ผมก็คิดไม่ถึง ในหุบเขานั้นจะมีหมาป่า ยังดีที่บนตัวยังมีมีดเล่มนึง ถ้าไม่อย่างนั้น ผมคงกลายเป็นอาหารค่ำของหมาป่าไปแล้ว” ถังหยู่ซวนนึกถึง ใบหน้าก็ซับซ้อนพลางพูด

“หมาป่าภูเขานั่น เป็นฉันเองที่จับไปปล่อย” โหจื่อหัวเราะเหอะๆ พลางพูด

ถังหยู่ซวนได้ยินแบบนี้ สายตาที่มองโหจื่อ ก็เต็มไปด้วยความแค้น แต่แล้วก็จางหายไป

“หมาป่าตัวนั้นเกือบจะเอาชีวิตผมไปแล้ว” ถังหยู่ซวนบ่นใส่โหจื่อ

โหจื่อหัวเราะเหอะๆ : “เหรอ? ฉันรู้แค่ว่า ตอนที่นายกลับมาบอกฉันว่า เนื้อหมาป่าอร่อยมาก ยังเอามาให้ฉันชิ้นนึงด้วย” ถังหยู่ซวนเกือบจะตีโหจื่อแล้ว

“เอาล่ะ ไม่ต้องบ่นแล้ว อาจารย์มีของจะให้” โหจื่อพูด แล้วยื่นปืนหนึ่งกระบอกให้ถังหยู่ซวน

ปืนกระบอกนี้ เป็นปืนพกทอง

ปืนทั้งกระบอกทำมาจากทองคำ แม้แต่กระสุน ก็ยังเป็นทองคำ

ทั้งโลกนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ด มีแค่สองกระบอก หลี่ฝางมองโหจื่อตาปริบๆ คนหงกๆ อย่างโหจื่อ ทำไมจู่ๆ ก็ใจกว้างขนาดนี้?

กำลังแสดงความรู้สึกผิดเหรอ?

“ขอบคุณครับอาจารย์” นัยน์ตาของถังหยู่ซวน แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้น

หลี่ฝางมองถังหยู่ซวน แล้วพูด: “นายรู้ประวัติของปืนกระบอกนี้หรือเปล่า?”

ถังหยู่ซวนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น: “อาจารย์พูดให้ผมฟังสามสิบกว่ารอบได้”

“เวลาครึ่งเดือน” ครู่นึง ถังหยู่ซวนก็พูดเสริม

“เหมือนว่าทุกครั้งที่ดื่มเหล้า เขาก็พูดถึงยาวเลย” ถังหยู่ซวนดีใจจนอดไม่ไหว

“เอาล่ะ ไปซะ ที่นี่ไม่ต้องการนายแล้ว นี่เป็นหนังสือแจ้งของนาย” โหจื่อยื่นสมุดเล่มสีแดงๆ ให้กับถังหยู่ซวน

ด้านบนสมุดเล่มแดง เขียนว่ามหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ตัวใหญ่ๆ

ถังหยู่ซวนมองโหจื่อ และก็นิ่งไปล็อก “อาจารย์ นี่หมายความว่าอะไร?”

“ไปเรียนเป็นเพื่อนเจ้านาย ข้างกายเขา ต้องการคนเรียนเป็นเพื่อน” โหจื่อหัวเราะเหอะๆ แล้วเดินเข้าไปในบาร์

ถังหยู่ซวนมองหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง สาวๆ มหาลัย สวยมั้ย? จีบง่ายมั้ย?”

“ไปดูเองแล้วกัน”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วเดินเข้าไปในรถของถังหยู่ซวน

เป็นรถฟอร์ดสีแดงหนึ่งคัน เป็นรถมือสอง หลี่ฝางมองถังหยู่ซวน แล้วพูด: “ใช่แล้ว ปิงปิงล่ะ?”

“ไปแล้ว หนีตามลุงหัวล้านไปแล้ว”

ถังหยู่ซวนหัวเราะเหอะๆ สีหน้าดูเหงาๆ เล็กน้อย: “เด็กไม่ใช่ของฉัน ตอนที่คบกับฉัน หล่อนแอบไปนอนกับผู้ชายอีกสามคน”

“นายมีโอกาสหนึ่งในสี่ที่จะเป็นพ่อเด็ก?” หลี่ฝางพูดเยาะเย้ย

“หนึ่งในสี่บ้านแม่หล่อนสิ” ถังหยู่ซวนด่าขึ้น แล้วก็ออกรถ มุ่งหน้าไปทางเมืองเอก

ในตอนนั้น ก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา

“คุณชายหลี่ ผมคือฉินเสี่ยวหู่ ผมขอถามอะไรหน่อย หลังจากนี้ ผมยังต้องไปเป็นตัวแทนประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมั้ย?” ฉินเสี่ยวหู่ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

“ควรจะทำอะไร ก็ทำไป ตอนเจอฉันด้วย อย่าเห็นฉันเป็นเจ้านาย ให้เห็นฉันเป็นศัตรู ถ้าไม่อย่างนั้น นายยังไม่ทันได้ทำหน้าที่สายลับ ก็คงถูกมู่หรงฉางเฟิงสอยหัวไปแล้ว เข้าใจมั้ย?” หลี่ฝางพูดอย่างเย็นชา

“เข้าใจแล้ว นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตคน การกระทำของผม ก็จะไม่รบกวน ไม่ทำให้คุณชายหลี่ไม่พอใจใช่มั้ย?” ฉินเสี่ยวหู่ถามขึ้นอีกครั้ง

“ใช่” หลี่ฝางพูด: “มู่หรงฉางเฟิงให้นายทำอะไร นายก็ทำไป”

ฉินเสี่ยวหู่วางสาย แสดงว่าเข้าใจแล้ว

หลี่ฝางหันไป พูดกลับถังหยู่ซวน: “ไปโรงพยาบาลประชาชนก่อน นายรู้จักทางมั้ย?”

“ฉันมาเมืองเอกหลายรอบแล้ว” ถังหยู่ซวนหัวเราะ อะไรก็ไม่ถาม แล้วก็กลับรถ

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หลี่ฝางก็มาโผล่ในห้องพักผู้ป่วยของฉินวี่เฟย

ในตอนนั้นฉินจื่อยี่ ก็กลับห้องพักผู้ป่วยของตัวเองไปแล้ว

ด้านในห้อง ฉินซ่างเสียนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้

“คุณชายหลี่ คุณมาแล้ว” ฉินซ่างเสียนลุกขึ้น แล้วมองหลี่ฝางอย่างเคารพ

“ลุงฉิน เรื่องของฉินเสี่ยวหู่ ผมรู้แล้ว ลุงไปต้องกังวล พรุ่งนี้ยังมีผม บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป จะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”

หลี่ฝางพูดกับ ฉินซ่างเสียน

หน้าของฉินซ่างเสียน ก็ตกใจ: “คุณชายหลี่คุณรู้ได้ยังไง?”

“เมื่อกี้ตอนที่พกลุงคุยกัน ผมอยู่ที่ห้องด้านข้าง” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “แอบฟังพวกลุงคุยกัน ลุงฉินคงไม่โกรธผมใช่มั้ย?”

บนหน้าของฉินซ่างเสียน แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดและกระอักกระอ่วน

“คุณชายหลี่ได้ยินหมดแล้วเหรอ?” ฉินซ่างเสียนถามอย่างกระอักกระอ่วน

“ไม่ตกหล่นไปแม้แต่ประโยคเดียว”

หลี่ฝางยิ้ม: “แต่ว่า สำหรับทางเลือกของลุงเฉียน ผมพูดได้แค่ว่า คนปกติก็จะเลือกทางนั้น”

“ไม่ว่ายังไง ก็ไม่มีใครโทษลุง แม้แต่นายท่านฉินในปรโลก ก็จะไม่ว่าลุง” หลี่ฝางพูด

“พ่อ พ่อไปตกลงอะไรกับฉินเสี่ยวหู่?” ฉินวี่เฟยที่นอนอยู่บนเตียง ก็ขมวดคิ้วพลางถาม

“เหมือนกับลูก ยอมให้ฉินเสี่ยวหู่ ขายฉินซื่อกรุ๊ป” ฉินซ่างเสียนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

ถึงยังไง ฉินวี่เฟยก็ยอมแพ้เรื่องฉินซื่อกรุ๊ปก่อน ตกลงให้ฉินเสี่ยวหู่มาเป็นตัวแทนประธานกรรมการบริษัท ถ้าไม่อย่างนั้น ฉินซ่างเสียนก็คงไม่ตอบตกลง

ฉินวี่เฟยมองพ่อของตนด้วยนัยน์ตาโทษเขาเล็กน้อย: “พ่อทำไมพ่อถึง……”

ยังไม่ทันได้พูดจบ ฉินซ่างเสียนก็พูดแทรกฉินวี่เฟย: “เรื่องที่ลูกทำได้ ทำไมพ่อถึงทำไม่ได้? หรือว่าเพราะพ่อแข็งแกร่งกว่าลูก?”

ฉินซ่างเสียนมองบนใส่ฉินวี่เฟย แล้วพูด: “วิธีของฉินเสี่ยวหู่ ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราพ่อลูกจะต่อกรได้ นอกจากยอมแพ้ พวกเราก็ไม่มีวิธีไหนแล้ว”

“ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังของฉินเสี่ยวหู่ ยังมีตระกูลมู่หรงสนับสนุนอยู่”

ฉินซ่างเสียนถอนหายใจ ที่ตระกูลฉินตั้งหลักขึ้นได้ ตอนแรกก็เป็นเพราะตระกูลมู่หรงสนับสนุน

หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูด: “ไม่เป็นไร พวกเธอแค่ตอบรับปากเปล่า ดังนั้น ยังพอมีโอกาสพลิกกลับ”

“ใช่แล้ว วี่เฟย ฉันต้องการให้เธอเซนต์สัญญาฉบับนึง”

เมื่อหลี่ฝางพูดจบ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น หลี่ฝางกดรับสาย แล้วพูด: “ทนายหวาง ผมมาถึงแล้ว ห้องพักเลขที่……”

ไม่นาน ชายสวมแว่นตาก็ปรากฏตัวต่อหน้าหลี่ฝาง

“นี่คือสัญญาโอนบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป วี่เฟย ถ้าหากเธอเชื่อใจฉัน ก็เอาหุ้นที่เธอมีอยู่ โอนมาเป็นชื่อฉันทั้งหมด”

หลี่ฝางพูด: “วางใจ รอจัดการฉินเสี่ยวหู่ได้ ฉันจะคืนให้เธอไม่กักเลยทั้งหมด”

ฉินวี่เฟยรับสัญญามา แล้วเซนต์เลย

“ไม่คิดหน่อยเหรอ? นี่มันสัญญามูลค่าสองพันล้านเลยนะ” หลี่ฝางหัวเราะ

“ไม่มีอะไรต้องคิด ตอนแรกหุ้นพวกนี้ นายก็เป็นคนให้ฉัน” ฉินวี่เฟยเซนต์ชื่ออย่างไม่คิด และยื่นสัญญากลับไปให้หลี่ฝางอีกครั้ง

เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินซ่างเสียนก็ถึงกับเอ๋อ

ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะไม่กลัว แต่ฉินซ่างเสียนกลัวนะ ฉินวี่เฟยเซนต์แล้ว ก็หมายความว่าตั้งแต่วันนี้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ก็เป็นของคนนอกอย่างหลี่ฝางแล้ว

แต่เมื่อกี้ ฉินซ่างเสียนก็ไม่ได้ห้ามเลยสักนิด

“ลุงฉิน พรุ่งนี้ผมต้องการการสนับสนุนจากลุง” หลี่ฝางหันไปมองฉินซ่างเสียน

ฉินซ่างเสียนสงสัยอยู่ครู่ แล้วพูดขึ้น: “คุณชายหลี่เตรียมรับมือกับฉินเสี่ยวหู่ยังไง?”

“พรุ่งนี้ลุงฉินก็รู้แล้ว”

หลี่ฝางมองออกว่าฉินซ่างเสียนยังคิดอยู่: “ลุงฉินกลัวว่าผมจะจัดการกับฉินเสี่ยวหู่แบบหลอกๆ ที่จริงจะหุบบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไป?”

ฉินซ่างเสียนไม่ได้พูด เห็นได้ชัดว่ายอมรับคำตอบนั้น

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ และรับสัญญามาจาก มือของทนายหวัง

“นี่คือสัญญาโอนกิจการRecalling the past เป็นบาร์อยู่ที่ตงไห่ มูลค่าสามพันล้าน ผมเขียนชื่อของฉินวี่เฟยไปแล้ว หรือพูดได้ว่า พวกเราเท่ากับทำการแลกเปลี่ยน รอให้เรื่องคลี่คลาย พวกเราค่อยมาแลกคืน แบบนี้ ผมคิดว่าลุงฉินคงไม่ต้องกลัวแล้วมั้ง?” หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม

ฉินซ่างเสียนมองสัญญาฉบับนั้น ก็ยิ้มขึ้นมาทันล็อก: “คุณชายหลี่เข้าใจผิดแล้ว ตระกูลของพวกคุณมีเป็นหมื่นๆ ล้านไม่ใช่แค่นั้นสิเป็นแสนๆ ล้าน ทำไมผมต้องกังวลว่าคุณจะหลอกผมด้วยล่ะ? วางใจเถอะ พรุ่งนี้ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมจะชักนำผู้ถือหุ้น ให้สนับสนุนคุณอย่างเต็มที่”

หลี่ฝางส่ายหน้าพลางยิ้ม แล้วพูด: “งั้นลุงฉิน พรุ่งนี้เจอกันครับ”

“พรุ่งนี้เจอกัน”

หลังจากออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ถังหยู่ซวนก็อดไม่ได้ที่จะด่าขึ้นมา: “ตาจิ้งจอกเฒ่านั่น เห็นได้ชัดๆ เลยว่าไม่เชื่อใจนาย”

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “ธรรมดา”

“ถึงยังไงนั่นก็เป็นบริษัทของตระกูลฉินกลัวว่าถ้าตกไปอยู่ในมือฉินเสี่ยวหู่ ฉินซื่อกรุ๊ปก็ยังคงเป็นฉินซื่อกรุ๊ป แต่ถ้าให้ฉัน อาจจะเปลี่ยนชื่อเป็นหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ดังนั้นเขาถึงต้องกังวลแบบนั้น”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วเอาแขนคล้องคอโหจื่อพลางพูด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท