NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 662ครั้งต่อไปเจอกันอีก ฉันฆ่าเธอแน่

บทที่ 662ครั้งต่อไปเจอกันอีก ฉันฆ่าเธอแน่

“ฟีนิกซ์?”

ผู้หญิงที่ชื่อฟีนิกซ์ยิ้มยั่วยวนออกมา หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันคิดว่านายจะเหมือนเมื่อก่อน เรียกฉันว่าศิษย์พี่เสียอีก”

“อาจารย์ไม่ได้นับเธอเป็นลูกศิษย์แล้ว”

สายตาของโหจื่อ มีความแค้นเคืองแล่นเข้ามา: “ถ้าจะพูด เธอมันช่างไม่มีจิตใต้สำนึกเลย วิชาที่เธอมีติดตัว ล้วนเป็นวิชาที่อาจารย์สอนออกมาทั้งนั้น แต่สุดท้ายแล้ว กลับเอาวิชานี้มาทำร้ายอาจารย์”

“ทำเรื่องที่น่าอับอายแบบนี้ออกมา ยังใจให้ฉันเรียกเธอว่าศิษย์พี่อีกเหรอ?”

โหจื่อส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “เธอไม่รู้สึกว่าความคิดของเธอมันช่างตลกสิ้นดีเลยเหรอ?”

ฟีนิกซ์ไม่พูดอะไร แต่เดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว

“เช็คเงินสด”

ฟีนิกซ์มาถึงตรงหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ยื่นเช็คเงินสดออกไป: “ฉันยิงไปหนึ่งนัดก็จริง แต่กระสูนนัดนั้น ยิงไม่ถูกใครเลย”

“ดังนั้น เงินนี้ ฉันควรคืนให้คุณ”

มู่หรงฉางเฟิงหันไปมองฟีนิกซ์ หัวเราะเคอๆ ออกมาแล้วพูดขึ้นว่า: “ช่างมันเหอะ ฉันไม่ขาดเงินหนึ่งล้านเหรียญนั่นหรอก เพราะยังไงนัดนั้นของเธอ ก็มีประสิทธิผลที่ดีมากเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่ยิงถูกคน แต่ก็มีคนตกใจไม่ใช่เหรอ?ทำให้พวกเขาสองคนตกใจจนไม่กล้าโผล่หัวออกมา”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันก็ไม่สามารถช่วยคนออกมาได้ ดังนั้น เงินนี้ เธอเก็บไว้เถอะ”

ฟีนิกซ์ส่ายหัว: “ยิงไม่ถูกก็คือยิงไม่ถูก คุณมาขาดเงินหนึ่งล้านเหรียญนี้ ฉันก็ไม่ขาด เช่นเดียวกัน”

“ฉันยิงไม่ถูกคน ยังจะให้เงินฉันอีก ทำทานให้ฉันเหรอ?”

น้ำเสียงของฟีนิกซ์ ไม่พอใจขึ้นมาทันที

มู่หรงฉางเฟิงจึงรีบรับเช็คมา หัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ใครจะไปกล้า ใครจะกล้าดูถูกคุณฟีนิกซ์?เท่ากับรนหาที่ตายไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่ว่ายังไง คืนนี้ เป็นเพราะคุณช่วยแท้ๆ” มู่หรงฉางเฟิงพูดขอบคุณออกมา

นอกจากคำขอบคุณแล้ว หลี่ฝางฟังจากน้ำเสียงที่มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมานั้น มีความเคารพอยู่ไม่น้อย

ฟีนิกซ์ถึงแม้จะเป็นมือปืนรับจ้าง แต่ฐานะของเธอ เหมือนจากสูงกว่าของมู่หรงฉางเฟิงหนึ่งขั้น

ในวินาทีนั้น หลี่ฝางเริ่มสงสัยขึ้นมา

ฟีนิกซ์เข้าไปพึ่งพาสี่ตระกูลใหญ่ กลายเป็นคนของพวกเขาแล้ว

ดูจากสถานการณ์แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างฟีนิกซ์กับสี่ตระกูลใหญ่ ต้องไม่ง่ายดายอย่างนั้นแน่นอน

ฟีนิกซ์มองไปที่โหจื่อ ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “ได้ยินมาว่าฝีมือการยิงปืนของนาย ได้ถึงจุดสุดยอด”

“ใช่”

โหจื่อยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “เอาไหมล่ะ พวกเราหาโอกาสมาประลองฝีมือกัน?”

“ได้สิ”

ฟีนิกซ์พยักหน้า: “แต่ว่าถ้าถึงเวลานั้น นายอย่าเหมือนเต่าหดหัวในกระดองก็แล้วกัน”

โหจื่อเหมือนถูกบีบบังคับให้ยอมรับความพ่ายแพ้ พูดอะไรไม่ออก

นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฝางเห็นโหจื่อถูกบีบบังคับให้ยอมรับกับความพ่ายแพ้

ฝีมือการยิงปืนของฟีนิกซ์ ถือว่าแม่นยำมาก

หลี่ฝางถึงกับสงสัย ความจริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการจะฆ่าเขาหรือโหจื่อ

ถ้าไม่เช่นนั้น เธอคงไม่ยิงแค่นัดเดียวหรอก

“นายเป็นลูกชายของอาจารย์เหรอ?” มองไปที่หลี่ฝาง ฟีนิกซ์มองด้วยสายตาเยอะเย้ยเล็กน้อย

หลี่ฝางรู้ ว่าอาจารย์ในปากของฟีนิกซ์ หมายถึงแม่ของเขานั่นเอง

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดขึ้นว่า: “ถูกต้อง”

“แต่ว่า เธอไม่มีสิทธิ์เรียกแม่ฉันว่าอาจารย์อีกต่อไป” หยุดชะงักไปสักครู่ หลี่ฝางพูดเสริมออกมา

“เคอๆ ใช่แล้ว แม่ของนายได้ไล่ฉันออกไปแล้ว เห้อ น่าเสียดาย พ่อแม่ของนายล้วนเป็นคนที่มีความสามารถ แต่นาย กลับดูธรรมดาไม่มีความสามารถอะไรเลย”

“ฉันยังเคยคิดมาก่อน เกิดเป็นลูกชายที่พ่อแม่เป็นคนเก่ง นายอาจจะเป็นลูกศิษย์ที่พวกเขาภาคภูมิใจที่สุด”

ฟีนิกซ์พูดจบ ส่ายหัวเล็กน้อย: “คิดไม่ถึง นายเป็นเหมือนของเสียที่ไม่มีคุณประโยชน์อะไรเลย”

คำพูดของฟีนิกซ์ โหด้ร้ายมาก โหจื่อพูดกับฟีนิกซ์ว่า: “นางบ้า เธออย่าทำตัวให้มันหน้าด้านหน่อยเลย เธอลืมไปแล้วเหรอ ชีวิตของเธอ พ่อแม่ของเสี่ยวฝางเป็นคนให้มา”

“ฉันรู้ ดังนั้น เมื่อกี้ฉันจึงไว้ชีวิตเขา”

“โหจื่อ นายคงจะไม่มีความคิดว่า ถ้าคนที่ฉันจะฆ่า เเล้วนายแค่ลงมือทำอะไร ก็สามารถช่วยชีวิตเขาได้หรอกนะ?”

ฟีนิกซ์หรี่ตาเล็กลงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “เมื่อกี้ฉันได้ตอบแทนบุญคุณของอาจารย์กับอาจารย์หญิงแล้ว”

โหจื่อหัวเราะเคอๆ : “ฉันขอแนะนำทางที่ดูที่สุดอย่าคิดทำอะไรเสี่ยวฝาง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะปีกกล้าขาแข็งแล้ว แต่เธอก็น่าจะรู้ดี ระหว่างเธอกับพี่ใหญ่และอาจารย์ มีความแตกต่างกันค่อนข้างเยอะอยู่”

“ฉันรู้”

ฟีนิกซ์พยักหน้า และไม่ได้ปฏิเสธ: “ครั้งก่อน ฉันกับพี่ใหญ่…… ไม่ใช่ หลอซ่า ฉันน่าจะเรียกเขาว่าหลอซ่าถึงจะถูก ฉันเคยลองฝีมือกับเขาแล้ว ถ้าเกิดเขาอยากจะฆ่าฉัน ตรงป่าเล็กนั้น น่าจะกลายเป็นหลุมฝังศพของฉันไปแล้ว”

“เคอๆ ดูแล้ว หลอซ่าน่าจะไม่ใช่คนเลือดเย็น”

ฟีนิกซ์ยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันกระทำความผิดใหญ่ขนาดนั้น เขายังไม่อยากฆ่าฉันเลย”

“นายคิดว่า หลอซ่าจะตกหลุมรักฉันแล้วหรือเปล่า?”

ฟีนิกซ์หรี่ตาเล็กลง พูดเยาะเย้ยออกมา

สีหน้าของโหจื่อ เย็นชาขึ้นเล็กน้อย: “คำพูดของเธอตอนนี้ ยิ่งอยู่ยิ่งกำเริบเสิบสานขึ้นทุกวัน”

“เคอๆ แล้วแต่เลย ฉันก็แค่พูดล้อเล่นเท่านั้นเอง”

“ฉันไปก่อนละ คราวหลังพวกเราค่อยเจอกันอีก”

ฟีนิกซ์หันกลับมา พูดกับโหจื่อแล้วโบกมือ

ตอนที่ฟีนิกซ์เดินไปถึงหน้าร้านคาราโอเกะ ทันดังนั้นโหจื่อร้องขึ้นมา: “รอสักครู่!”

“ฟีนิกซ์ ฉันมีคำพูดหนึ่งอยากพูดกับเธอ”

โหจื่อเผชิญหน้ากับฟีนิกซ์ แล้วพูดขึ้นว่า: “หลังจากกลับไปแล้ว รีบไปฝากฝังเรื่องของเธอให้เรียบร้อย ครั้งต่อไปเจอกันอีก ฉันฆ่าเธอแน่”

“เคอๆ”

ฟีนิกซ์ยิ้มอย่างไม่แยแสออกมา แล้วก้าวเดินออกไป

หลังจากที่ฟีนิกซ์เดินออกไปแล้ว มู่หรงฉางเฟิงดึงฉินหยีหรันขึ้นมา หันไปพูดกับเถ้าแก่ร้านคาราโอเกะว่า: “ฉันว่าลุง ผู้หญิงคนนี้ลุงแน่ใจเหรอว่าจะไม่เอา?”

“ถึงแม้เธอจะแพศยาไปหน่อย แต่อย่างน้อยก็หน้าตาสะสวย”

“ลุงดูรูปร่างนี้ และใบหน้านี้”

มู่หรงฉางเฟิงผลักตัวฉินหยีหรัน ผลักตัวเธอให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเถ้าแก่ร้านคาราโอเกะแล้วพูดขึ้นว่า: “หรือว่า ลุงรู้สึกว่าค่าตัวผู้หญิงคนนี้ ไม่พอจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เหรอ”

เถ้าแก่ร้านคาราโอเกะตกใจ ส่ายหัวอย่างเร่งรีบ

“เห็นหรือยัง ฉินหยีหรัน รู้ว่าตัวเองแพศยาแค่ไหนหรือยัง ราคาตัวเธอสู้อาหารมื้อนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ” มู่หรงฉางเฟิงพูดเย็นชาออกมา

เจ้าของร้านส่ายหัวรีบอธิบายว่า: “เถ้าแก่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมเป็นคนซื่อ

ถ้าพวกคุณไม่มีเงินจริงๆ ค้างไว้ก่อนก็ได้ หรืออาหารมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง อย่าทำให้ผมต้อง

ลำบากใจเลย”

“ผู้หญิงคนนี้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคุณหนูคนมีเงิน ท่านยกเธอให้กับผม ผมรับมันไว้ไม่ได้หรอก?” เจ้าของร้านพูดออกมาอย่างลำบากใจ

เวลานี้ มู่หรงฉางเฟิงเริ่มไม่พอใจขึ้นเล็กน้อย

มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่ฉินหยีหรันด่าเสียงดังออกมา: “อะไรคุณหนูมีเงิน เธอมันก็แค่นางแพศยาคนหนึ่งเท่านั้น”

“ในเมื่อลุงไม่เอา ฉันก็จะยกเธอให้คนลี้ภัย”

มู่หรงฉางเฟิงพูดเย็นชาออกมา

ใบหน้าของฉินหยีหรัน เขียวช้ำเป็นจ้ำๆ ไปหมด

มู่หรงฉางเฟิงลงมือหนักมาก ส่วนฉินหยีหรัน เหมือนจะคุ้นชินกับเรื่องแบบนี้ ถึงแม้จะถูกทำร้ายหนักขนาดนี้ ก็ไม่ร้องอะไรเลย และไม่ร้องไห้ด้วย มีเพียงสายตาที่มองมู่หรงฉางเฟิง เคียดแค้นทวีเพิ่มขึ้นเท่านั้น

“มู่หรงฉางเฟิง ถึงฉันจะแพศยาแค่ไหน ก็ยังเป็นภรรยาของคุณ ฉันแพศยา ก็แสดงว่าคุณแต่งงานกับหญิงแพศยา”

“เคอๆ คุณชายของตระกูลมู่หรง แต่งงานกับนางแพศยา น่าตลกไหม?”

ฉินหยีหรันพูดเย็นชาออกมา: “ฉันคิดว่าคุณคงจะรู้แล้วสิ?ว่าก่อนแต่งงาน ฉันเคยสวมเขาให้คุณ”

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ มู่หรงฉางเฟิงรู้มาตั้งนานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่พูดออกมาจากปากของฉินหยีหรัน

“เธอยอมรับแล้วหล่ะสิ?”

สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิงเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม

“ฉันมีอะไรที่ไม่กล้ายอมรับ ใช่ ฉันไม่เคยชอบคุณ คนที่ฉันชอบ เป็นแค่คนจนคนหนึ่งเป็นคนพิการ และรวมถึงร่างกายของฉัน ก็ได้ให้เขาไปแล้ว เรื่องนี้ถ้าให้คนอื่นรู้ คนอื่น คงจะหัวเราะเยาะคุณไปตลอดชีวิต?มู่หรงฉางเฟิง ห่าๆ”

ฉินหยีหรันหัวเราะห่าๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “มู่หรงฉางเฟิง คนที่คุณนอนด้วยทุกวัน ในใจคิดถึงแต่คนอื่น ผู้หญิงที่คุณยกขันหมากไปแต่งงานมาด้วย แต่กลับขึ้นเตียงของคนอื่นมาก่อนแล้ว ห่าๆ มู่หรงฉางเฟิงอ่ามู่หรงฉางเฟิง คุณช่างน่าสงสารเหลือเกิน”

“เธอหุบปากเดี๋ยวนี้!” มู่หรงฉางเฟิงด่าทอออกมา

“หุบปาก ทำไมฉันต้องหุบปากด้วย?ทำไม คุณกลัวคนอื่นรู้เรื่องนี้ขนาดนั้นเชียวเหรอ?” ฉินหยีหรันหัวเราะเย็นชาออกมา

มู่หรงฉางเฟิงเดินไปข้างหน้า ตบแรงๆ ลงไปบนใบหน้าของฉินหยีหรัน ตบล้มไปกองอยู่กับพื้น และเจ้าของร้านเวลานี้รีบไปดึงตัวของมู่หรงฉางเฟิงไว้: “เถ้าแก่ ท่านอย่าตบอีกเลย ถ้าตบต่อไปอีก อาจถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้”

“แม้แต่ขยะอย่างแกก็กล้าขวางฉันเหรอ?” มู่หรงฉางเฟิงสะบัดมือ ตบเจ้าของร้านกระเด็นออกไป

หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงตีเจ้าของร้านเสร็จแล้ว เดินไปหาฉินหยีหรัน: “คืนนี้ ฉันจะตบเธอให้ตาย”

เวลานี้หลี่ฝางพูดกับโหจื่อว่า: “สั่งสอนเขาหน่อย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท