NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 663 ฉันเกลียดผู้ชายที่ชอบตบตีเมียที่สุด

บทที่ 663 ฉันเกลียดผู้ชายที่ชอบตบตีเมียที่สุด

ฝีมือของมู่หรงฉางเฟิงถือว่าใช้ได้

ในขณะที่หมัดของมู่หรงฉางเฟิงจะต่อยลงบนใบหน้าของฉินหยีหรันนั้น โหจื่อรีบเข้าไปหา แล้วดึงแขนของมู่หรงฉางเฟิงไว้

“หลบไป”

“อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น”

“เธอเป็นเมียฉัน ฉันชอบตียังไง ก็จะตีอย่างงั้น”

มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ: “นายไม่มีสิทธิ์มาขวางฉัน”

“สิทธิ์เหรอ?”

โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “ลูกพี่ใหญ่นายจะยุ่งเรื่องของคนอื่น จำเป็นต้องมีสิทธิ์ด้วยเหรอ?”

โหจื่อยิ้มเยาะเย้ยพูดจบ สะบัดมือ แกว่งแขนของมู่หรงฉางเฟิง ออกไป

มูหรงฉางเฟิงถอยไปสองสามก้าว มองไปที่โหจื่อแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันได้ยินมาว่า ก่อนหน้านั้นนายเคยพ่ายแพ้ให้กับบอดี้การ์ดของมู่เสี่ยวไป๋”

“ใช่แล้ว มีเรื่องแบบนั้นจริง” โหจื่อพยักหน้ายอมรับอย่างเปิดเผย

“ถ้าอย่างนั้นนายรู้ไหม บอดี้การ์ดคนนั้นของมู่เสี่ยวไป๋ เคยพ่ายแพ้ให้ฉันมาก่อน” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมาอย่างได้ใจ

“จริงเหรอ?ฉันว่านายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสี่ยวโจวหรอก แปดสิบเปอร์เซ็นต์คงเป็นเพราะเห็นนายเป็นลูกคุณหนู ถึงยอมแพ้ให้กับนายเท่านั้นเอง”

“ถ้าเกิดตีนายจนร้องหาย หน้าของคุณชายมู่หรงอย่างนาย จะเอาไปไว้ที่ไหน นายว่าใช่ไหม?”

“ถูกละ คุณชายมู่หรงอย่างนายยังมีหน้าอะไรอีก แม้แต่ภรรยาตัวเอง ก็ยังไม่ชอบนายเลยยัง

สวมเขาให้นายอีก เจ่อๆ ดูอาหารบนโต๊ะนี้สิ เขียวขจีไปหมด ช่างเหมาะสมกับนายมาก

คุณชายมู่หรง”

โหจื่อเผชิญหน้ากับมู่หรงฉางเฟิง พูดเยาะเย้ยออกมา

ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง มืดมนลงทันที

“นายมันไอ้เลว กูจะฆ่ามึง!” มู่หรงฉางเฟิงตะโกนโหดเหี้ยมออกมา

ถึงแม้ฉินหยีหรันจะเป็นภรรยาของมู่หรงฉางเฟิงแค่ในนาม ทั้งสองคนไม่ได้มีความรักต่อกัน การแต่งงานของทั้งสองคน เป็นแค่เครื่องมือผลประโยชน์ของทั้งสองครอบครัวเท่านั้น

แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ถ้าฉินหยีหรันมีชู้ คนที่ขายหน้า ต้องเป็นมู่หรงฉางเฟิงแน่นอน

และสำหรับผู้ชายแล้ว ความอับอายที่ไม่สามารถทนรับได้ ก็คงเป็นการถูกคนอื่นสวมเขาให้นั่นเอง

มู่หรงฉางเฟิงเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เสมือนไม่กี่วินาทีก็มาถึงตรงหน้าของโหจื่อ โหจื่อถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วมาถึงประตูบ้านหลังเล็กๆ

“ถ้าแน่จริง ก็วิ่งตามเข้ามาสิ”

โหจื่อยิ้มเยาะเย้ย จากนั้นเดินเข้าไปข้างในบ้าน

ส่วนมู่หรงฉางเฟิงไม่ได้ตรึกตรองอะไรมาก เดินตามเข้าไปข้างในเลย

“ออกมา!”

ทันทีที่มู่หรงฉางเฟิงตะโกน โหจื่อก็บินลงมาจากข้างบน และหันหน้าเข้ากับหน้าอกของมู่หรงฉางเฟิง และข่วนมันลงไป จากนั้นข่วนเสื้อผ้าของเขาตรงหน้าอก จนฉีกขาด

จากนั้น ร่างของโหจื่อ ไปหยุดอยู่ที่บนกำแพง

“วิชาตุ๊กแกท่องกำแพง?” มองไปที่โหจื่อ สีหน้าของมู่หรงฉางเฟิง เปลี่ยนไปเล็กน้อย

วิชาตุ๊กแกท่องกำแพงนี้ เดิมที่เป็นวิชาสุดยอดของเส้าหลิน หลังจากนั้น ก็หายสาบสูญไปเลย

ใครจะไปคาดคิด ว่าโหจื่อคนนี้กลับมีวิชาตุ๊กแกท่องกำแพงนี้

มู่หรงฉางเฟิงแค่เคยได้ยิน แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน

นี่คือวิชาตัวเบาที่สุดยอดที่สุดวิชาหนึ่งเลย ตามที่ได้ยินมาหลังจากฝึกฝนสำเร็จแล้ว ทั้งตัวสามารถเกาะไว้ที่ผนังได้เลย และสามารถบินข้ามกำแพงได้อย่างง่ายดาย

“นายถือว่ามีความรู้ไม่น้อยเลย แม้แต่วิชาตุ๊กแกท่องกำแพงก็รู้จักด้วย”

“ถูกต้อง นี่คือวิชาตุ๊กแกท่องกำแพง เพื่อฝึกฝนวิชานี้ให้สำเร็จ ฉันต้องรักษาหุ่น ไม่กล้ากินเยอะดื่มเยอะ หลายปีมานี้ ไม่เคยกล้ากินอย่างปล่อยตัวเลยสักครั้ง เห้อ”

โหจื่อถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “พูดแล้ว ถือว่าไม่ง่ายเลย”

“หึ ก็แค่วิชาง่ายๆ แค่นั้นแหละ” มู่หรงฉางเฟิงแสดงอาการไม่แคร์ออกมา: “นี่มันวิชาที่ให้ผู้หญิงฝึก ไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายทั้งแท่งอย่างนาย ก็ไปแอบฝึกเหมือนกัน!”

โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา เดินลงมาจากกำแพงข้างบน เมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ใช้เท้าสองข้างถีบลงไปโดยตรงเลย

มู่หรงฉางเฟิงใช้แขนไปขวางไว้ แต่ก็ต้องถอยหลังไปสองสามก้าว

และมู่หรงฉางเฟิงรีบวิ่งติดต่อกันหลายก้าว เพื่อต้องการหนีออกมา แต่หลี่ฝางได้ปิดตายประตูไว้ก่อนแต่แรกแล้ว

หลังจากที่หลี่ฝางปิดประตูแล้ว มองไปที่ฉินหยีหรันแล้วพูดอย่างเป็นห่วงว่า: “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ฉินหยีหรันส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ชินแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”

“ก็แค่แผลภายนอกเล็กน้อยเท่านั้นเอง” ฉินหยีหรันพูดออกมาอย่างไม่แคร์

หลี่ฝางรู้ว่าฉินหยีหรันประสบการณ์ชีวิตโชคร้ายมาก

และดวงตาของฉินหยีหรันนั้นว่างเปล่ามาก หลี่ฝางรู้สึก ฉินหยีหรันในตอนนี้ แม้แต่ความตาย ก็คงไม่รู้สึกกลัว?

ฉินหยีหรันไปจับมือของหลี่ฝางไว้แล้วพูดขึ้นว่า: “คุณรีบไปช่วยน้องสาวฉัน น้องสาวฉันถูกคนของมู่หรงฉางเฟิงจับตัวไป เขาเป็นคนบ้า เรื่องอะไรก็ทำออกมาได้ ถ้าเกิดเขาส่งน้องสาวฉันไปที่สโมสรเจียงหนาน ต้องจบแน่ๆ”

หลี่ฝางส่ายหัว แล้วพูดกับฉินหยีหรันว่า: “วางใจได้ มู่หรงฉางเฟิงไม่กล้าส่งน้องสาวของคุณไปที่สังคมอิทธิพลมืดของสโมสรเจียงหนานหรอก เขาไม่กล้าหรอก สังคมอิทธิพลมืดของสโมสรเจียงหนาน เพิ่งมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เขาต้องการจะปกปิดมันด้วยซ้ำ ไม่กล้าก่อเรื่องเพิ่มอีกหรอก”

เวลานี้ ข้างนอกไม่ว่าจะเป็นตระกูลลู่ หรือสี่ตระกูลใหญ่ ล้วนกำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือท่านลู่

และเรื่องเกี่ยวกับลูกค้าที่อยู่ชั้น-3และชั้น-4 พวกเขาพยายามปกปิดเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุด เพระกลัวว่าพวกเขารู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับชั้นบนแล้ว

ลูกค้าที่อยู่ชั้น-1และชั้น-2 ตอนนี้สี่ตระกูลใหญ่ น่าจะอยู่ระหว่างปรอบใจพวกเขาอยู่

ตอนนี้ ถึงแม้จะยืมความกล้าให้มู่หรงฉางเฟิง คิดว่าเขาก็คงจะไม่กล้าส่งฉินวี่เฟยไปที่นั่นหรอก

มู่หรงฉางเฟิงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ฝางกับฉินวี่เฟย ถ้าส่งฉินวี่เฟยเข้าไปที่นั่น ไม่ว่าด้วยวิธีใดตระกูลหลี่ต้องบุกเข้าไปช่วยเหลือแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้น ลูกค้าที่นั่น ก็จะตำหนิตระกูลมู่หรงฉางเฟิงได้

เวลานี้ภายในบ้าน มืดสนิท มูหร่งฉางเฟิงอยากหาไฟ แต่ก็หาไม่เจอ

โหจื่อเดินไปมาบนกำแพง โดยแทบจะไม่หายใจเลยเป็นเวลานาน มู่หรงฉางเฟิงไม่พบร่องรอยของโหจื่อเลย หลายครั้งที่ถูกโหจื่อข่วน

หลายนาทีผ่านไป ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิงถูกข่วนเต็มไปด้วยเลือด

เสื้อผ้าบนร่างกาย ถูกข่วนจนเป็นรูไปหลายที่ จนกลายเป็นเสื้อผ้าของขอทานไปแล้ว

เวลาผ่านไปประมาณสิบกว่านาที มู่หรงฉางเฟิงถูกทรมานจนจะกลายเป็นคนบ้า ใช้เท้าถีบประตูเก่าและผุพังออก จากนั้นวิ่งทุลักทุเลออกมา

ส่วนโหจื่อนั้นเดินตามออกมาโดยไม่เป็นอะไรเลย

มู่หรงฉางเฟิงมองโหจื่อด้วยความกลัว แล้วพูดขึ้นว่า: “นายเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่?”

ตอนที่อยู่ข้างในบ้านนั้น มู่หรงฉางเฟิงรู้สึกว่าตัวเองเจอผี

โหจื่อไปมาอย่างไร้ร่องรอยไม่พอ แถมตัวเขาไม่มีลมหายใจอะไรเลย นอกเสียจากเวลาที่ทำร้ายคนเท่านั้น นอกจากนั้นมู่หรงฉางเฟิงไม่รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในบ้านเลย

“แน่นอนฉันเป็นคน หรือว่านายไม่เห็น?ฉันมีเงานะ”

โหจื่อเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เพื่อเดินไปหามู่หรงฉางเฟิง

มู่หรงฉางเฟิงทำใจให้สงบลง มองไปที่โหจื่อ: “หึ ถ้าแน่จริง พวกเราประลองฝีมือการอย่างเปิดเผยสิ”

โหจื่อพยักหน้า เดินเข้าไปหามู่หรงฉางเฟิงโดยตรง

มู่หรงฉางเฟิงปล่อยหมัดต่อยมา โหจื่อไม่หลบหลีกเลย แต่ใช้มือไปรับหมัดเอาไว้ จากนั้นมองไปที่มู่หรงฉางเฟิงยิ้มอย่างโหดเหี้ยมแล้วพูดขึ้นว่า: “ถูกต้อง ที่ฉันเคยพ่ายแพ้ให้เสี่ยวโจว แต่ว่าครั้งนั้น ฉันจงใจพ่ายแพ้ให้แก่เขา เพราะถ้าเขาแพ้ แม่ของเขาจะได้รับโทษ แต่ถ้าฉันแพ้ มากสุดก็แค่ให้พวกนายคิดว่าโหจื่อเป็นตัวขยะที่ไร้ซึ่งประโยชน์เท่านั้นเอง”

โหจื่อพูดจบ ยกขาขึ้น แล้วถีบเข้าใส่มู่หรงฉางเฟิง

การถีบครั้งนี้ มู่หรงฉางเฟิงรีบสกัดกั้นไว้ แต่ว่า แรงถีบของโหจื่อนั้น รุนแรงมาก ถีบมู่หรงฉางเฟิงกระเด็นไปไกลถึงหนึ่งเมตรกว่า

โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา: “นายนึกว่าวิชาตัวเบาของฉันดี วิชาหมัดและขา ก็จะอ่อนปวกเปียกเหรอ?”

ในขณะที่โหจื่อพูดอยู่นั้น เดินไปดึงผมของมู่หรงฉางเฟิงไว้แล้วพูดขึ้นว่า: “เถ้าแก่ฉันบอกให้ฉันสั่งสอนนายให้หน่อย ฉันก็ไม่รู้ควรจะสั่งสอนนายยังไงดี ไม่อย่างนั้น……”

“ผักที่เขียวขจีบนโต๊ะนี้ นายกินมันให้หมด?” โหจื่อยักคิ้วเล็กน้อน พูดออกมา

มู่หรงฉางเฟิงตกใจเล็กน้อย มองไปที่โหจื่อแล้วพูดขึ้นว่า: “กินผัก?

จริงหรือเปล่า?

กินผักก็คือการสั่งสอนเหรอ?

ในขณะที่มู่หรงฉางเฟิงสับสนอยู่นั้น โหจื่อจับผมของมู่หรงฉางเฟิงไว้ และดึงเขาไปที่โต๊ะอาหาร ดึงหัวของเขา แล้วกดลงไปที่โต๊ะอาหาร

“ถูกต้อง ก็คือกินผักนั่นแหละ”

“ในเมื่อพวกเราไม่หิว และผักเขียวขจีนี้ ก็เหมาะสมกับนาย ดังนั้น นายกินมันให้หมด”

โหจื่อกดหัวของมู่หรงฉางเฟิงไว้ บังคับให้เขากินผักคำแล้วคำเล่า

และในที่สุด มู่หรงฉางเฟิงกินไม่ไหวอีกต่อไป เขาใช้มือกดไปที่โต๊ะ ใช้แรงทั้งหมดที่มี ทำลายโครงสร้างของโต๊ะ ให้แตกไปเลย

“ฉันไม่กินแล้ว!”

มู่หรงฉางเฟิงคำรามเสียงดังออกมา หันไปพูดกับโหจื่อว่า: “ปล่อยฉัน ไม่เช่นนั้น……”

“หุบปาก ตอนนี้นายตกเป็นนักโทษของฉัน นายไม่มีสิทธิ์มากำเริบกับฉัน เข้าใจไหม?” โหจื่บตบลงไปที่ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง แล้วพูดขึ้นว่า: “นายบอกไม่กินก็ไม่กินได้เหรอ แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”

“ฉันบอกให้นายกิน นายก็ต้องให้ฉันกินมันให้หมด เข้าใจไหม?นายเหลือหน่อยหนึ่ง ก็

เท่ากับทำร้ายน้ำใจของเถ้าแก่ นั่นก็หมายความว่าไม่ให้เกียรติฉัน”

ในขณะที่โหจื่อพูดนั้น ได้กดหัวของมู่หรงฉางเฟิงลงไปกับพื้น บังคับให้เขากินผักพร้อมดิน กินทั้งสองอย่างเข้าไปในปาก

เมื่อเห็นฉากนี้ ฉินหยีหรันไม่ได้อดกลั้นความรู้สึก หัวเราะฮิๆ ออกมา

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ มู่หรงฉางเฟิงหันไปมองฉินหยีหรันด้วยสีหน้าที่เย็นชา และด่าออกมาว่า: “มองอะไร นางแพศยา”

“พูดจาให้ฉันน่าฟังหน่อย”

โหจื่อพูดออกมา: “มีเวลามาด่าคนอื่น ควรเก็บปากไว้ดีกว่า รีบกินเร็วเข้า”

มู่หรงฉางเฟิงกินไม่ลงจริงๆ ปิดปากสนิทแล้วเอียงสายตาไปมองโหจื่อ: “พวกนายอย่าลืม คุณหนูฉินวี่เฟย ยังอยู่ในมือฉันอยู่เลย”

“ทางที่ดีที่สุดนายรีบปล่อยฉันไปโดยเร็ว มิฉะนั้น ความอัปยศที่ฉันได้รับในตอนนี้ หลังจากที่ฉันกลับไป ทุกอย่างที่ฉันได้รับจะคืนกลับไปให้คุณหนูฉินทั้งหมด”

ปล่อยฉันไปโดยเร็ว มิฉะนั้น ความอัปยศที่ฉันได้รับตอนนี้ หลังจากที่ฉันได้กลับไป จะคืนให้คุณหนูฉินทั้งหมด

“พวกนายตบฉันหนึ่งครั้ง ฉันจะให้คนของฉัน ตบฉินวี่เฟยสิบครั้ง พวกนายให้ฉันกินอาหารบนดิน ฉันก็จะให้ฉินวี่เฟยกินอาหารที่สุนัขกินเหลือ”

“เคอๆ มีวิธีอะไร พวกนายรีบใช้มันออกมาเลย”

“เพราะถึงยังไง ก็มีคนทนทุกข์ทรมานพร้อมฉันอยู่แล้ว”

มู่หรงฉางเฟิงพูดจบ หันไปมองหลี่ฝาง ถามออกมาว่า: “ไม่รู้ว่าคุณชายหลี่ ทนได้ไหมที่จะเห็นผู้หญิงที่ตัวเองรัก ต้องมาทนรับเรื่องอัปยศแบบนี้”

หลี่ฝางขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปพูดกับโหจื่อว่า: “ปล่อยเขาก่อน”

โหจื่อพยักหน้า จากนั้นปล่อยตัวมู่หรงฉางเฟิงออก

มู่หรงฉางเฟิงลุกขึ้น ทำความสะอากเสื้อผ้าตัวเอง หัวเราะเคอๆ ออกมาว่า: “ถือว่าพวกนายเข้าใจสถานการณ์ว่าควรทำยังไง”

“หลี่ฝาง นายฟังฉันให้ดี นายให้ลูกน้องทำยังไงกับฉัน ฉันก็จะให้ลูกน้องฉัน ทำอย่างนั้นกับฉินวี่เฟย”

มู่หรงฉางเฟิงหรี่ตาลงแล้วพูดขึ้นว่า: “และก็คือผู้หญิงที่นายรักนั่นเอง”

หลี่ฝางยังไม่ทันได้พูดอะไร โหจื่อก็ตบลงไปบนใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิงแล้ว

“นายยังกล้าตบฉันอีกเหรอ?” มู่หรงฉางเฟิงมองโหจื่ออย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นหันไปมิงหลี่ฝาง

โหจื่อยิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “นายไม่ต้องไปมองเถ้าแก่ฉัน ตบนาย เป็นความต้องการของฉัน

ไม่ใช่ความต้องการของเถ้าแก่ฉัน”

“เมื่อกี้นายพูดว่า ถ้าเถ้าแก่ฉันให้ฉันทุบตีนาย นายก็จะคืนเป็นสิบเท่าให้กับคุณหนูฉินอย่างนั้นเหรอ?พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ถ้าไม่ใช่ความต้องการของเถ้าแก่ฉัน แต่เป็นเพราะฉันเองที่ไม่ชอบพฤติกรรมของนายเลยทุบตีนาย นั่นก็คงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณหนูฉินเลยหล่ะสิ?”

โหจื่อพูดขึ้นว่า: “อย่าพูดว่าไม่ใช่แบบนั้นเด็ดขาด เพราะถ้านายพูดว่าไม่เป็นแบบนั้น ก็แสดงว่าฉันเข้าใจความหมายของนายผิด ซึ่งนั้นก็หมายความว่า ฉันมันโง่นั่นเอง”

“คนอย่างฉัน สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือถูกคนอื่นว่าโง่”

โหจื่อก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดกับมู่หรงฉางเฟิงและตบลงที่หน้าเขา มู่หรงฉางเฟิงไม่ได้ขัดขืน และไม่ได้ต่อสู้กลับ

“ฉันไม่ได้ว่านายโง่หนิ่ นายตบฉันอีกทำไม?” มู่หรงฉางเฟิงพูดออกมาอย่างเงียบๆ

“เพราะฉันไม่ชอบพฤติกรรมของนาย”

โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “รู้ไหม?ฉันเกลียดผู้ชายที่ชอบตบตีเมียที่สุด ผู้ชายแบบนี้ใช้ไม่ได้แค่ไหน ถึงตบตีเมียตัวเอง”

“เธอสวมเขาให้ฉัน ไม่สมควรถูกตบตีเหรอ?” มู่หรงฉางเฟิงถามออกมา

โหจื่อส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “เรื่องนี้ฉันไม่เห็น แต่สิ่งที่ฉันเห็นคือนายตบตีผู้หญิง”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน