NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 651 โอกาสของหลี่ฝาง

บทที่ 651 โอกาสของหลี่ฝาง

“ถ้าเกิดฉันไม่ให้ล่ะ?”

ไอ้หน้าหนวดหัวเราะ แล้วถามว่า “จะเผาสถานตากอากาศของพวกเราทิ้งเหรอ จากนั้นก็ส่งคนเข้ามา ทำลายสถานตากอากาศพวกเราจนย่อยยับรึไง?”

ใบหน้าของพิท หมองลงในทันที “ดูเหมือนว่า ไม้อ่อนจะใช้ไม่ได้ผลกับพวกแกคงต้องใช้ไม้แข็งสินะ”

ไอ้หน้าหนวดส่ายหัว หัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ภาษาจีนของแกไม่เลวเลยนี้”

“แต่ว่า ฉันขอเตือนอะไรแกสักอย่างนึง มาจากไหน ก็กลับไปทางนั้น สถานที่แห่งนี้ ไม่ใช่ที่ๆแกจะทำอะไรตามใจตัวเองได้ เข้าใจไหม?” ไอ้หน้าหนวดพูดขู่ด้วยเสียงที่เย็นชา

พิทพอได้ยินเสียงหัวเราะเยาะ ใบหน้าก็เผยความดุร้ายขึ้นมาทันที เขาจ้องมองไปยังไอ้หน้าหนวด แล้วพูดว่า “แกรนหาที่ตายเองนะ!”

“แกตั้งหากที่รนหาที่ตาย!”

ตอนที่พิทกำลังจะลงมือ ตรงมือของไอ้หน้าหนวด ก็ปรากฏมีดขึ้นมาหนึ่งเล่ม แล้วแทงเข้าไปยังอกของพีท “แม่งเอ๊ย จะเข้าใกล้ฉันขนาดนั้นทำไม คิดว่าสนิทกับฉันมากรึไง?”

“แก…….แกเล่นสกปรก!”พิทจ้องมองไอ้หน้าหนวด ด้วยใบหน้าที่ เต็มไปด้วยความโกรธ และความไม่พอใจ

นี่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ไอ้หน้าหนวดกลับแทงเข้ามาซะงั้น แบบนี้จะให้เรียกว่าอะไรได้อีกล่ะ?

“ฮ่าๆ เล่นสกปรก?”

“จะให้ฉันพูดกับแกเรื่องธรรมะ หรือพูดเรื่องกฎหมายรึไง?”

“ไม่แหกตาดูหน่อยล่ะที่นี่มันที่ไหน? ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว สมองของคนต่างชาติ ช่างโง่เง่าซะจริง” ไอ้หน้าหนวดยิ้มด้วยใบหน้าที่ดำมืด

“นี่เป็นยาซานเหลิง สบายใจได้ แกทรมานไม่มากหรอก อย่างมากก็แค่นาทีเดียว เลือดของแกก็จะไหลออกมาหมดจนตาย”

พิทใช้เวลาเพียงไม่นานก็ล้มลงไปกับพื้น

“เตรียมรับศึก!”

ไอ้หน้าหนวดออกคำสั่ง จากนั้นก็พูดต่อว่า “ลูกน้องของหลอซ่า ไม่มีใครเป็นคนขี้ขลาด ในเมื่อพวกแกกล้าบุกมาถึงถิ่นของพวกเรา งั้นพวกเราก็จะไม่เอาแต่หลบอยู่ข้างในโดยเด็ดขาด”

หลังจากที่ไอ้หน้าหนวดร้องออกมาคำเดียว คนกว่าสามสิบคน นำโดยเหยสง ก็วิ่งออกมา

“มีแค่นี้เองเหรอ?”

มีลูกกะจ๊อกคนนึงยิ้มด้วยความดูถูก “จะสู้กับพวกเราที่มีมากกว่าสองร้อยคน ต้องสู้หนึ่งต่อแปดเลยน่ะ?”

เจ้าลูกกะจ๊อกคนนี้เพิ่งพูดจบประโยค ก็ถูกเหยสงด่าไปหนึ่งประโยค “เจ้าหลานเอ๋ย ยังจำปู่คนนี้ได้ไหม?”

“พี่เหยสง?” หลังจากที่เห็นใบหน้าของเหยสง ใบหน้าของลูกกะจ๊อกคนนี้ ก็เปลี่ยนไปในทันที “พี่เหยสง ที่แท้พี่ยังไม่ตาย”

“ไอ้เย็ดแม่นี้ จะแช่งให้กูตายเหรอ” เหยสงด่าออกไปด้วยความโกรธ

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ก็แค่รู้สึกประหลาดใจ มีแต่คนบอกว่าพี่เหยสง……ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าพวกเราจะเดาผิดกันหมด” ไอ้ลูกกะจ๊อกคนนี้ตกใจจนหน้าขาวซีด

เหยสงอยู่ในยุทธภพใต้ดินของเมืองเอกมานาน จนมีตำแหน่งที่ชัดเจน

“พอแล้ว พาคนของแกกลับไปซะ แกติดตามคุณท่านหวูถูกไหม ถ้าเกิดว่างๆฉัน จะหาเวลาไปดื่มชากับคุณท่านหวู” เหยสงพูด

ใบหน้าของลูกกะจ๊อกคนนี้เผยให้เห็นถึงความลำบากใจ “พี่เหยสง เกรงว่าคงจะไม่ได้ ท่านลิ่วสั่งพวกเรามาว่า คืนนี้ ไม่ว่าจะยังไงพวกเราก็ต้องช่วยท่านลู่กลับไปให้ได้ ถ้าเกิดช่วยกลับมาไม่ได้ พวกเราก็ไม่ต้องกลับมาอีก”

“ไอ้แม่เย็ดนี้ คุณท่านหวูรนหาที่ตายซะแล้ว”

“พี่เหยสง น้องชายของพี่ตายแล้ว ลูกน้องของพี่ ตอนนี้ก็ไปกินข้าวแดงแล้ว ผมว่าตอนนี้พี่ ก็ไม่ได้เป็นลูกพี่แล้ว เป็นแค่ลูกน้องของพวกเขา เวลาจะพูดอะไร ก็อย่าให้มันเกินเลย ถ้าเกิดท่านลิ่วได้ยินคำพูดนี้ ท่านลิ่วของพวกเรา จะต้องไม่ชอบใจอย่างแน่นอน” น้ำเสียงของลูกกะจ๊อกคนนี้แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย

ตอนที่เขาเพิ่งเห็นหน้าเหยสง คือความกลัว

แต่พอคิดไปคิดมา ตอนนี้เหยสงก็แค่ตัวคนเดียว ยังมีอะไรที่ต้องกลัวอีก?

“พอแล้ว ถ้าไม่กลับงั้นก็เป็นศพอยู่ตรงนี้ซะเถอะ”

ไอ้หน้าหนวดพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเกิดไม่ไปตอนนี้ อีกเดี๋ยว ก็อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ”

“พวกแกเองก็ไม่ไป ใช่ไหม?”

ไอ้หน้าหนวดหันกลับไปมอง เฉียนโตโตที่อยู่ไม่ไกล และเฉียนโตโตในตอนนี้ ก็ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น

เขาคุกเข่ามาสิบชั่วโมงเต็มๆแล้ว

ถ้ายังคุกเข่าต่อไป ร่างกายของเขา คงใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว

แต่ว่า เฉียนโตโตก็ยังคงไม่ยอมพูดอะไร แค่คุกเข่าอยู่อย่างนั้น

และลูกเมียของเขาที่อยู่ข้างหลัง ก็ยังไม่มีใครที่กล้ายืนขึ้นมา แต่ลูกของพวกเขา ถูกคนรับตัวไปแล้ว

และในเวลานี้เอง ที่ฝนตกลงมา

พอฝนตกลงมาไอ้หน้าหนวดก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “หยิบอาวุธขึ้นมา”

พอไอ้หน้าหนวดพูดจบ บนมือของเหยสงและคนอื่นๆ ก็ปรากฏมีดยาวรูปสามเหลี่ยมออกมา ส่วนอีกฝ่าย ก็หยิบอาวุธขึ้นมาเหมือนกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คือ มีทั้งมีด และท่อเหล็ก

“เจ้ารองเฉียน เดี๋ยวถ้าเกิดสู้ขึ้นมา มีดมันไม่มีตานะ ถ้าเกิดทำให้คนแก่อย่างท่านบาดเจ็บขึ้นมา ก็อย่ามาโทษพวกเราก็แล้วกัน” ไอ้หน้าหนวดส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็หันหน้าไปทางอีกฝ่าย แล้วพุ่งเข้าไป

พอฝนตกลงมา หลี่ฝางที่ยืนอยู่สนามหญ้า ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี

ยังไงซะ ก่อนที่ไอ้หน้าหนวดออกไปเขาได้หันกลับมาเตือนกับตัวเองไว้ ขอแค่ตัวเขาไม่ออกมาจากสนามหญ้า งั้นตัวเขา ก็จะปลอดภัย

แต่ว่าฝนมันก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ หลี่ฝางหันไปมองร้านกาแฟที่อยู่ข้างๆ ที่ยังเปิดอยู่ พอคิดไปคิดมา จึงตัดสินใจที่จะไปหลบฝนข้างใน

เพิ่งจะหาที่นั่งได้ หลี่ฝางก็หันไปเห็นเงาของคนๆนึง

“ใคร?”

พอหลี่ฝางหันกลับไปมอง กลับไม่เจอใครทั้งนั้น

“เสี่ยวฝาง” ทันใดนั้น ก็มีเสียงของลุงเฉียนดังขึ้นมา

และมันก็มาพร้อมกับ เสียงที่ดังมาก

เสียงมาจากคนๆนึง ที่กระแทกเข้ากับโต๊ะ

เห็นเพียงแค่แผ่นหลังของลุงเฉียน ที่เดินตามคนสวมหน้ากาก ส่วนสูงของเขา น่าจะสูงราวๆสองเมตร พอลุงเฉียนอยู่ข้างๆเขา ก็เหมือนกับคนแคระ

และคนสวมหน้ากากที่สูงสองเมตร เมื่อกี้เพิ่งจะต่อยคนๆนึง สลบภายในหมัดเดียว

“ลุงเฉียน” หลี่ฝางพอหันกลับไปมอง ก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ

นึกไม่ถึงว่า ภายในร้านกาแฟแห่งนี้ จะมีศัตรูแฝงเข้ามาด้วย ถ้าเกิดไม่ได้ลุงเฉียนที่เข้ามาทันเวลาพอดี เกรงว่าตัวเอง คงจะตกอยู่ในอันตราย

ลุงเฉียนหัวเราะ “ไอ้เจ้าไอ้หน้าหนวด ยิ่งทำงานยิ่งไม่ได้เรื่อง ทั้งๆที่มีคนบุกเข้ามาหกคน เขากลับรู้ตัวแค่สามคน”

“พอคิดดูดีๆก็โทษเขาไม่ได้”

ลุงเฉียนหัวเราะ “คนกลุ่มนี้ มันไม่ธรรมดา”

“โหจื่อคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” จู่ๆหลี่ฝางก็รู้สึกเป็นห่วงโหจื่อขึ้นมา

“ฉันได้ส่งคนไปช่วยเหลือโหจื่อแล้ว วางใจได้ ขอแค่บุกเข้ามายังสถานตากอากาศ ก็เหมือนกับเดินเข้ามาสู่ประตูนรก ไม่มีทางที่จะมีชีวิตรอดกลับไปได้”

พอลุงเฉียนพูดจบ ก็มานั่งข้างหน้าของหลี่ฝาง

“พอแล้ว แกออกไปรอข้างนอกเถอะ” ลุงเฉียนพูดพร้อมโบกมือ ให้กับชายร่างยักษ์สองเมตร

“เขาเป็นใคร?”

หลี่ฝางถามพร้อมใช้ปากชี้ ไปยังชายร่างยักษ์ “เป็นคนของพวกเรารึเปล่า?”

“อืม ใช่แล้ว อยู่เมืองนอกมาหลายปี พวกเราเองก็มีกลุ่มของตัวเอง แค่ว่าตัวตนของคนพวกนี้ค่อนข้างจะพิเศษ เพราะงั้นถ้าเกิดไม่จำเป็นจริงๆ ก็จะไม่ใช้งาน”

“ถ้าเกิดไม่จำเป็นจริงๆ ฉันเองก็ไม่อยากใช้พวกเขา”

“คนที่บุกเข้ามาในครั้งนี้ เป็นทหารรับจ้าง แค่ไอ้หน้าหนวด คนเดียว ไม่สามารถต่อกรได้ ส่วนแม่มดก็บาดเจ็บ โหจื่อคนเดียว ไม่สามารถต่อกรกับคนจำนวนมากขนาดนั้นได้ เพราะงั้น ฉันจึงต้องตัดสินใจโดยพลการ ให้พวกเขาเคลื่อนไหว”

“คนของตระกูลลู่ยังมาไม่ถึง ก็มีคนวิ่งมาหามากถึงขนาดนี้แล้ว” ลุงเฉียนหัวเราะ อย่างมีเล่ห์นัย

หลี่ฝางมองไปยังลุงเฉียน แล้วถามว่า “ทำไมถึงต้องให้ท่านลู่อยู่ที่สถานตากอากาศด้วยล่ะ? เขาเป็นตัวก่อปัญหาใหญ่เลยน่ะ”

“ฉันรู้ดี” ลุงเฉียนพยักหน้า “โยงเขาออกไป ปัญหาของพวกเรา ก็คงหายไป อย่างมากก็แค่โดนตักเตือน คงจะไม่มีคนถือปืนถือมีดมามากขนาดเพื่อจัดการพวกเราหรอก”

“แต่ว่า ถ้าเกิดปล่อยท่านลู่ไป งั้นเป้าหมายของพวกเราที่ต้องการจะทำลายฐานลับของสโมสรเจียงหนาน มันจะกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาทันที”

ลุงเฉียนพูดต่อ “ฐานลับนั้น จะต้องทำลายทิ้งให้ได้ หลักฐานที่อยู่ในมือพวกเราไม่ได้มากมายอะไร และท่านลู่ก็เป็นพยานชั้นดี ปล่อยเขากลับไป แล้วถ้าเกิดคนที่อยู่ในฐานลับเกิดหนีหายกันไปหมด คุณว่า ยังจะจับตัวพวกเขาได้อีกไหม?”

“คุณอยากจะจับพวกเขา?”หลี่ฝางมองลุงเฉียน ด้วยตาที่เบิกโต

ท่านลู่คนเดียว ก็เป็นบุคคลที่สำคัญมากในจังหวัด ส่วนเขา ก็เป็นแค่แขกชั้นใต้ดินที่สองก็เท่านั้นเอง

แค่คิดสักหน่อยก็รู้แล้วว่า แขกของชั้นใต้ดินที่สาม และชั้นที่สี่ ฐานะของพวกเขาจะน่ากลัวขนาดไหน

“ไม่ใช่ความคิดของฉัน”

ลุงเฉียนพูดแก้ “เป็นลูกพี่ที่ต้องการแบบนี้”

“ความจริง ฉันเคยห้ามพ่อคุณแล้ว ให้เขาปล่อยเรื่องนี้ไป ยังไงซะไอ้แก่พวกนี้ ต่อให้พวกเราไม่ไปหาเรื่องพวกเขา พวกเขาก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ว่า พ่อคุณกลับบอกว่า ถ้าเกิดปล่อยพวกเขาไปแบบนี้ ก็คงจะไม่มีหน้าไปเจอเหล่าเพื่อนพ้องที่ตายไป”

“ความจริง ความหมายของลูกพี่ ก็คือต้องการคืนความเป็นธรรม ให้กับเหล่าเพื่อนพ้องที่ตายจากไป”

“ตอนนั้นหลังจากที่พวกเราหนีออกมาจากเมืองเอก สี่ตระกูลใหญ่ก็ไม่มีอำนาจที่จะไล่ตามพวกเราต่อ แต่เป็นพวกเขา เป็นไอ้แก่พวกนั้น ที่ต้องการจะฆ่าล้างบาง บีบบังคับพวกเราไปเรื่อยๆจนมาถึงนอกประเทศ และคนส่วนมากของพวกเรา ระหว่างที่หลบหนี ก็ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก มีคนจำนวนไม่น้อย ที่ต้องตายไประหว่างหลบหนี”

“หลายปีมานี้ ลูกพี่ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกผิด”

“ขอแค่ได้แก้แค้นให้กับพวกเขา ใจของลูกพี่ ก็คงจะสงบลงมาได้อีกสักนิด”

“เขาทิ้งมันไปไม่ได้ ความจริงฉันก็เคยบอกแล้ว ที่พวกเราติดตามเขา เพราะความสมัครใจ ต่อให้เขาจะไม่แก้แค้นให้กับพวกเรา พวกเราก็จะไม่โกรธแค้นเขา ยังไงซะไอ้แก่พวกเขา ก็เป็นพวกที่รับมือยาก”

“ลูกพี่เป็นคนซื่อตรงจนเกินไป หลายปีมากนี้ เขาผ่านความลำบากมาไม่น้อย มีทั้ง ใช้ยา ฝืนร่างกายตัวเองจนเกินไป ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อจะต้องตายเข้าสักวัน”

ลุงเฉียนถอดหายใจ แล้วพูดว่า “บางครั้ง คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องรับภาระเป็นอย่างมาก”

หลี่ฝางพอฟังมาจนถึงตรงนี้ จู่ๆหัวใจก็ร้อนรนขึ้นมา

หลี่ฝางนึกถึงคืนนั้น ตอนที่อยู่ศูนย์อาบน้ำ ภาพของพ่อตัวเอง ที่ต่อสู้กับคนจำนวนมากด้วยตัวเอง หลังจากนั้น พ่อของตัวเอง ก็ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบไปด้วย

ที่แท้ นั่นเป็นเพราะร่างกายของคุณพ่อ มันรับไม่ไหวแล้ว

“พวกเราที่เป็นเพื่อนพ้อง ความจริงก็เป็นแบบนี้ ในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะทำ งั้นพวกเรา ก็จะสนับสนุนเขา ต่อให้มันจะเสี่ยงซะแค่ไหน พวกเราก็ไม่กลัว”

ลุงเฉียนหัวเราะ พูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายเล็กน้อย “อย่างมาก พวกเราก็แค่ติดคุกอีกสักครั้ง”

หลี่ฝางพูดให้กำลังใจลุงเฉียน “พวกเราจะต้องทำสำเร็จ”

“งั้นก็ดูว่าลูกพี่กับส้าวส้วย จะกลับมาเมื่อไหร่ ถ้าเกิดพวกเราสามารถทนจนกระทั่งพวกเขากลับมา งั้นพวกเราก็ยังมีโอกาสชนะ ไม่งั้น ก็คงหมดหวัง”

ลุงเฉียนส่ายหัว แล้วพูดว่า “คนของตระกูลลู่ ยังไม่ได้ลงมือ”

“นอกเนื่องจากตระกูลลู่ ไอ้แก่ที่เหลือ ไม่มีทางที่พวกมันจะเอาแต่อยู่เฉยๆ

“งั้นสี่ตระกูลใหญ่ล่ะ?”หลี่ฝางมองไปยังลุงเฉียน แล้วถามไปหนึ่งประโยค

ลุงเฉียนยิ้มอย่างเยาะเย้ย “ฮ่าๆ สี่ตระกูลใหญ่? ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ พวกเราก็ไม่เคยเห็นสี่ตระกูลใหญ่อยู่ในสายตา พวกเขาในสายตาของพวกเรา ก็เป็นแค่มดตัวนึง อยากจะเหยียบให้ตาย ก็เป็นแค่เรื่องง่ายดาย แต่เบื้องหลังของพวกเขามีคนทรงอิทธิพลค่อยหนุนหลังอยู่ ถ้ากำจัดพวกเขา จะต้องมีปัญหามากมายตามมาแน่”

“จริงสิ เสี่ยวฝาง คืนนี้ เป็นโอกาสที่ดีของแก” พอมองหน้าหลี่ฝาง จู่ๆลุงเฉียนก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน แล้วหัวเราะขึ้นมา

“โอกาสของผม? โอกาสอะไร?” หลี่ฝางถามด้วยความมึนงง

“ฉันขอถามแกหน่อย แกอยากจะเป็นราชาใต้ดินของเมืองเอกไหม ให้ทุกพื้นที่ของเมืองเอก กลายเป็นของแก?” ลุงเฉียนถามไปพร้อมหัวเราะ

หลี่ฝางหัวเราะเบาๆ “แน่นอนว่าอยากอยู่แล้ว นี่ยังต้องถามด้วยเหรอ ถ้าเกิดผมไม่ต้องการล่ะก็ จะยึดพื้นที่ของเหยสงมาทำไม ทำไมจะต้องเลี้ยงหวางเสี่ยวหยวน เฉินฝูเซิงพวกเนี้ด้วยล่ะ”

“แต่ถึงแม้ว่าพื้นที่ของผมจะใหญ่ แต่เมืองเอกก็มีคนที่ทรงอิทธิพลเป็นจำนวนมาก คิดจะยึดครองทั้งหมด คงจะเป็นเรื่องยาก? ถ้าเกิดไม่ใช่เวลาสักสามถึงห้าปี คงจะยึดมาได้ไม่หมด”

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูดว่า “อีกอย่าง ผมอยากจะค่อยๆจัดการด้วยตัวเอง ไม่อยากจะยื่นมือของคุณพ่อหรือว่าคุณ”

“ฮ่าๆ พวกเราไม่ได้จะช่วยแก แค่ช่วยให้แกทางสะดวกขึ้นก็เท่านั้นเอง ตอนนี้เพื่อที่จะช่วยเหลือท่านลู่ แก๊งต่างๆที่อยู่ในเมืองเอก คนที่พอจะมีฝีมือ ต่างก็มากันหมด”

“มีพื้นที่มากมาย ที่ตอนนี้ว่างเปล่า นี่เป็นโอกาสอันดีที่แกจะบุกเข้าไป แล้วแย่งพื้นที่ของพวกเขามาให้หมด”

“ลุงเฉียนหัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าเกิดพลาดโอกาสนี้ไป ก็น่าเสียดายแย่”

หลี่ฝางรู้สึกตัวขึ้นมาในทันที จากนั้นก็เผยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นออกมา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน