NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 652 กองหนุนมาแล้ว

บทที่ 652 กองหนุนมาแล้ว

เพื่อที่จะบุกสถานตากอากาศ และช่วยเหลือท่านลู่ คนที่มีฝีมือส่วนใหญ่ของเมืองเอก และแก๊งเล็กๆ ล้วนมาอยู่ที่นี่

อย่างเช่นคุณท่านหวู คนข้างกายที่ใช้การได้ของเขา ล้วนถูกส่งมาที่สถานตากอากาศ

คนที่ยังเหลืออยู่ ก็เป็นแค่พวกไร้ฝีมือที่มีดีแค่ขู่คนก็เท่านั้นเอง

“ลุงเฉียน ถ้าเกิดกลืนทั้งหมด พวกเราจะไม่โลภมากจนเกินไปเหรอ? มันจะไม่สำลักเอาเหรอ?” หลี่ฝางถามด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย

เพราะยังไงซะ ลูกน้องของตัวเองก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น

ตอนนี้ พื้นที่ทั้งสามแห่งถูกแบ่งให้กับซินปา หวางเสี่ยวหยวน เฉินฝูเซิงทั้งสามคน

ต่อให้มีพื้นที่มากกว่านี้ เกรงว่า คงจะป้องกันเอาไว้ไม่ได้

“ฉันรู้คุณกำลังกังวลอะไรอยู่ คงจะเป็นเรื่องที่มีลูกมือไม่พอใช่ไหมล่ะ? พอยึดพื้นที่มาได้ กลัวว่าจะไม่มีคนเฝ้า?” ลุงเฉียนหัวเราะ “จะคิดมากไปทำไม ยึดพื้นที่มาก่อนค่อยคิด ส่วนเรื่องหาคน ค่อยหาที่หลังก็ได้”

หลี่ฝางไม่ใช่คนโง่ ไปแย่งพื้นที่ของคนอื่นมา หลังจากนั้น ไม่มีทางที่จะไม่มาล้างแค้น?

ถ้าเกิดคืนนี้ยึดพื่นที่มาทั้งหมด แล้วปรากฏว่าวันที่สองคนของตัวเอง แม้แต่พื้นที่ของตัวเองก็ป้องกันเอาไว้ไม่ได้ ผีซ้ําด้ําพลอย

ก็เหมือนกับที่คุณมีเงินแค่หนึ่งเหรียญ แต่อยากไปกินร้านอาหารหรูๆ การที่คิดจะกินแล้วหนี ผลลัพธ์ที่ตามมามันน่าสมเพช

หลี่ฝางจ้องมองไปยังลุงเฉียน แล้วพูดถามว่า “ลุงเฉียน คุณบอกให้ผมยึดพื้นที่มา ถ้าเกิดหลังจากนั้นผมหาคนมาไม่ได้ คุณต้องช่วยผมน่ะ”

ลุงเฉียนยิ้มเบะปาก “เจ้าเด็กนี่ คิดจะให้ฉันทำอะไรอีกรึไง?”

“คุณเองก็เห็นแล้ว ที่นี่มีแค่กลุ่มของไอ้หน้าหนวดกลุ่มเดียว ถึงแม้จะยังมีอีกกลุ่มนึง แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ นั้นเป็นทหารของพ่อคุณ ถ้าคุณอยากได้ ก็โทรไปหาพ่อคุณเองก็แล้วกัน”

ความหมายที่ลุงเฉียนพูดออกมา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ให้ยึดลูกน้อง

คนของไอ้หน้าหนวด ต้องค่อยปกป้องสถานตากอากาศ

ส่วนคนที่พ่อของตัวเองพากลับมาจากเมืองนอก จะต้องทำประโยชน์ได้อย่างแน่นอน

นั้นเป็นอาวุธลับของพ่อตัวเอง เป็นไพ่ใบสุดท้าย ถ้าเกิดตัวเขาสั่งให้พวกเขาไปยึดพื้นที่ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพวกนักเลง มันก็เหมือนกับขี่ช้างจับตั๊กแตน

ดูเหมือนว่า นี่เองก็ไม่สามารถใช้ได้

หลี่ฝางเงียบไปพักนึง ทันใดนั้นก็นึกถึงคนๆนึงขึ้นมา ท่านจวน

หลี่ฝางเงยหน้ามองลุงเฉียน แล้วถามว่า “ท่านจวนล่ะ? เขากลับเข้าสู่วงการแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่เห็นเคลื่อนไหวอะไรเลย”

“ใครว่าไม่มีการเคลื่อนไหว? คุณลองโทรไปถามเฉินฝูเซิงไม่ก็หวางเสี่ยวหยวนดูสิ มีผู้ทรงอำนาจกลุ่มนึง ที่คอยยึดพื้นที่อยู่รึเปล่า?”

ลุงเฉียนหัวเราะแล้วพูดว่า “ท่านจวน ได้เริ่มเคลื่อนไหวไปแล้ว”

“งั้นก็ให้ท่านจวนไปยึดคนเดียวก็แล้วกัน ไม่ว่ายังไงเขาและพวกเรา ก็อยู่เรือลำเดียวกัน” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงเฉยๆ

“แกจะบ้ารึไง ท่านจวนก็คือท่านจวน พวกเราก็คือพวกเรา ถึงแม้พวกเรากับท่านจวนจะร่วมมือกัน แต่ไม่ว่าจะยังไงพวกเราก็ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน แกเข้าใจไหม?” เสียงของลุงเฉียน จู่ๆก็ต่ำลงไป

“ความหมายของคุณก็คือ?”

“พื้นที่ จะให้ท่านจวนยึดไปคนเดียวไม่ได้ ยังไงซะ คนที่รับหน้าที่เป็นนกต่อ ก็คือสถานตากอากาศของพวกเรา เพราะงั้นคนที่ค่อยเก็บผลประโยชน์ ก็ควรจะเป็นพวกเราถึงจะถูก”

พอลุงเฉียนพูดจบ

แล้วหันไปมองเสี่ยวฝางที่ยังไม่มีท่าทีจะโทรไปหาใคร สุดท้ายลุงเฉียนก็ทนไม่ไหว “แกยังจำคนที่ชื่อว่าซุนจิ้นได้รึเปล่า?”

“ซุนจิ้น แน่นอนว่าผมจำได้อยู่แล้ว ได้ข่าวว่าตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลจูเก่อ ฐานะ จุดยืน ไม่เหมือนเดิมแล้ว” หลี่ฝางพูดด้วยเสียงหัวเราะ

จากนั้น หลี่ฝางก็คิ้วขมวด แล้วหันไปมองลุงเฉียน

การที่จู่ๆลุงเฉียนพูดถึงซุนจิ้นขึ้นมา หรือว่า การแย่งพื้นที่ในครั้งนี้ สามารถปล่อยให้ซุนจิ้นจัดการได้รึเปล่า?

น่าจะหมายความแบบนั้น

หลี่ฝางหันไปมองลุงเฉียนด้วยความกังวลเล็กน้อย แล้วถามว่า “ลุงเฉียน คุณว่าถ้าเกิดผมไปแย่งพื้นที่มา แล้วขอความร่วมมือจากซุนจิ้น คุณว่าซุนจิ้นนจะตกลงร่วมมือกับผมไหม?

ลุงเฉียนไม่ได้ตอบตรงๆ แต่กลับพูดไปว่า “ซุนจิ้นเป็นพวกเดียวกับพวกเรา”

ซุนจิ้นเป็นพวกเดียวกัน?

งั้นท่านจวนไม่ใช่รึไง?

หลี่ฝางเข้าใจขึ้นมาแล้ว รีบหยิบมือถือขึ้นมา แล้วโทรไปหาเฉินฝูเซิง ตอนที่มือถือดังขึ้นมา เฉินฝูเซิงยังอยู่โรงบาลอยู่เลย

“เจ้านาย ทำไมจู่ๆคุณถึงโทรมาล่ะ?” เฉินฝูเซิงถาม

“ตอนนี้มีงานดีๆให้แกทำ แกจะทำรึเปล่า?” หลี่ฝางถาม

“ตักบาตรอย่าถามพระ ขอแค่เป็นงานดีๆ งั้นผมก็ต้องทำอยู่แล้ว” น้ำเสียงของเฉินฝูเซิง เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “แกน่าจะรู้จักคุณท่านหวูใช่ไหม? เขาอยู่ฝั่งตะวันออกของแก แกพาคนไป แย่งพื้นที่ของเขา มาให้หมด”

“คุณท่านหวู? ฉันเหม็นขี้หน้ามันมานานแล้ว แม่งเอ๊ย ครั้งก่อนตอนมันมาเล่นที่ถิ่นของฉัน แล้วไม่ยอมจ่ายเงิน……ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นฉันเพิ่งมาที่นี่ ก็เลยไม่อยากมีเรื่องโดยไม่จำเป็น ไม่งั้นฉันฆ่ามันไปนานแล้ว”

“พอแล้ว ฉันรู้จักแกดี? รากฐานของแกแค่ยังไม่มั่นคง กลัวว่าจะสู้พวกเขาไม่ไหวถูกไหม?” หลี่ฝางพูดสรุปประเด็น

“เฮ้ๆ เจ้านายเข้าใจผมดีจริงๆ ลูกน้องของเขา มีคนที่มีฝีมืออยู่หลายคน บวกกับที่เขาอยู่ในเมืองเอกมานานหลายปี เงินทอง เส้นสาย ล้วนมีมากกว่าผม เจ้านาย คุณต้องการให้ผมสู้กับเขา จะไม่ให้กองหนุนกับผมสักหน่อยเหรอ?”

“จะบอกข่าวดีให้แก คนมีฝีมือที่อยู่ข้างกายคุณท่านหวู ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆเขาสักคน” หลี่ฝางพูดต่อ “แกใช้โอกาสนี้ ถอนรากถอนโคนคุณท่านหวูให้สิ้นซากซะ”

“ทำไมคุณไม่พูดแต่แรก”

พอได้ยินประโยคนี้ เฉินฝูเซิงก็กดวางสายทันที จากนั้นก็หันไปพูดกับคนข้างๆว่า “พอแล้ว วางไพ่ที่อยู่บนมือซะ หยุดเล่นกันแค่นี้ เดี๋ยวกูจะพาพวกมึงไปแย่งพื้นที่ของคุณท่านหวู”

“ฮ่าๆ คนเก่งๆที่อยู่ข้างๆคุณท่านหวู ออกไปทำภารกิจกันหมดแล้ว” เฉินฝูเซิงพูดด้วยความดีใจ

เฉินฝูเซิงพาพวกตัวเองออกไป จากโรงบาลแล้วไปบุกยึดพื้นที่ของคุณท่านหวู ประกาศชื่อของตัวเองออกมาตรงๆ แล้วพุ่งไปยึดพื้นที่ของคุณท่านหวู

และในเวลาเดียวกัน หลี่ฝางก็โทรไปหา หวางเสี่ยวหยวนกับซินปา

หลังจากที่วางสาย หลี่ฝางก็หันไปพูดกับลุงเฉียน “เชื่อว่าอีกไม่กี่ชั่วโมง พื้นที่ของผม จะต้องใหญ่ขึ้นอีกเท่าตัว”

“อืม ที่เหลือ ก็ให้ท่านจวนไปยึดก็แล้วกัน” ลุงเฉียนพูดเบาๆ

หลี่ฝางหันไปมองลุงเฉียน พูดด้วยความสงสัยว่า “ลุงเฉียน ท่านจวนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของพวกคุณไม่ใช่รึไง?”

“ฮ่าๆ ถ้าเกิดเขาเป็นเพื่อนของพวกเราจริงๆ ทำไมถึงอยู่ที่เมืองเอกได้อย่างปลอดภัย ด้วยไร้รอยขีดข่วนแม้แต่น้อยล่ะ?” ลุงเฉียนพูดด้วยเสียงเย็นชา

แค่ประโยคเดียว หลี่ฝางก็เข้าใจถึงสาเหตุ

จริงด้วย ตอนนั้นลุงเฉียนกับคุณพ่อ ถูกบีบให้ออกมาจากเมืองเอก จนต้องหนีออกนอกประเทศ แต่ว่าท่านจวน กลับไม่เป็นอะไรเลย

จะว่าไป ตอนนั้นคนที่เริ่มเป็นศัตรูกับสี่ตระกูลใหญ่ก่อน ก็คือท่านจวน

ส่วนพ่อของตัวเอง ก็แค่ผู้ช่วยของท่านจวนก็เท่านั้นเอง

แต่ว่าคนที่เป็นคนเริ่มเรื่องกลับไม่เป็นอะไร แถมยัง ถูกคนอื่นเคารพนับถือเหมือนเดิม ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ส่วนพ่อของตัวเอง กลับต้องหนีหัวซุกหัวซุน

“ถึงแม้ว่าหลอซ่าจะไม่ได้โทษเขา แต่ว่า เขาก็ไม่น่าจะยอมแพ้เร็วขนาดนั้น”

“ตอนนั้น พวกเราไม่เห็นด้วยที่จะยอมแพ้ ส่วนท่านจวน กลับไปประนีประนอมสี่ตระกูลไว้ก่อนแล้ว” ลุงเฉียนถอนหายใจดังเฮิง แล้วพูดว่า “เขาไม่ได้ผิด”

“แต่ว่าใจของคุณ ก็ยังคงโทษเขา”

“ใช่แล้ว หลายปีมานี้ เขาไม่เคยติดต่อมาหาพวกเรา อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้ดูแลแกเป็นพิเศษ เขาเหมือนกับคนนอกวงการ ที่ใช้ชีวิตไปวันๆ”

“จนกระทั่งพวกเรากลับมา หลังจากที่เห็นพวกเรามีอำนาจที่แข็งแกร่ง เขาถึงยืนขึ้นมาอีกครั้ง”

ลุงเฉียนยิ้มอย่างเย็นชาไปนึงที “คนแบบนี้ ร่วมสุขได้ แต่ไม่สามารถร่วมทุกข์ได้”

หลี่ฝางทำปากมุ่ย ไม่ได้พูดอะไร ยังไงซะชีวิตที่พวกเขาผ่านมา เขาเองก็ไม่ได้สัมผัสมันด้วยตรง แล้วจะเอาอะไรไปตัดสินล่ะ?

แต่ว่า ในเมื่อลุงเฉียนไม่ได้ยอมรับท่านจวนขนาดนั้น งั้นหลี่ฝางก็จะขอทำตัวเหมือนกับลุงเฉียน

ด้วยเหตุนี้ หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง โหจื่อก็ยังไม่กลับมา ข้างนอกประตูสถานตากอากาศ ก็สู้กันอย่างดุเดือด เพราะด้วยความที่มีจำนวนน้อยกว่า เจ้าไอ้หน้าหนวด ก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว

และในเวลานี้เอง ลุงเฉียนก็หยิบโทษศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรไปหาซุนจิ้น

“พอแล้ว น่าจะถึงเวลาแล้ว แกเตรียมตัวขึ้นเขาได้”

พอลุงเฉียนพูดจบ ก็กดวางสายทันที

และซุนจิ้นก็เตรียมตัวเสร็จตั้งนานแล้ว สิ่งที่เขารออยู่ก็คือสายนี้ หลังจากวางสาย ซุนจิ้นก็สตาร์รถ ขับรถออกไป มุ่งไปยังสถานตากอากาศ

และข้างหลังของเขา ก็มีรถตู้สิบคันตามหลังมา

หลังจากที่มาถึงสนามรบ ซุนจิ้นเดินออกมาจากรถ มองรอบๆไปทีนึง “ฮ่าๆ ดูหน้าพวกที่ใส่ชุดขาวให้ดี แล้วสับมันให้แหลก!”

พอซุนจิ้นพูดจบ ข้างในรถตู้ ก็มีวัยรุ่นหลายร้อนคนเดินลงมาจากรถ คนพวกนี้เรียนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก แต่ละคนมีร่างกายที่กำยำ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท