NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 668 ไอ้สารเลวโหจื่อ

บทที่ 668 ไอ้สารเลวโหจื่อ

บนรถวิบาก หนุ่มหน้ามนกระโดดลงมาจากรถ

มองไปอายุน่าจะประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหก ใบหน้าหล่อเหล่า และก็แข็งแกร่ง

ปากของเขาเคี้ยวหมากอยู่ เมื่อลงมาจากรถ กวาดสายตามองไปที่ทางเข้ารีสอร์ต จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาลุงเฉียน

“ขอโทษด้วย หมายเลขที่ท่านเรียกได้ปิดเครื่องลงแล้ว กรุณาโทรใหม่อีกครั้ง” ทันใดนั้น ชายหนุ่มคนนี้สีหน้าดิ่งลงทันที

“ปิดเครื่องเหรอ?”

ถูกต้อง เขาก็คือลู่เฟย ลูกชายของท่านลู่

เขาอายุยี่สิบห้า ตอนนี้ได้กลายเป็นตัวแทนของตระกูลลู่ไปแล้ว

เขาไม่เพียงดูแลธุรกิจทั้งเล็กทั้งใหญ่ของตระกูลลู่ และยังวิ่งเต้นช่วยจัดการทุกเรื่องของตระกูลลู่ หลายปีมานี้อุปสรรคทุกอย่างที่ตระกูลลู่เจอ ล้วนเป็นเขาทั้งนั้นที่กำจัดสิ้นซาก

ลู่เฟยเมื่ออยู่ในจังหวัด เป็นคนที่โดดเด่นและมีชื่อ

เรียกได้ว่าเป็นรุ่นหนุ่มสาว ที่หาได้ยากคนหนึ่งเลย

เขาคือความภูมิใจของตระกูลลู่

และครั้งนี้ท่านลู่ถูกลักพาตัว ลู่เฟยพาคนมาถึงตัวเมืองหลวงของจังหวัด

“เจ้ารองเฉียนเหรอ?”

หันไปมองโหจื่อและไอ้หน้าหนวด ลูเฟยยักคิ้วขึ้นแล้วถามออกมาว่า: “หมายความว่ายังไง

คือฉันไม่มีคุณสมบัติพอเหรอ หรือว่าไอ้แก่คนนี้ไม่กล้ามาเจอฉัน?”

“ฉันมาถึงแล้ว ทำไมไม่มาต้อนรับฉันที่หน้าประตู?” ลู่เฟยขมวดคิ้วเข้าหากัน ถามออกมาด้วยความโกรธเล็กน้อย

โหจื่อก้าวเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วพูดขึ้นว่า: “ลุงเฉียนเมื่อคืนหลับไม่ค่อยดี กลับไปนอนพักผ่อนแล้ว เขาให้ฉันมาต้อนรับนายเอง”

“นายก็คือคนที่คุยโทรศัพท์เมื่อกี้เหรอ?”

เมื่อโหจื่อพูด ลู่เฟยก็จำเสียงนั้นได้ทันที

หลังจากนั้น โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา: “ใช่แล้ว คือฉันเอง”

ลู่เฟยเดินเข้าไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว และไปหยุดอยู่ตรงหน้าของโหจื่อ ใช้สายตาที่โหดเหี้ยมและอาฆาตจ้องมองไปที่โหจื่อ พูดเย็นชาออกมาว่า: “นายใช่ไหมที่จะตัดนิ้วมือพ่อของฉัน?”

“แม่งเอ๊ย ท่านลู่เป็นพ่อของนายเหรอ มองไม่ออกเลย ท่านลู่อายุเจ็ดแปดสิบปีละ แล้วยังมีลูกชายที่อายุเด็กอย่างนายอีกเหรอ?ถ้านายไม่พูด ฉันนึกว่านายเป็นหลานของเขาด้วยซ้ำไป ไม่ถูกสิ เป็นเหลน ห่าๆ ใช่แล้ว ขอถามนายเรื่องหนึ่งสิ แม่นายอายุเท่าไหร่แล้วเหรอ?”

“ดูท่าทางนายแล้ว น่าจะยี่สิบกว่าๆ แม่นายก็คงจะประมาณสี่สิบกว่าสิ?เคอๆ พูดอีกอย่างก็คือ แม่นายตอนอายุยี่สิบกว่า แต่งงานกับพ่อนายที่อายุหกสิบกว่าสิ เห้อ รักแท้อยู่เหนือทุกสิ่งอย่างจริงๆ ทำให้สาวแย้มแรกบาน ตกหลุมรักไอ้เฒ่าได้……”

โหจื่อหัวเราะห่าๆ ออกมา หลังจากหัวเราะไปสักพัก พูดขึ้นว่า: “เพื่อเงิน”

โหจื่อไม่ได้พูดผิด ผู้หญิงที่อายุยี่สิบกว่า แต่งงานกับไอ้เฒ่าที่มีอายุหกสิบกว่า ไม่ใช่เพื่อเงิน แล้วเพื่ออะไร?

แต่ว่า ถ้าพูดความจริงนี้ออกมา ก็เหมือนเป็นการด่าแม่ของลู่เฟย ว่าเป็นผู้หญิงหน้าเงิน?

ไม่ว่าแม่ของตัวเองจะเป็นผู้หญิงหน้าเงินหรือไม่ แต่ลู่เฟยที่เป็นลูกชาย เมื่อได้ยินการพูดประชดแบบนี้ ต้องโกรธมากแน่นอน

สีหน้าของลู่เฟย เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมขึ้นมาทันที เขายกมือขึ้น แล้วดึงคอเสื้อของโหจื่อ ในขณะที่เตรียมเหยียดมือออกมาเพื่อทำร้ายเขานั้น มีปืนพกทองคำ จี้เข้าไปตรงท้องของลู่เฟย

“ทำไม จะลงมือเหรอ?ชั่งน้ำหนักตัวเองดูหรือยังว่าทำได้ไหม?”

โหจื่อหันไปมองลู่เฟย หัวเราะเคอๆ ออกมา: “ฉันมันคนมีปืนนะ”

“ฉันไม่เชื่อว่านายกล้ายิงหรอก” ลู่เฟยหันไปมองปืนในมือของโหจื่อ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา

โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันตรงข้ามกับนาย”

พูดจบ โหจื่อเหนี่ยวไก่ปืนลงทันที

แต่ตอนที่โหจื่อเหนี่ยวไก่ปืนนั้น ได้ขยับแขนเล็กน้อย กระสุนจากล่างไปบน ยิงออกมา

และพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ กระสุนนัดนั้น ยิงผ่านใบหน้าระหว่างลู่เฟยและโหจื่อ เฉียดผ่านไป

เวลานี้ สีหน้าของลู่เฟย เริ่มเปลี่ยนไป

“เคอๆ ถูกต้อง นายพูดถูก ฉันไม่กล้ายิงนายให้ตายหรอก นายเป็นใคร นายคือลูกชายของท่านลู่ เป็นคุณชายของตระกูลลู่ เป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา และคนธรรมดาอย่างฉัน จะกล้ายิงนายได้ยังไง?” โหจื่อพูดประชดตัวเองออกมา

“เคอๆ ดูนายตกใจ หน้าเป็นอะไรไปเหรอ?ทำไมออกเหงื่อแล้วหล่ะ?หรือว่าอากาศร้อนเกินไป?” โหจื่อมองไปที่ลู่เฟย ยิ้มแล้วถามออกมา

ใบหน้าของลู่เฟย มีเหงื่อไหลออกมาจริง

และเขาก็ตกใจจริง กระสุนเมื่อกี้ ยิงผ่านเส้นผมของเขาไป

และในขณะที่เส้นผมของเขาร่วงลงมานั้น ทำให้เขาตัวสั่นขึ้นมาทันที

ลู่เฟยเข้าใจชัดเจน ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ กล้ายิงปืนแน่นอน!

ก็เหมือนอย่างที่โหจื่อพูด คนหนึ่งเป็นคุณชาย อีกคนเป็นคนธรรมดา

โหจื่อมีอะไรที่ต้องกลัวด้วย?

แต่ลู่เฟยไม่ใช่คนธรรมดาเขาผ่านอะไรมาเยอะ ทำให้เขาปรับสภาพคืนสู่ปรกติได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นมองไปที่โหจื่อแล้วพูดขึ้นว่า: “พ่อของฉันอยู่ไหน?”

“พ่อของนายอยู่ไหนฉันจะไปรู้ได้ยังไง ไม่แน่อาจจะอยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงก็เป็นได้”

โหจื่อส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ใช่แล้ว ฉันขอถามนายหน่อย ฉันให้นายขอโทษเพื่อนฉัน

นายขอโทษแล้วหรือยัง?”

โหจื่อมองไปที่ลู่เฟยแล้วถามออกมา: “นายคงยังไม่ลืมหรอกนะ?”

“เพื่อนของนาย?” ลู่เฟยขมวดคิ้วเข้าหากัน

“ก็คือพนักงานที่ทำงานในบาร์เหล้าไง ไม่โกหกนาย ฉันก็เป็นพนักงานเสิร์ฟที่นั่นเหมือนกัน แต่ฉันคนนี้ไม่ชอบทำงาน ไม่เข้าพวกเล็กน้อย ชอบขาดงาน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเพื่อนร่วมงานนั้นลึกซึ้ง ถ้ามีใครรังแกพวกเขา ฉันโหจื่อก็จะไม่พอใจ”

“ถ้านายไม่ขอโทษพวกเขา ฉันก็คงจะโกรธ และถ้าฉันโกรธ ก็จะตีไอเฒ่านั่น เพราะว่าคนหนุ่มยังไงฉันก็สู้ไม่ไหวอยู่แล้ว”

“ฉันจะบิดแขนของไอ้เฒ่านั่นให้หัก และหักขาของเขาให้งอ”

โหจื่อหันไปมองลู่เฟย หัวเราะเหะๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันสารเลวเล็กน้อยใช่ไหม”

ลู่เฟยมองไปที่โหจื่อ กัดฟันแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ เขารู้อย่างชัดเจน ไอ้เฒ่าในปากของโหจื่อนั้น หมายถึงพ่อของเขา ท่านลู่นั่นเอง

ลู่เฟยส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ยังเลย”

“แต่ถ้านายปล่อยพ่อฉัน ฉันจะขอโทษพวกเขา”

ลู่เฟยถอยห่างออกไปหนึ่งก้าวแล้วพูดขึ้น

เดิมที ลู่เฟยไม่เคยคิดที่จะก้มหัวหรือจำนนอ่อนข้อให้ เขาต้องการใช้วิธีแข็งกร้าวเพื่อพาพ่อเขากลับไป

แต่ว่า ลู่เฟยไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้องเจอกับผู้ชายที่จัดการยากคนนี้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องจำนนอ่อนข้อให้

โหจื่อส่ายหน้า พูดขึ้นว่า: “พ่อของนายเหรอ?ท่านลู่เหรอ?ฉันบอกแล้ว ฉันไม่รู้ว่าท่านลู่อยู่ไหน แต่ว่า ตอนนี้ฉันต้องการให้นายขอโทษเพื่อนร่วมงานฉัน ถ้าหากนายทำได้ บางทีฉันอาจช่วยนายได้ ช่วยนายหาไอเฒ่าพ่อของนาย พ่อของนายอายุมากแล้ว เดินหลงทางเป็นเรื่องปกติ นายว่าใช่หรือไม่?”

“นายดูรีสอร์ตด้านหลังของฉันสิ ดีขนาดไหน เหมาะสำหรับให้ผู้สูงอายุพักอาศัย ฉันทายนะ ท่านลู่ต้องแอบเข้าไปในรีสอร์ตแน่เลย เพื่อพักผ่อน เดี๋ยวสักครู่ ฉันช่วยนายเข้าไปตามหา เพราะว่าฉันคุ้นเคยกับข้างในนี้มาก”

โหจื่อยิ้ม แล้วพูดออกมา

ลู่เฟยเหลือบไปมองโหจื่อ รู้สึกว่าโหจื่นคนนี้หน้าด้านมาก

“ตอนนี้นายรีบขอโทษเพื่อนร่วมงานฉันเถอะ”

โหจื่อหัวเราะเหะๆ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรวิดีโอคอล: “นายใช้วิธีนี้ ขอโทษเพื่อนร่วมงานฉันก็แล้วกัน”

“จำไว้นะ ต้องจริงใจ เข้าใจไหม?”

หลังจากที่โหจื่อพูดจบ อีกฝั่งรับโทรศัพท์ขึ้นมาทันที แต่ว่า คนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นั่งอยู่กับพื้น ใบหน้าเขียวช้ำบวมไปหมด

ทำให้ โหจื่อโกรธขึ้นมาทันที: “ต้าเผิง หน้านายไปโดนอะไรมา ใครไปจูบนายเหรอ”

“พี่โหจื่อ ถูกคนต่อยมา ไม่ใช่ถูกจูบ” ต้าเผิงพูดขึ้นมาอย่างหดหู่: “คนพวกนั้นตอนนี้อยู่ด้านนอก พี่รีบกลับมาเถอะ บาร์เหล้าถูกพวกเขาทำลายเสียหายหมดแล้ว”

“แม่งเอ๊ย พวกนายไม่รู้จักแจ้งความเหรอ” โหจื่อเหลือบสายตาไปมองต้าเผิง

“แจ้งแล้ว แต่ว่า ไม่มีประโยชน์อะไร” ต้าเพิงพูดขึ้นอย่างหดหู่: “พี่โหจื่อ คนที่อยู่ข้างพี่คนนั้น ดูเหมือนจะเป็นลูกพี่ของพวกเขา……”

“อืม ใช่แล้ว ฉันจะให้เขาขอโทษนาย นายเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”

โหจื่อพูดจบ หันไปมองลู่เฟย แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันว่าน้องชาย นายลงมือหนักเกินไปหรือเปล่า?ดูสินายต่อยเพื่อนฉัน จนกลายเป็นหมีแพนด้าไปแล้ว เดิมทีหน้าตาของเขาก็ไม่หล่ออยู่แล้ว นายต่อยเขากลายเป็นแบบนี้ กลับบ้านไปเจอเมียของเขา เมียของเขาต้องขอเลิกแน่เลย นายก็รู้ สมัยนี้จะหาเมียไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาใกล้จะแต่งงานกันแล้ว ถ้าเลิกกันเพราะเรื่องนี้ เท่ากับนายทำลายความสุขทั้งชีวิตของเขาเลย เข้าใจไหม?”

“ต้าเพิง ความสุขทั้งชีวิตของนายราคาเท่าไหร่?นายลองชั่งน้ำหนักดู เดี๋ยวฉันให้เขาขอโทษนาย เสร็จแล้วจะเรียกร้องค่าเสียหายให้อีกที”

โหจื่อพูดจบ มองไปที่ลู่เฟย แล้วพูดขึ้นว่า: “รู้ว่าควรทำยังไงแล้วใช่ไหม?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน