NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 661 ศิษย์พี่ของโหจื่อ

บทที่ 661 ศิษย์พี่ของโหจื่อ

นี่ไม่ใช่หูเฟย แล้วจะเป็นใคร?

ในขณะที่หลี่ฝางกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น รถจอดลงทันที

“ขับต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ทางเดินที่เหลือ พวกเราเดินเข้าไป” โหจื่อจอดรถแล้วพูดออกมา

จากนั้นหลี่ฝางและโหจื่อลงมาจากรถ

ข้างหน้า เป็นชนบทที่ยากจนและห่างไกล

หมู่บ้านนี้ ไม่ใหญ่นัก และทางเข้าหมู่บ้าน ก็มีแค่ทางเดียว

ทางเดินนี้ ได้มีรถสิบกว่าคัน ขวางทางไว้หมดแล้ว

เห็นได้ชัดว่า มีคนกลุ่มหนึ่ง มาถึงที่นี่ ก่อนหลี่ฝางและโหจื่อหนึ่งก้าว

ทำให้จิตใจของหลี่ฝาง ยิ่งกระวนกระวายขึ้นไปอีก

“ไม่รู้พวกเธอเป็นยังไงบ้าง” หลี่ฝางถามออกมาด้วยความตื่นเต้น

โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา เบ้ปากแล้วพูดขึ้นว่า: “วางใจได้ ดูจากสถานการณ์แล้ว พวกเขายังจับตัวคนไม่ได้หรอก”

“นี่ถ้าหากว่าจับคนได้แล้ว รถพวกนี้ คงจะขับกลับไปแล้ว” โหจื่อพูดออกมา

หลี่ฝางตอบอือออกมา ค่อยๆ เดินย่องผ่านทางลัด เข้าไปหมู่บ้านข้างใน

ส่วนโหจื่อนั้นเดินกร่างเข้าไป เสมือนไม่เกรงกลัวคนพวกนี้เลย

เพราะว่า โหจื่อมีฝีมือในการยิงปืนอย่างแม่นยำ เป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่เขาไม่เกรงกลัวคนพวกนี้

และในเวลานี้ มีกระสุนนัดหนึ่ง ยิงเฉียดผ่านร่างของโหจื่อ พุ่งมาที่หลี่ฝาง เพื่อยิงเขา

โหจื่อรีบดึงแขนของหลี่ฝาง แล้วหลบอย่างรวดเร็ว ทำให้หลี่ฝางรอดพ้นอันตรายมาไปได้

ถ้าคนคนหนึ่ง มีประสบการณ์การหลบหนีจากความตายมาแล้วหลายสิบครั้ง เขาก็จะมีสัมผัสที่หก เมื่อมีเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้น เขาจะมีสัมผัสรับรู้ได้ล่วงหน้าก่อน

เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ หลี่ฝางเหมือนสัมผัสมันได้ก่อนแล้วว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

ถึงแม้โหจื่อจะไม่ดึงตัวเขา แต่หลี่ฝางเชื่อว่า กระสุนนัดนั้น ถ้ายิงถูกเขาก็คงยิงโดนแขนเท่านั้น ไม่ถึงกับยิงถูกจุดที่เอาชีวิตของเขาได้

“คือเธอ!”

สีหน้าของโหจื่อ เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ใคร?” หลี่ฝางถามออกมา

เห็นได้ชัดว่า คนฝ่ายตรงข้ามที่ยิงปืนมา โหจื่อรู้จัก

“ศิษย์พี่ฉันเอง ก่อนหน้านั้น แม่ของนายเคยรับลูกศิษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เธอไม่ได้ไปด้วยกันกับพวกเรา ได้ยินว่า ตอนนี้เข้าไปอยู่กับสี่ตระกูลใหญ่” สีหน้าของโหจื่อ ค่อนข้างเครียดเล็กน้อย

“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะมา?” โหจื่อขมวดคิ้วเข้าหากัน พูดพึมพำกับตัวเอง

ทันใดนั้นหลี่ฝางนึกขึ้นได้

เมื่อไม่นานมานี้ หวางเสี่ยวหยวนและพ่อของเขา กำลังจะคุยความลับกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีมือปืนลึกลับคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา? และมือปืนคนนี้ เกือบเอาชีวิตของหวางเสี่ยวหยวนไป ต่อหน้าพ่อของเขาแล้ว

หลังจากนั้น พ่อของเขาวิ่งไล่ล่าไปถึงในป่า แต่กลับไม่พบเจออะไรเลย

คิดว่า มือปืนที่ยิงหวางเสี่ยวหยวนในวันนั้น กับคนที่จะเอาชีวิตหลี่ฝางในวันนี้ ต้องเป็นคนเดียวกันแน่

หลี่ฝางขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วพูดขึ้นว่า: “แม่งเอ๊ย แม่ฉันเป็นคนสอนเธอยิงปืน เธอกลับใช้มันมาฆ่าฉัน ช่างไร้ยางอายสิ้นดี”

“เธอรักเงินมากกว่า กระสุนหนึ่งนัด ห้าแสนหยวน!”

โหจื่อขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วพูดขึ้นว่า: “นั่นคือราคาของเธอก่อนหน้านั้น ไม่รู้ตอนนี้ขึ้นราคาแล้วหรือยัง”

“ดูแล้ว การกู้ภัยครั้งนี้ คงไม่ง่ายขนาดนั้น”

โหจื่อเม้มปากแล้วพูดขึ้นว่า: “เธออยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าเรา ถ้าพวกเราปรากฏตัว เธอต้องลงมือยิงแน่นอน”

“ถ้าอย่างนั้นควรทำยังไงดี?หรือว่าพวกเราจะหลบซ่อนที่นี่โดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ?”

หลี่ฝางขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นว่า: “ถ้าอย่างนั้นฉินหยีหรันกับฉินวี่เฟยจะทำยังไงดีหล่ะ?พวกเราไม่ไปช่วยพวกเธอแล้วเหรอ จะช้าหรือเร็วพวกเธอต้องถูกคนของมู่หรงฉางเฟิงจับตัวไปได้แน่”

“ฉันคิดหาวิธีก่อน” โหจื่อขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า: “คนเราต้องช่วยอยู่แล้ว แต่ว่า พวกเราต้องรับประกันชีวิตของตัวเองก่อน นายว่าใช่ไหม?เมื่อกี้นายก็เห็นแล้ว เธอต้องการเอาชีวิตของนาย”

“แม่งเอ๊ย ถ้าแม่ของนายอยู่ด้วย คงจะดีมาก”

โหจื่อขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วพูดออกมา

“คำพูดแกมันไร้สาระสิ้นดี” หลี่ฝางบ่นออกมา

ผ่านไปสักพัก อารมณ์ของหลี่ฝางนิ่งขึ้นขึ้น พูดกับโหจื่อด้วยความเกรงใจว่า: “ขอโทษด้วย เมื่อกี้ฉันพูดจาแรงไปหน่อย ฉันไม่ควรใส่อารมณ์กับนายหรือบ่นอะไรนาย เพราะว่า ที่นายมาก็เพราะช่วยเหลือฉัน”

“เคอๆ ไม่เป็นไร” โหจื่อไม่ได้เก็บไปใส่ใจเลยด้วยซ้ำ

“ฉันพอจะรู้ตำแหน่งของเธออยู่ แต่ว่า ฉันไม่กล้าเสี่ยง ถ้าอาจารย์ฉันส้าวส้วยอยู่ อาจจะร่วมมือกับฉันได้ แต่น่าเสียดาย อาจารย์ไม่อยู่

“ฉันตัวคนเดียว แถมถูกเธอบีบคอแน่นหนาขนาดนี้ และทำได้แต่รอ” โหจื่อขมวดคิ้ว พูดด้วยอาการเซ็งออกมา

โหจื่อถูกขนานนามว่าเป็นเทพแห่งนักแม่นปืน

แต่ตอนนี้ ถูกนักแม่นปืนอีกคนที่ฝีมือดีกว่า ล๊อกตายอยู่ที่นี่ และไม่กล้าปรากฏตัว ถ้าข่าวนี้ปล่อยออกไป ชื่อเสียงเทพแห่งนักแม่นปืน กังวลว่า คงขายขี้หน้าน่าดู

โหจื่อกับหลี่ฝาง อยู่ตรงนั้นห้านาทีเต็มๆ เวลานี้ หลี่ฝางได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา

เป็นเสียงขัดขืนของฉินวี่เฟย

ในใจของหลี่ฝาง หมดหวังขึ้นมาทันทีแล้วพูดขึ้นว่า: “จบละ พวกเธอถูกจับแล้ว”

“เป็นไปตามคาด”

โหจื่อพูดขึ้นมาเบาๆ : “พวกเราออกไปไม่ได้ ฉินวี่เฟยกับฉินหยีหรัน ต้องถูกจับตัวไปแน่นอน”

หลี่ฝางเตรียมจะวิ่งออกไป แต่ถูกโหจื่อดึงตัวไว้

“ลูกพี่ ใจเย็นก่อน” โหจื่อมองไปที่หลี่ฝาง พูดขึ้นมา

“ฉันไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นจะยิงฉันตายหรอก อีกอย่าง ฉันรู้นายต้องการอะไร นายต้องการคน ที่ไปเลื่อนแบนความสนใจของเธอ ใช้เวลาเพียงวินาทีเดียว นายก็สามารถยิงถูกเธอได้ ใช่ไหม?”

“ดังนั้น ฉันยินยอมเป็นเหยื่อล่อให้นาย เพื่อดึงดูดเธอ”

หลี่ฝางพูดขึ้นว่า: “ฉันล่อให้เธอยิงหนึ่งนัด นายยิงเธอหนึ่งนัด พวกเราก็มีโอกาสเปลี่ยนจากพ่ายแพ้กลายเป็นชนะได้ และก็จะได้มีโอกาสช่วยฉินวี่เฟยกับฉินหยีหรันได้”

“นายนี่มันโง่สิ้นดี เธอได้ทรยศไปแล้ว และไม่เหลือเยื่อใยอะไรอีกแล้ว กระสุนนัดเมื่อกี้ เขาจงใจยิงใส่หัวใจของนาย นายคิดว่า นายสามารถหลบปืนของเธอได้เหรอ?ปืนนัดหนึ่งของเธอ อย่าว่าแต่นายเลย ขนาดฉันยังไม่แน่ใจว่าจะหลบได้หรือเปล่า”

โหจื่อดึงหลี่ฝางไว้ แล้วพูดขึ้นว่า: “ถ้าเกิดนายตายไป และช่วยฉินหยีหรันกับฉินวี่เฟยออกมาได้ แล้วมันจะมีประโยชน์เหี้ยอะไร”

ในขณะที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น ฉินวี่เฟยและฉินหยีหรัน ได้ถูกนำตัวขึ้นรถไปแล้ว

เสียงสตาร์ทรถดังขึ้นมา และโทรศัพท์ของหลี่ฝาง ดังขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

ฉินวี่เฟยโทรศัพท์โทรเข้ามา

แต่หลี่ฝางรู้ คนที่โทรศัพท์มา ไม่ใช่ฉินวี่เฟยแน่นอน

หลี่ฝางเต็มไปด้วยความหนักใจ กดปุ่มรับโทรศัพท์ลงไป โทรศัพท์ของอีกฝั่ง เสียงของคุ้นเคยของมู่หรงฉางเฟิงดังขึ้นมา

“เคอๆ คุณชายหลี่ ช่างประจวบเหมาะเหลือกัน เมื่อกี้ฉันเห็นรถของนาย นายก็อยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ?”

มู่หรงฉางเฟิงพูดขึ้นมาว่า: “นี่มันจะตีสามแล้ว นายยังไม่นอนอีกเหรอ?”

“ทำไม นอนไม่หลับ?” มู่หรงฉางเฟิงถามออกมา

หลี่ฝางพยักหน้า พูดขึ้นว่า: “ใช่ นายก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ?”

“ถ้าอย่างนั้นก็เอาแบบนี้แล้วกัน ในเมื่อทุกคนนอนไม่หลับ ไปหาสถานที่สักแห่ง ดื่มเหล้าเล็กน้อย เพื่อฆ่าเวลา นายว่ายังไง?” มู่หรงฉางเฟิงถามออกมา

หลี่ฝางตอบตกลง: “ได้”

“ได้ ฉันอยู่ข้างรถนายแหละ ใกล้ๆ แถวนี้มีร้านเหล้าอยู่ร้านหนึ่ง” มู่หรงฉางเฟิงพูดว่า: “ฉันรอนาย”

พูดจบ มู่หรงฉางเฟิงวางสายลง

และในเวลานี้ หลี่ฝางมองไปที่โหจื่อแล้วพูดขึ้นว่า: “มู่หรงฉางเฟิงชวนพวกเราไปกินเหล้า”

“ไอ้นายคนนี้ ต้องไม่มีเรื่องดีแน่นอน”

โหจื่อส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ช่างมันเหอะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองไปดูก็ได้”

“แล้วเธอ……”

“เคอๆ เธอน่าจะไปแล้ว” โหจื่อพูดจบ ก็เดินนำหน้าออกไป

เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ ปลอดภัยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลี่ฝางเดินตามโหจื่อ เมื่อเดินมาถึงหน้ารถของตัวเอง

ข้างกายของมู่หรงฉางเฟิง มีแค่ฉินหยีหรันคนเดียวที่ยืนอยู่ด้วย และไม่เห็นเงาของฉินวี่เฟย

“เหลือแค่นายคนเดียวเหรอ?” หลี่ฝางกวาดสายตามองไป รถที่จอดอยู่บริเวณรอบๆ ไม่เห็นหมดแล้ว

คิดว่า ลูกน้องของเขา ได้พาตัวของฉินวี่เฟย ออกไปจากหมู่บ้านนี้แล้ว

ข้างหมู่บ้าน มีร้านเหล้าร้านหนึ่ง ไฟยังสว่างอยู่

เมื่อกี้ตอนที่เข้ามานั้น หลี่ฝางจำได้อย่างชัดเจน ร้านเหล้าแห่งนี้ ไฟปิดอยู่

“ไม่ต้องแปลกใจ เมื่อกี้ฉันหาคนไปปลุกเถ้าแก่ให้ตื่นขึ้นมาแล้ว”

“อีกอย่าง เมื่อกี้ฉันได้สั่งเถ้าแก่ไปแล้ว ให้ช่วยทำกับข้าวสองสามอย่างให้ฉัน คิดว่าตอนนี้ กับข้าวน่าจะสุกแล้ว”

หลังจากพูดจบ มู่หรงฉางเฟิงเดินไป กอดฉินหยีหรันภรรยาตัวเองไว้ จากนั้นเดินเข้าไปร้านเหล้าด้านใน

ชื่อของร้านเหล้าแห่งนี้ ชื่อว่าร้านเหล้าหกเจ็ด

เถ้าแก่เป็นชายวัยกลางคนเกิดช่วงปีหนึ่งเก้าหกเจ็ด และได้เปิดร้านอาหารพื้นบ้านที่ชนบทนี้

อยู่ในสวนเล็กๆ ฟังเสียงกบร้อง หลี่ฝางและมู่หรงฉางเฟิงนั่งลงพร้อมกัน

มู่หรงฉางเฟิงหันไปมองโหจื่อ ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า: “ดูแล้ว ครั้งนี้พวกนายจะมาเสียเที่ยวนะ”

“เคอๆ เหมือนจะเป็นอย่างที่พูดเลย”

โหจื่อมองไปที่มู่หรงฉางเฟิง สีหน้าเย็นชา: “ฟีนิกซ์ กลายเป็นคนของนายตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เธอไม่ใช่คนของฉัน แค่ยืมมาใช้เท่านั้นเอง เมื่อกี้ เธอยิงไปหนึ่งนัด ฉันต้องเสียเงินไปหนึ่งล้านเหรียญ เห้อ มีคนมาคุยโม้ให้ฉันฟังว่าฝีมือการยิงปืนของเธอแม่นยำมาก ขนานนามว่ายิงร้อยนัดถูกร้อยนัด ดูนายสองคนสิ ไม่เห็นมีใครถูกยิงเลย รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อน ฉันจะไปหาพวกเขา แล้วให้พวกเขาคืนเงินให้ฉัน” มู่หรงฉางเฟิงหัวเราะเหะๆ พูดออกมา

“ถ้าไม่ใช่ปืนนัดนั้น นายคิดว่า นายจะจับคนได้เหรอ?” หลี่ฝางมองมู่หรงฉางเฟิงด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดออกมา

“ก็ใช่ ถ้าเป็นแบบนั้น เงินนั่น ฉันก็จะไม่ไปขอคืนละ”

มู่หรงฉางเฟิงพูดจบหัวเราะเคอๆ ออกมา ชี้ไปที่กับข้าวบนโต๊ะ ยื่นตะเกียบคู่หนึ่งไปให้ฉินหยีหรัน แล้วพูดขึ้น

ว่า: “มาที่รัก วิ่งมาทั้งวันคงยังไม่ได้กินข้าวสิ มาลองชิมอาหารพื้นบ้านหน่อย ลุงคนเมื่อกี้พูดว่า กับข้าวที่นี่ ล้วน

เป็นผักที่เขาปลูกเอง ไม่ได้ฉีดยาอะไรทั้งนั้น เขียวขจีมาก”

ฉินหยีหรันไม่ได้รับตะเกียบไว้ เพียงแต่ใช้สายตาที่เย็นชานั้นมองไปที่มู่หรงฉางเฟิงแล้วพูดขึ้นว่า: “ปล่อยน้องสาวฉันไปซะ เรื่องระหว่างเราสองคน ทำไมต้องดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”

“ใช่สิ มันเป็นเรื่องระหว่างสามีภรรยาของเราสองคน เธอเป็นแค่น้องเมีย มายุ่งอะไรด้วย แถมยังพาคุณหนีอีก เคอๆ”

สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิงไม่ค่อยพอใจนักแล้วพูดขึ้นว่า: “คุณพูดสิ นี่ไม่ใช่การลักพาตัวภรรยาของผมเหรอ

น้องเมียคนนี้ ใช้ไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวกลับไป ผมต้องสั่งสอนเธอสักหน่อยละ”

สีหน้าของหลี่ฝางเปลี่ยนไปเล็กน้อย คำพูดนี้ของมู่หรงฉางเฟิง มีส่วนหนึ่งที่ต้องการพูดให้เขาฟัง

ตะเกียบในมือของมู่หรงฉางเฟิง ยื่นอยู่กลางอากาศครึ่งค่อนวัน และฉินหยีหรัน ก็ไม่ยอมรับมันไปเลย

มู่หรงฉางเฟิงหัวเราะเคอๆ ออกมา แล้ววางตะเกียบไว้บนโต๊ะ จากนั้นยกแขนขึ้น ตบลงไปแรงๆ ที่บนใบหน้าของฉินหยีหรัน

และแรงตบครั้งนี้ ทำให้ฉินหยีหรันล้มไปกองอยู่ที่พื้น

เหมือนเวลาหยุดเดิน เถ้าแก่วัยกลางคนวิ่งเข้ามาหา ถามออกมาว่า: “เถ้าแก่ นี่มันอะไรกัน ภรรยาสวยงามขนาดนี้ ลงมือแรงขนาดนี้ได้ยังไง”

“ในสังคมตอนนี้ การจะหาภรรยาสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การมอบรักให้ยังถือว่าไม่พอเพียงเลย ทำไมถึงต้องลงมือหนักขนาดนี้ ท่านดูสิ ปากมีเลือดออกมาละ” เถ้าแก่วัยกลางคนพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง

เถ้าแก่วัยกลางคนอายุสี่สิบห้าแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นโสดอยู่

“นายอยากได้เหรอ ยกให้นายเลย”

มู่หรงฉางเฟิงยิ้มเล็กน้อย พูดออกมาอย่างคนใจกว้างว่า: “พาเธอไปห้องของนาย แล้วแต่นายจะทำยังไงก็ได้”

เถ้าแก่วัยกลางคนวันๆ อยู่แต่ในหมู่บ้าน ไม่เคยเห็นหญิงงามอย่างฉินหยีหรันมาก่อน

เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ เขารู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ เขาก็ส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “เถ้าแก่ชอบพูดเล่นเหลือเกิน”

“ใครล้อเล่นกับนาย ผู้หญิงคนนี้ ถือว่าเป็นค่าอาหารของคืนนี้ก็แล้วกัน”

มู่หรงฉางเฟิงหัวเราะเยาะออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ว่ายังไง ผู้หญิงคนนี้ ก็แค่นางแพศยาคนหนึ่งเท่านั้น”

“มู่หรงฉางเฟิง คุณมันไม่ใช่คน” เงยหน้ามองมู่หรงฉางเฟิง ฉินหยีหรันด่าเย็นชาออกมา

“ผมไม่ใช่คน?”

มู่หรงฉางเฟิงหัวเราะเคอๆ ออกมา ยกเก้าอี้ตัวเองขึ้นมา ฟาดลงไปบนศีรษะของฉินหยีหรัน: “ใช่ ผมมันไม่ใช่คน แล้วยังไง?”

หลี่ฝางทนดูไม่ได้ สื่อสายตาให้กับโหจื่อ และในขณะที่โหจื่อเตรียมจะลงมือนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่ง เดินเข้ามาจากข้างนอกพอดี

เธอใส่เสื้อสีดำทั้งตัว ผมยาวมัดไว้ข้างหลัง

เมื่อเห็นโหจื่อ เธอยิ้มให้เล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่เจอกันตั้งนานเลย โหจื่อ”

โหจื่อมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น พูดออกมาอย่างตกใจว่า: “ฟีนิกซ์……

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน