NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 639 ส่งตัวฉินหยีหรันมา

บทที่ 639 ส่งตัวฉินหยีหรันมา

เมื่อออกมาจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป สายของลุงเฉียน ก็ต่อติดแล้ว

“เสี่ยวฝาง เจอปัญหาอะไรเหรอ?” เมื่อสายติด ลุงเฉียนก็ถามขึ้น

“ลุงเฉียน ลุงพูดแบบนี้ ถ้าผมไม่มีปัญหา ผมจะโทรมาทักทายไม่ได้เลยเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ

“พอเถอะ ไอ้เด็กนี่ มีอะไรรีบพูดมา อย่าลีลา คนอย่างลุง ไม่ชอบฟังเรื่องไร้สาระ” ลุงเฉียนพูดพลางขำ

หลี่ฝางตรงเข้าประเด็น: “ลุงเฉียน ลุงรู้เรื่อง การมีอยู่ของชั้นใต้ดินของสโมสรเจียงหนานมั้ย?”

“ทำไมจู่ๆ มาถามถึงเรื่องนี้?”

น้ำเสียงของลุงเฉียน เข้มขึ้นอย่างมาก: “ที่นั่น มีมาหลายปีแล้ว”

“ลุงเฉียนรู้แล้ว งั้นก็พูดง่ายหน่อย” หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “มีผู้หญิงคนนึง ถูกส่งตัวเข้าไปด้านใน ผมอยากจะไปช่วยออกมา”

ฝั่งลุงเฉียนก็เงียบไปสักพัก ถึงถามขึ้น: “จะต้องช่วยให้ได้ใช้มั้ย? เสี่ยวฝาง”

ประโยคเดียว ก็แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการช่วย

ต่อมา หลี่ฝางก็เกือบจะยอมแพ้

แต่พอคิด ฉินหยีหรันนอกจากจะเป็นลูกสาวคนรองของฉินซ่างเสียน ก็ยังเป็นพี่สาวของฉินวี่เฟยนะ

ฉินซ่างเสียนจะไม่สนใจได้ แต่ฉินวี่เฟย ไม่ได้นะ

หลี่ฝางพูด: “ผู้หญิงคนนั้นสำคัญสำหรับผมมาก ลุงเฉียน เปอร์เซ็นต์ที่จะช่วยได้สำเร็จ มากขนาดไหน? มันจะสร้างผลกระทบอะไร ให้กับตระกูลหลี่ของพวกเรามั้ย”

“เหอะๆ พูดแบบนี้แล้วกัน เมื่อสามปีก่อนที่พวกเราถูกไล่ฆ่า นอกจากสี่ตระกูลใหญ่นั่น เจ้าพวกนั้น ก็อยู่มีส่วนเกี่ยวอยู่เบื้องหลังไม่น้อย” ลุงเฉียนพูดเสียงเย็นชา

หลี่ฝางรู้ว่า เจ้าพวกนั้นที่ลุงเฉียนพูดถึง ต้องเป็นลูกค้าที่ชั้นใต้ดินสโมสรเจียงหนานแน่ๆ

เสียงของหลี่ฝางเข้มลงทันทีเย่อหยิ่ง “ลุงเฉียน ความหมายของลุงคือ ถ้าหากตระกูลหลี่จะช่วยคน เกรงว่าจะทำให้เรื่องเมื่อสามปีก่อน ซ้ำรอยเดิมใช่มั้ย?”

ลุงเฉียนส่ายหน้า แล้วพูด: “ไม่ พวกเราในตอนนี้ ไม่ใช่พวกเราในตอนนั้นแล้ว นอกจากพวกเราอยากไป ไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีใครไล่เราได้”

เสียงของลุงเฉียน เต็มไปด้วยความผยอง มันทำให้ในใจของหลี่ฝาง มีกำลังใจขึ้นมาไม่น้อย

“ที่จริงแล้ว ในแผนการที่พวกเรากลับมา มีแผนนึง นั่นก็คือเข้าไปที่นั่น แล้วทำลายล้าง แต่แค่ ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น”

“หน้าที่ของลูกพี่ใหญ่กับส้าวส้วยครั้งนี้ ที่จริงแล้ว ก็คือต้องการทำลายล้างที่นั่น แล้วปูทาง ขอแค่ให้มีสิทธิ์ฆ่าคนได้ ไอ้เจ้าพวกนั้น ก็จัดการง่ายนิดเดียว”

หลังจากลุงเฉียนพูดจบ ก็ถามหลี่ฝาง: “ผู้หญิงคนนั้น ชื่ออะไร?”

“พี่ของฉินวี่เฟย ฉินหยีหรัน” หลี่ฝางไม่ได้ปิดบัง

“เมื่อกี้มู่หรงฉางเฟิงโทรมา บอกว่าจะส่งตัวฉินหยีหรันไปที่ชั้นใต้ดินของสโมสรเจียงหนาน เป็นการทำโทษฉินซ่างเสียน”

หลี่ฝางพูด: “ให้พูด ฉินซ่างเสียนทำงานให้เรา ดังนั้นถึงได้เจอเรื่องแบบนี้ ผมคิดว่า พวกเราควรจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้”

“ไอ้เด็กอ่อนนี่ พูดเหตุผลที่ดูดีให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันคิดว่าถ้านายไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย หลังจากนี้ก็คงไม่มีหน้าไปเจอกับคุณหนูตระกูลฉินที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล ฉินวี่เฟยแล้วตั้งหาก?”

ลุงเฉียนหัวเราะ แล้วพูด: “เอาล่ะ เรื่องนี้ ฉันจะจัดการเอง”

“หวังว่า ฉินหยีหรันกำลังอยู่ระหว่างการส่งตัว”

ลุงเฉียนพูด จู่ๆ น้ำเสียงก็เข้มขึ้นระดับนึง: “ถ้าหากถูกส่งตัวเข้าไปแล้ว แบบนั้น การจะช่วยออกมาให้ได้ ก็ลำบากแล้ว”

“ชั้นใต้ดินของสโมสรเจียงหนาน ไม่ได้มีแค่ชั้นเดียว และในแต่ละชั้น ก็มีบอดี้การ์ดฝีมือดีคอยคุ้มกัน”

หลังจากลุงเฉียนพูดจบ ก็กดวางสายไป

หลี่ฝางหันไปถามฉินเสี่ยวหู่: “มู่หรงฉางเฟิงนัดนาย ที่ห้องเบอร์อะไร?”

“888” ฉินเสี่ยวหู่พูด

หลี่ฝางขมวดคิ้ว: “นายสามารถขวางมู่หรงฉางเฟิง ให้ส่งตัวฉินหยีหรัน ช้าลงหน่อยได้มั้ย?”

ฉินเสี่ยวหู่ส่ายหน้า แล้วพูด: “เป็นไปไม่ได้ ข้อแรก ผมไม่มีความสามารถนั้น ข้อสอง คุณชายมู่หรงกังวลว่าพี่รองผมจะหนีหรือว่าฆ่าตัวตาย ดังนั้นจึงสามารถพาตัวเธอไปได้ทุกเวลา”

“ไม่ว่าเวลาไหน พี่รองของผม ก็ถูกคุณชายมู่หรงใส่ไว้ที่ท้ายกระโปรงรถ ทั้งตัวถูกมัดไว้ ราวกับถูกลักพาตัว”

“ดังนั้น พวกคุณอยากจะขวาง ไม่มีทางเลย เกรงว่าตอนนี้ พี่รองของผมจะอยู่ที่ชั้นใต้ดินของสโมสรเจียงหนานแล้ว”

“แน่นอนว่า ลูกค้าชั้นได้ดิน เลือกมาก ปกติแล้ว ผู้หญิงที่ถูกส่งเข้าไป ก็จะต้องผ่านระบบ นั่นก็คือการทำความสะอาด ก็คือการอาบน้ำอะไรพวกนั้น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาด และจะมีหมอเฉพาะทางมา ทำการตรวจร่างกาย เพื่อป้องกันไม่ให้มีโรคแพร่ การขัดกรองระบบนี้ เกรงว่าจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง”

“อยากจะช่วยพี่รอง ทางที่ดีที่สุดพวกคุณจะต้องทำให้เสร็จภายในเวลานี้ ถ้าไม่อย่างนั้น พวกคุณก็เลิกคิดได้เลย ถึงแม้พวกคุณจะจะเป็นตระกูลหลี่ ก็ไม่ควรจะไปหาเรื่องแขกด้านในนั้น”

“แขกในนั้น ถึงแม้จะเป็นตระกูลซือถู ก็ยังต้องยกย่องเป็นแขกผู้มีเกียรติ”

“ผมได้ยินมา ถึงแม้ที่นี่จะเป็นที่ของตระกูลซือถู แต่ที่จริงแล้ว เป็นสี่ตระกูลทำธุรกิจร่วมกัน” ฉินเสี่ยวหู่พูด

หลี่ฝางมองถังหยู่ซวน พลางพูด: “เร่งความเร็วหน่อย”

ที่จริงหลี่ฝางอยากจะโทรหาโหจื่อ หลังจากนั้นก็คิดดู แม้แต่ลุงเฉียนยังรู้แล้ว ถ้างั้นลุงเฉียนคงจะจัดการเองทั้งหมดมั้ง

ถ้าหากลุงเฉียนอยากจะช่วยจริงๆ งั้นเขาต้องส่งโหจื่อมา

ส่วนถ้าหากลุงเฉียนไม่อยากช่วย งั้นก็หมายความว่าเรื่องนี้มันหนักหนา ถ้าหลี่ฝางยังดึงดัน อาจจะนำปัญหามาสู่ตระกูลหลี่

ฉินหยีหรันไม่ใช่ฉินวี่เฟยสักหน่อย อย่างน้อยหลี่ฝางก็ไม่ให้ตระกูลหลี่ ต้องมาเจออันตรายเพราะเธอหรอก

ดังนั้น หลี่ฝางแค่พยายามทำเท่าที่ทำได้ก็พอ

หลังจากนั้นสิบนาที รถก็ขับมาถึงหน้าสโมสรเจียงหนาน

ที่หน้าประตูสโมสรเจียงหนาน มีเย่อหยิ่ง.สองคนยืนอยู่ รปภ.เห็นฉินเสี่ยวหู่ ก็ทักทายคุณฉิน จากนั้นก็ปล่อยให้เข้าไปอย่างง่ายดาย

เห็นแบบนี้ หลี่ฝางก็หัวเราะเหอะๆ อย่างไม่รู้ตัว: “เห็นที่ หน้าตาของนายจะมีค่ากว่าของฉันอีกนะ”

“เมื่อกี้ที่หน้าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ก็ถูกรปภ.โยนโทรศัพท์ทิ้ง ตอนนี้มาถึงสโมสรเจียงหนาน ก็ใช้หน้านายเป็นบัตรผ่าน ถึงจะเข้าไปได้” หลี่ฝางพูดประชด

ฉินเสี่ยวหู่เหงื่อตกแล้วพูด: “เป็นคุณชายหลี่ที่ถ่อมตัวไปแล้ว ถ้าหากคุณชายหลี่ถือตัวหน่อย ทั้งเมือกเอกนี้ ใครจะกล้าเมินคุณกัน”

ฉินเสี่ยวหู่พูดจบ โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น เป็นมู่หรงฉางเฟิงที่โทรมา

หลังจากฉินเสี่ยวหู่กดรับสาย ก็ได้ยินเสียงบ่นเย็นชาดังผ่านสายมา

“ไอ้ไร้ประโยชน์ นายพาหลี่ฝางมาทำไมห้ะ” หลังจากมู่หรงฉางเฟิงด่า สีหน้าของฉินเสี่ยวหู่ ก็ซีดเผือดทันที

“ช่างเถอะ พามาก็ดี ฉันอยากจะคุยกับมันอยู่พอดี” มู่หรงฉางเฟิงหัวเราะฮี่ๆ

สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ดูชั่วร้ายมากจริงๆ

“ฉินเสี่ยวหู่ นายยังจำได้มั้ยฉันพูดอะไรกับนายในโทรศัพท์? หลังจากที่เข้ามาในสโมสรเจียงหนาน ให้คลานเข้ามาหาฉัน”

“ถ้าหากนายไม่ทำตามนั้น งั้นอีกแป๊บ ฉันจะหักขานายทิ้งทั้งสองข้าง แล้วเอาไปโยนทะเลให้ปลากิน”

มู่หรงฉางเฟิงพูดอย่างเย็นชา: “ถ้าไม่ใช่เพราะว่านายยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ฉันคงฆ่านายไม่นานแล้ว รู้มั้ย?”

ฉินเสี่ยวหู่ตกใจจนขาสั่น แล้วลงไปคุกเข่าที่พื้นทันที

ถึงยังไงที่สโมสรเจียงหนาน กลางวันก็คนไม่ค่อยเยอะ นอกจากพวกพนักงานแล้ว ห้องโถงยาวเป็นพันเมตรนี้ ก็ไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว

ดังนั้น ฉินเสี่ยวหู่ก็ขี้เกียจถือหน้าตาแล้ว

“นายจะคลานไปเจอเขาจริงๆ เหรอ?” หลี่ฝางมองฉินเสี่ยวหู่ แล้วส่ายหน้าอย่างไม่รู้ตัว

เห็นที หนึ่งชีวิตตรงหน้านี้ เรื่องศักดิ์ศรี คงไม่มีค่าพอให้พูดถึงจริงๆ

แม้จะเย่อหยิ่งทะนงตน แต่ฉินเสี่ยวหู่ ก็ยังคงอยู่ยงคงกระพัน

ฉินเสี่ยวหู่พยักหน้า แล้วพูด: “ก็ยังดีกว่าตาย ผมทำความผิด ก็ควรจะได้รับการลงโทษ บทลงโทษนี้ ถือได้ว่าดีแล้ว ก็แค่ขายหน้าเท่านั้น ถ้าหากว่าลงโทษอย่างอื่น เห้อ เกรงว่าร่างกายของผม เนื้อจะหลุดไปอีกกี่ชิ้น”

ฉินเสี่ยวหู่ยังราวกับพอใจสุดๆ หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “งั้นฉันนำไปก่อนนะ”

ฉินเสี่ยวหู่ไม่ได้พูดอะไร เวลาของหลี่ นั้นเร่งรีบกว่า

เพราะว่าหลี่ฝางเชื่อว่า ถ้าหากตนสามารถพูดให้มู่หรงฉางเฟิงยอมได้ บางทีฝั่งลุงเฉียนอาจจะไม่ต้องลงมือ ฉินหยีหรันนั่น ก็ช่วยได้แล้ว

หลี่ฝางขึ้นไปข้างบน และก็เจอใบหน้าที่คุ้นเคย

“คุณชายหลี่ เชิญทางนี้ คุณชายของพวกเรากับคุณชายมู่หรง รอคุณอยู่ที่ห้องส่วนตัวแล้ว”

คนที่มาต้อนรับ ก็คือคนที่เมื่อก่อนคอยติดตามเป็นเงาของซือถูเฟย

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วถามถังหยู่ซวน: “คนนี้เป็นไง? ฝีมือดีมั้ย?”

“มองไม่ออก”

ถังหยู่ซวนพูด: “มองดูแล้วเป็นคนธรรมดา แต่ก็ยังต้องระวังไว้”

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วตามคนๆ นั้น มายังหน้าประตูห้องส่วนตัว

เมื่อเปิดประตู ด้านในห้องก็เต็มไปด้วยผู้หญิง และผู้ชายสองคน หนึ่งคือซือถูเฟย อีกคนคือมู่หรงฉางเฟิง

หลังจากหลี่ฝางเข้าไป ก็บอกซือถูเฟย: “คิดไม่ถึงคุณชายซือถู ก็เป็นคนหื่นกามด้วย”

“ผู้ชายไง มีใครไม่ชอบบ้าง?” ซือถูเฟยเม้มปาก

“คุณชายหลี่ชอบมั้ย? ถ้าชอบ ก็เลือกไปสักสองคน อีกครู่ก็พากลับไปได้ อยากคืนกลับมาก็คืน ไม่อยากคืน พวกหล่อนก็จะอยู่กับคุณไปทั้งชีวิต”

“ผู้หญิงพวกนี้ ถูกผมซื้อชีวิตมาหมดแล้ว” ซือถูเฟยหงายมือพูด

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “ฉันไม่สนใจผู้หญิงง่ายๆ แบบนี้หรอก ที่ฉันมา ก็เพื่อจะมาหาผู้หญิงอีกคน”

หลี่ฝางพูด พลางมองไปที่มู่หรงฉางเฟิง

มู่หรงฉางเฟิงหัวเราะหึ: “หลี่ฝาง นายกล้าดีนี่ พาคนมาแค่คนเดียว ก็กล้ามาเจอพวกเรา? ไม่กลัวพวกเราขังนายไว้ที่นี่ ไม่ให้ออกไปหรือไง?”

มู่หรงฉางเฟิงมองถังหยู่ซวน แล้วหัวเราะอย่างดูถูก: “ไอ้เด็กนี่ก็ไม่ใช่ส้าวส้วย ไม่มีเรี่ยวแรงปกป้องนายได้”

“ใช่แล้ว เขาไม่ได้เก่งเท่าส้าวส้วย แต่ว่า ขังฉันไว้ ไม่ให้ออกไป? พวกนายมีความกล้าขนาดนั้นเหรอ?”

หลี่ฝางหัวเราะอย่างดูถูก: “บางทีเมื่อก่อนพวกนายกล้า แต่ตอนนี้……”

“ซือถูเฟย มู่หรงฉางเฟิงฉันอยากจะอยู่ที่นี่ นายยินดีมั้ย?” หลี่ฝางถามซือถูเฟย

ซือถูเฟยทำหน้าเข้มอยู่ครู่: “ตอนนี้ใครไม่รู้บ้างว่าตระกูลหลี่ร้ายกาจ ไม่กี่นาทีก่อน ก็สามารถกวาดล้างกองทัพตระกูลมู่ได้ ทำให้มู่เสี่ยวไป๋ตกใจหนีป่าราบไปเลย”

“แล้วก็ ตอนที่พ่อนายไปก็พูดไว้ว่า ถ้านายผมร่วงแม้เส้นเดียวในพื้นที่ของใคร ถ้างั้น เขาก็จะให้ตระกูลคนนั้นถูกฝังไปพร้อมกัน ถ้าหากคุณชายหลี่ยินดี ก็สามารถอยู่เล่นที่นี่ได้หลายๆ วันเลย แต่ว่าถ้าหากเป็นการบังคับ งั้นผมไม่กล้า ผมยอมรับว่ากลัว”

ซือถูเฟยยิ้มแห้งๆ พลางพูด: “มู่หรงฉางเฟิง ถ้าหากนายจะลงมือ งั้นเชิญออกจากสโมสรเจียงหนานก่อน ค่อยลงมือนะ”

“ทำไม ถ้าฉันลงมือตอนนี้ นายยังจะปกป้องไอ้หมอนี่?” มู่หรงฉางเฟิงพูดน้ำเสียงเย็นชา

“ฉันไม่อยากปกป้องเขา แต่แค่ ฉันไม่อยากลากตระกูลซือถูมาเกี่ยวด้วย หลอซ่ากลับมาครั้งนี้ เหมือนกันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พวกเขา ยากแท้หยั่งถึง ตระกูลจูเก่อก็แย่ไปแล้ว ฉันไม่อยากให้ตระกูลซือถู เดินซ้ำรอยตระกูลจูเก่อ”

ซือถูเฟยพูด

มู่หรงฉางเฟิงพูด: “เหอะๆ ซือถูเฟย ฟังนายพูดแบบนี้ นายอยากจะเป็นเพื่อนกับหลี่ฝางงั้นสิ?”

“ถ้าหากคุณชายหลี่ยินดี ผมซือถูเฟยยินดีที่จะละทิ้งอคติก่อนหน้านี้” ซือถูเฟยพูด

หลี่ฝางหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วพูด: “เอาล่ะ พวกนายสองคนไม่ต้องแสดงแล้ว ฉันรู้ว่าพวกนายสี่ตระกูลใหญ่ปรองดองกันเป็นหนึ่ง ร่วมกันต้านคนอื่น”

“พวกนายสองคนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น” หลี่ฝางมองบน แล้วพูด: “อย่าคิดว่าฉันโง่”

“จุดประสงค์ที่ฉันมา มีแค่อย่างเดียว”

หลี่ฝางมองมู่หรงฉางเฟิง แล้วพูด: “ส่งตัวฉินหยีหรันมาให้ฉัน”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท