NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่686 เขาเคยช่วยผม

บทที่686 เขาเคยช่วยผม

ลงโทษคนที่ฝ่าฝืน?

เสี่ยวโจวทำผิดอะไร ถึงต้องถูกฆ่า

ติดตามตระกูลมู่มาตั้งหลายปี เสี่ยวโจวนั้นเรียกได้ว่าซื่อสัตย์รู้หน้าที่ดี แต่ตอนนี้ ตระกูลมู่กลับจะกำจัดเสี่ยวโจว ทำให้รู้สึกตลกจริงๆ

ชางสู่ไม่ตอบไปตรงๆ พูดว่า:“นี่คือคำสั่งของคุณชายมู่ คุณไปถามเขาสิ”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ รอยยิ้มค่อยๆนิ่งไป:“แบบนี้ถึงปล่อยเสี่ยวโจวได้”

“เป็นเขาเองที่ไม่อยากอยู่ต่อ หวางเห้าให้โอกาสเขาไปแล้ว เขาไม่ได้หนี ไม่ใช่เหรอ?”ชางสู่พูดเบาๆ:“เสี่ยวโจวไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ ช่วยคนที่ตายด้านแล้วเนี่ยนะ?”

“นี่ไม่ได้ยุ่งมากไปหน่อยเหรอ?”

ชางสู่หัวเราะเหอะเหอะ มองหวางเห้า สายตาตำหนิหน่อยๆ

ชางสู่ต้องถูกหวางเห้าหักหลังแน่ เอาทุกอย่างบอกหลี่ฝาง

ผ่านไปสักพัก ฟ้าค่อยๆมืดลงมา

หวางเห้าไปที่บ้านเสี่ยวโจว เพื่อไปคำนับ แล้วกลับไปหาชางสู่ พูดลา:“ชางสู่ ผมจะกลับแล้วนะ”

“ไม่อยู่กับพวกเราแล้ว?”ชางสู่ใช้สายตาเหลือบมองหวางเห้า

หวางเห้าพยักหน้า:“การกระทำต่อไปของพวกคุณ ผมไม่อยากเข้าไปยุ่ง แค่ดูยังไม่อยากดูเลย”

“เหอะเหอะ หวางเห้า คุณยังเป็นเพื่อนผมอยู่ไหม?”ชางสู่พูดหัวเราะเหอะเหอะอย่างเย็นชา

“หมายความว่าไง?”สีหน้าของหวางเห้า ปรากฏความตะลึงงัน เขาไม่รู้ว่าทำไมชางสู่จึงถามแบบนี้

“หวางเห้า พวกเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พึ่งพาอาศัยกัน แล้วมิตรภาพก็ลึกซึ้งตัดขาดไม่ได้ ผมคิดมาตลอดว่า มิตรภาพของเราสองคน เทียบกับใครไม่ได้เลย……”

หวางเห้าตัดบทของชางสู่ ถามย้อน:“หรือคุณคิดว่ามีความห่างเหินต่อกัน?”

“ที่หลี่ฝางปรากฏตัวที่นี่ เพราะคุณสินะ?”ชางสู่มองหวางเห้า แล้วถาม:“ตอนที่คุณไปจากหลี่ฝาง ผมรู้สึกประทับใจมาก”

“ยังไงระหว่างผมกับหลี่ฝาง คุณก็เลือกผมอย่างไม่ลังเล ไปจากหลี่ฝาง กลับไปที่ตงไห่ ผมรู้ว่าคุณมีคุณธรรมต่อมิตรสหาย ดังนั้นจึงไม่ดึงคุณมาเป็นพวก ให้คุณเข้ามาช่วยผม แต่ตอนนี้ ผมพบว่าผมทำผิดไป หัวใจของคุณ ยังอยู่กับหลี่ฝาง”

“ถึงคุณไม่ใช่คนของหลี่ฝางแล้ว แต่ก็ยังคิดเผื่อหลี่ฝาง แจ้งข่าวให้เขา”

“คุณรู้อยู่แล้วว่า ผมจะฆ่าเสี่ยวโจว คุณกลับไปตรงหน้าเสี่ยวโจว ให้เขาหนี”

สีหน้าของชางสู่ เย็นชาทันที เขามองหวางเห้าแล้วถาม:“ทุกอย่างที่คุณทำนี้ เคยคิดถึงความรู้สึกผมไหม?”

หวางเห้าเม้มปาก ตอนที่จะอธิบาย จู่ๆกลับตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้

“ขอโทษนะ ชางสู่”หวางเห้าไม่ได้อธิบาย ยอมรับทุกอย่าง

สีหน้าของชางสู่ ยิ่งหม่นลง

“ที่ผมต้องการ ไม่ใช่คำขอโทษ”

ชางสู่พูดอย่างโมโหสุดๆ:“ผมแค่อยากถาม หวางเห้า พวกเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม”

“คุณน่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลหลี่มากกว่าผม ผมไปสำรวจมาแล้ว ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ได้พาปรมาจารย์ที่ไหนมาด้วย แต่ถ้าพามาล่ะ?”

ชางสู่มองหวางเห้า แล้วพูด:“ผมจะฆ่าเสี่ยวโจวแน่ เพราะว่านี่คือคำสั่งของมู่เสี่ยวไป๋ ส่วนหลี่ฝางต้องช่วยเสี่ยวโจวแน่ เพราะว่าในสายตาของหลี่ฝาง เสี่ยวโจวเป็นพี่ชายเขา หมายความว่า พวกเราจะต้องมีการปะทะกัน และถ้าหลี่ฝางพาปรมาจารย์มาด้วย ผมก็จะมีอันตราย และอาจจะตายด้วยก็ได้”

“ผมไม่กลัวตาย แต่กลัวว่าจะตายในเงื้อมมือของเพื่อนตัวเอง และยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมอีก”

ชางสู่พูดไป เสียงก็ดูตื่นเต้นขึ้นมา

“ผมอยากถามว่า ทำไมคุณต้องทำแบบนี้กันแน่?”ชางสู่มองหวางเห้า แล้วถามอย่างเย็นชา

หวางเห้าส่ายหน้า พูดว่า:“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ผมไม่ได้เป็นคนเรียกหลี่ฝางมา ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ พูดตรงๆนะ ตอนที่ผมเห็นเขา ก็แปลกใจมาก”

“ที่ทำแบบนี้ เพราะผมติดค้างเสี่ยวโจว ผมเป็นหนี้ชีวิตเสี่ยวโจวครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผมมีบทบาทสำคัญที่ตงไห่ ไม่ใช่แค่ไปขัดใจลูกพี่หลี่ แต่ยังขัดใจลูกพี่หลินด้วย ทางด้านลูกพี่หลี่ ไม่มีใครทำอะไรผมได้ แต่ด้านลูกพี่หลิน กลับส่งเสี่ยวโจวมา……”

“ที่จริงแล้ว ด้วยความทะเยอทะยานของผมในตอนนั้น ผมจะแบ่งเป็นสามส่วนกับลูกพี่หลินและลูกพี่หลี่ แต่หลังจากลูกพี่หลินกับลูกพี่หลี่ตระหนักได้ ก็ส่งคนมากำจัดผม ตอนนั้นตกลงแล้วว่า ถ้าผมรอดมาได้ งั้น ตงไห่ จะต้องมียุทธภพของผมด้วย กลับกันนั้น ชีวิตของผมกลับ”

“คนที่ลูกพี่หลี่ส่งมา ถูกผมฆ่าเรียบ ส่วนเสี่ยวโจวที่ลูกพี่หลินส่งมา กลับสู้ชนะผม ตามที่ตกลงกันนั้น เขาควรจะฆ่าผม”

“แต่เสี่ยวโจวปล่อยผมไป เขาบอกว่า เขาไม่ใช่คนของลูกพี่หลิน แค่ช่วยลูกพี่หลินเท่านั้น และก็ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งของลูกพี่หลิน”

“รวมทั้งลูกน้องตอนนั้นของลูกพี่หลิน ตอนที่จะฉวยโอกาสแทงผมตอนอ่อนแอ ก็ถูกเสี่ยวโจวห้ามไว้”

หวางเห้าขมวดคิ้วพูดว่า:“ดังนั้น ผมจึงเป็นหนี้ชีวิตเสี่ยวโจว ผมอยากคืนให้เขา ก็แค่นี้แหละ”

“ชางสู่ ผมคือคนที่ให้ความสำคัญต่อมิตรภาพ ผมไม่ทำร้ายคุณ หลี่ฝางนั้นไม่ใช่ผมที่เรียกมา”หวางเห้าขมวดคิ้วพูดว่า:“เขารู้แผนของพวกคุณนานแล้ว”

สีหน้าของชางสู่ตะลึง จากนั้น ชางสู่ก็ถาม:“ถ้าไม่ใช่คุณ จะมีใครได้?คนที่รู้แผนนี้ มีไม่กี่คน”

นี่คือคำสั่งชั่วคราวของมู่เสี่ยวไป๋ และที่หวางเห้ารู้ ก็เพราะว่าตอนนั้นหวางเห้ากินเหล้ากับชางสู่พอดี จึงได้ยินมาด้วย

นอกจากหวางเห้าแล้ว ก็มีเพื่อนตัวเองไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้

ชางสู่มองหวางเห้าอยู่นาน รู้สึกว่าเพื่อนของตัวเอง น่าจะไม่ได้หลอกตัวเอง

“ใช่จางกงหมิงไหม?”

สักพักหนึ่ง ชางสู่ก็หัวเราะเหอะเหอะ:“เหมือนว่า จะมีแค่เขาแล้วล่ะ ผมได้ยินว่า เขากับเสี่ยวโจวดีต่อกันมาก แล้วความสัมพันธ์กับหลี่ฝาง ก็ดีมากกว่านั้นด้วย”

“ถ้าไม่ใช่คุณ ก็ต้องเขาแล้วล่ะ”

ชางสู่หรี่ตาลงหัวเราะ:“ที่จริง ผมไม่เข้าใจมาตลอด ทำไมมู่เสี่ยวไป๋ถึงต้องเอาผู้ชายคนนั้นมาอยู่ข้างกายตลอดด้วย”

“ถึงเขาจะเก่งมาก แต่เขาไม่ใช่คนที่ไว้ใจได้มาโดยตลอด”ชางสู่พูด

“คุณชายมู่ทำแบบนั้น แน่นอนว่ามีแผนของคุณชายมู่”

หวางเห้าพูดว่า:“ผมหวังว่า คุณจะไม่ฟ้องเรื่องจางกงหมิงต่อคุณชายมู่”

“เหอะเหอะ ผมไม่ใช่คนที่ชอบคนขี้ฟ้องนัก แต่ว่า จางกงหมิงทำแบบนี้ ชัดเจนว่าขัดขวางผม”ชางสู่ขมวดคิ้วพูด:“ผมไม่ปล่อยเขาแน่”

“โอเค คุณไปเถอะ ระหว่างทางก็ระวังด้วย”

ชางสู่โบกมือให้หวางเห้า พูดว่า:“อยู่ที่ตงไห่ดีๆล่ะ ลูกพี่หลี่ตายแล้ว ตอนนี้ลูกพี่หลินก็ไม่รู้ไปอยู่ไหน ตอนนี้ตงไห่เป็นพื้นที่ว่างเปล่า หมาจื่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ คุณสามารถสำแดงความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายในออกมาอย่างเต็มที่ได้”

หวางเห้าส่ายหน้า พูดว่า:“เหนื่อยแล้ว ผมแค่อยากทำธุรกิจเล็กๆ”

หวางเห้ารู้ดีว่า เบื้องหลังของหมาจื่อ มีอิทธิพลบางอย่างค้ำจุนอยู่ แย่งถิ่นกับเขา ไม่มีผลประโยชน์แน่

“โอเค”

ชางสู่ไม่พูดอะไรมาก มองหวางเห้าแล้วพูด:“คุณไปแล้ว ผมก็จะลงมือแล้ว”

“คน ก็ไปกันพอประมาณแล้ว”ชางสู่มองเสี่ยวโจว ที่มุมปากมีรอยยิ้มที่เปิดเผย:“ในเมื่อเขาเคยช่วยคุณ งั้นผม ……ก็จะให้เขาตายอย่างไม่เจ็บปวดนัก”

หวางเห้ายังอยากพูดอะไร แต่พอจะพูดออกมา ก็กลืนกลับไป ตอนที่หวางเห้าไปหาเสี่ยวโจวเมื่อกี๊ ก็บอกแล้ว ถ้าเสี่ยวโจวยอม หวางเห้าอาจจะมาขอร้องชางสู่ ให้ชางสู่ปล่อยเขาไป

แต่ว่า เสี่ยวโจวส่ายหน้า ปฏิเสธไป

หวางเห้าถอนหายใจ ขึ้นรถของตัวเอง

และตอนนี้ ชางสู่ก็โทรศัพท์ เรียกคนของตัวเอง ออกมาทั้งหมด

ไม่นานนัก บ้านของเสี่ยวโจว ก็ถูกล้อมรอบ ชางสู่มองเพื่อนๆของตัวเอง แล้วพูด:“เฝ้าอยู่นี่ คืนนี้ อย่าให้ใครก็ตามเข้าไป”

“พี่ชางสู่ คุณจะเข้าไปคนเดียวเหรอ?”ลูกน้องคนหนึ่งถามอย่างเป็นห่วง

“ทำไมล่ะ?”

“ผมได้ยินว่าเสี่ยวโจวสุดยอดมาก คุณอย่าดูถูกศัตรู”

ชางสู่หัวเราะอย่างดูถูก:“สุดยอด?จะสุดยอดแค่ไหนเชียว?”

ชางสู่พูดไป ก็เข้าไปคนเดียว เดินเข้าไปในศาลาศพ และตอนนี้ เสี่ยวโจวก็นั่งคุกเข่าอยู่หน้าโลงศพ หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้า เสี่ยวโจวค่อยๆพูด พูดว่า:“รีบร้อนขนาดนี้เลย?”

“แค่คืนหนึ่ง ก็รอไม่ได้เหรอ?”

ระหว่างคิ้วของเสี่ยวโจว ปรากฏความโกรธ เขาหันไปมองชางสู่:“ทำไมถึงไม่ให้ผมเฝ้าศพอย่างเงียบๆ?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท