NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่699 ความผิดพลาดครั้งใหญ่

บทที่699 ความผิดพลาดครั้งใหญ่

หลี่ซ่วยซ่วยถูกหลี่ฝางมอง เสียงก็หยุดลง หลังจากเงียบไปสักพัก ก็พูดต่อ:“คุณอย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้รู้จักกับเด็กคนนั้น ไม่คู่ควรที่จะขอร้องเพื่อเขาจริงๆ ก็แค่ หลี่ฝาง คุณคิดบ้างไหม เด็กคนนั้นยิ่งได้รับบาดเจ็บมาก ต่อมา ลู่หลุ่ยก็จะยิ่งรู้สึกผิดกับเขามาก ขณะเดียวกัน ความไม่พอใจที่ลู่หลุ่ยมีต่อคุณ ก็ยิ่งลึกลง”

“เรียกได้ว่า ถ้าเด็กนั่นถูกแทง เข้าโรงพยาบาล สำหรับเด็กคนนั้นแล้ว เป็นเรื่องที่มีผลดี แต่สำหรับคุณ กลับไม่ใช่เรื่องดี ”

“ถ้าเด็กคนนั้นเข้าโรงพยาบาล คนที่ดูแลเขา จะต้องเป็นลู่หลุ่ย คุณว่าถึงตอนนั้น ถ้าพวกเขาเกิดความรู้สึกขึ้นมาในช่วงนี้ คุณมาเสียใจทีหลังไม่สายไปเหรอ?”หลี่ซ่วยซ่วยมองหลี่ฝาง พูดวิเคราะห์

หลี่ฝางโดนหลี่ซ่วยซ่วยชี้นำแบบนี้ ก็ได้สติมาทันที

การกระทำทุกอย่างก่อนหน้านี้ของลู่หลุ่ย ก็แค่การระบายอย่างหนึ่ง เป็นหลี่ฝางที่ไม่สนใจเธอ เพิกเฉยต่อเธอ เธอจึงหาคนมาปลอบใจ

หรือว่า เป็นการขุ่นเคืองอย่างหนึ่ง

แต่ว่าวิธีทำของหลี่ฝางตอนนี้ ก็อย่างที่หลี่ซ่วยซ่วยบอกเลย โง่สุดๆ เท่ากับผลักลู่หลุ่ยเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินเสี้ยว ทีละนิดๆ

ถึงแม้หลี่ฝางจะระบายความไม่พอใจ ความโกรธในใจ แต่ผลลัพธ์นั้นกลับกัน

หลี่ฝางกลอกตาใส่หลี่ซ่วยซ่วย พูดว่า:”ทำไมคุณไม่เตือนผมแต่แรก?“

หลี่ฝางลุกขึ้นทันที วิ่งไปด้านนอก แต่ว่า สายไปแล้ว

ตอนนี้ ลูกน้องของเฮียขายหมูหรง ได้ลงมือแล้ว

พวกเขาได้ปล่อยลู่หลุ่ยแล้ว แล้วเริ่มทำการลงโทษเฉินเสี้ยว

การลงโทษของพวกเขา โหดกว่าหลี่ฝางเยอะเลย

หลี่ฝางก็แค่ต่อยเฉินเสี้ยวเท่านั้น และการต่อยนี้ อย่างมากก็ทำให้เฉินเสี้ยวเจ็บสักพัก ไม่เกินสามวัน เฉินเสี้ยวก็เป็นไรแล้ว

แต่เฮียขายหมูหรงไม่เหมือนกัน ลูกน้องของเฮียขายหมูหรง หยิบมีดออกมา ปาดไปที่หน้าของเฉินเสี้ยว

ตอนที่หลี่ฝางออกไป มองเห็นใบหน้าของเฉินเสี้ยวเลือดไหล เวลานี้ ในใจของหลี่ฝางแปลกเป็นพิเศษ รู้สึกผิดเป็นพิเศษ แต่ว่า ไม่ทันแล้ว

หลี่ฝางรู้ว่าตัวเองผิด แต่บนโลกนี้ ไม่มีขายยาแก้เสียใจ เวลาไม่ย้อนกลับ เรื่องที่ทำผิด ก็ไม่อาจหยุดได้

หลี่ฝางขมวดคิ้ว มองเฮียขายหมูหรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห

”ใครให้คุณทำขนาดนั้น?“หลี่ฝางมองเฮียขายหมูหรง พูดอย่างโมโหสุดๆ

เฮียขายหมูหรงหัวเราะเหอะเหอะ:“น้องชาย เด็กนี่ไม่ลืมหูลืมตาขนาดนั้น กล้าแย่งผู้หญิงของคุณ ผมที่เป็นพี่ชาย จะช่วยคุณจัดการนิดหน่อยเท่านั้น”

เฮียขายหมูหรงมองไปที่หลี่ฝาง ข้างในใจหัวเราะอย่างเหยียดหยาม เขาคิดว่าความโกรธของหลี่ฝาง ก็แค่เสแสร้งเท่านั้น

ส่วนลู่หลุ่ยกับเฉินเสี้ยว ก็คิดเหมือนกับเฮียขายหมูหรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลู่หลุ่ย เธอมองหลี่ฝางด้วยใบหน้าเย็นชา สายตามีความแค้น

หลี่ฝางรู้จักลู่หลุ่ยมานาน ไม่เคยเห็นลู่หลุ่ยแสดงอาการปรากฏความโกรธต่อตัวเองขนาดนี้ ตอนนี้ จู่ๆหลี่ฝางก็คิดว่า ตัวเองกับลู่หลุ่ย จู่ๆระยะห่างก็ยิ่งมากขึ้น

ความสัมพันธ์ของทั้งสอง พังทลายอีกครั้ง

หลี่ฝางรู้สึกผิดสุดๆ ไม่กล้ามองลู่หลุ่ย ส่วนเฉินเสี้ยวก็หัวเราะอย่างเย็นชา:“คุณชายหลี่ อย่ามาเสแสร้งที่นี่หน่อยเลย ผมยอมแล้ว”

“ผมไม่ควรแย่งผู้หญิงกับคุณ ผมน่าจะรู้จักสังคมนี้ดี รู้ถึงความเป็นจริงนี้ให้ดี”เฉินเสี้ยวพูดอย่างดูถูก

ที่จริงเฉินเสี้ยวหน้าตาถือว่าหล่อมาก แต่ตอนนี้ คำว่าหล่อนี้ กลัวว่าจะตัดขาดกับเฉินเสี้ยวโดยสิ้นเชิง

เพราะว่าที่หน้าของเฉินเสี้ยว ถูกคนของเฮียขายหมูหรง ทิ้งรอยมีดยาวๆไว้ ถึงเฉินเสี้ยวจะรู้สึกได้ความเจ็บร้อนๆที่หน้าได้ แต่ที่ทำร้ายเขาอย่างลุกที่สุด ก็คือเสียโฉม

ยังไงยังหนุ่มขนาดนี้ ถูกทำเสียโฉม เวลานั้น เฉินเสี้ยวก็ไม่อาจรับได้

เฉินเสี้ยวมองไปที่หลี่ฝาง ในสายตาเต็มไปด้วยความแค้น ส่วนเฮียขายหมูหรงกลับพูดว่า:“แย่งผู้หญิงกับหนุ่มๆของเรา ผมทิ้งรอยไว้ให้ที่หน้าคุณ ก็ถือว่าเบาแล้ว ถ้าคุณยังมายุ่งกับผู้หญิงของเพื่อนผม เชื่อไหมว่าผมจะทำให้คุณสืบสกุลไม่ได้อีกเลย?”

เวลานี้เฮียขายหมูหรงก็ยังข่มขู่ต่อ ส่วนหลี่ฝางกลับจ้องเฮียขายหมูหรงเขม็ง ด่าว่า:“คุณหุบปากได้ไหม!?”

เฮียขายหมูหรงเห็นหลี่ฝางเดือดแค้น ข้างในใจมีความโมโห ยังไงเฮียขายหมูหรงทำแบบนี้ ก็ไม่ใช่เพื่อระบายความโกรธให้หลี่ฝางเหรอ?

แต่ที่ได้มาคืออะไร?

ด่าทอ?เฮียขายหมูหรงขมวดคิ้ว คิดว่าหลี่ฝางไม่จริงใจสุดๆ

หลี่ฝางรีบเดินไป มาตรงหน้าของเฉินเสี้ยว:“ผมคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทำขนาดนี้”

“เหอะเหอะ งั้นคุณคิดว่าไง?”เฉินเสี้ยวถามย้อน:“เมื่อกี๊พวกเขาบอกแล้วว่า จะทำให้ผมเลือดออก คุณห้ามได้ชัดๆ แต่ว่า คุณกลับไม่พูดอะไร ก็ออกไปเลย ตอนนี้เรื่องเกิดขึ้นแล้ว คุณวิ่งเข้ามา มาพูดกับผมด้วยสภาพแบบนี้ คิดจะขอโทษผมเหรอ?”

เฉินเสี้ยวส่ายหน้า พูดว่า:“ไม่จำเป็น คำขอโทษของคุณชายหลี่ ผมรับไม่ไหว แค่หวังว่าคุณชายหลี่จะมีเมตตา ต่อไปอย่ามาหาเรื่องผมอีก”

“อีกอย่าง ผมอยากยืนยันหน่อยว่า ผมมีแฟนแล้ว และเรื่องที่ผมมารับลู่หลุ่ยนี้ รายงานแฟนของผมแล้ว ผมกับลู่หลุ่ย ก็แค่เพื่อนกันจริงๆ ก็แค่รู้จักกันนานไปหน่อย และครั้งนี้ที่มารับลู่หลุ่ยกลับเมืองเอก ก็ไม่ใช่ว่าผมอาสามาเอง แต่เพราะว่ามีค่าจ้าง”

“คิดไม่ถึงสินะ คุณชายหลี่ ตอนนี้ผมทำงานไปเรียนไปด้วย พอปิดเทอม ก็จะหางานทำ ผมลงทะเบียนแท็กซี่ ดีดีแล้ว ปกติจะเป็นคนขับรถแท็กซี่ให้คนอื่น ถึงจะหาเงินได้น้อย แต่อย่างน้อยก็เลี้ยงตัวเองได้ ครั้งนี้ลู่หลุ่ยดูแลธุรกิจของผม ผมขอบคุณเธอมาก คิดไม่ถึงว่า คุณจะลงมือกับผมโดยไม่แยกแยะถูกผิด แม้แต่คำอธิบายก็ยังไม่ฟัง เหอะเหอะ พูดตรงๆนะ คุณไม่คู่ควรจริงๆที่จะมีลู่หลุ่ย”

“ใช่สิ ที่วันนี้ผมมาถึงจุดนี้ ล้วนแต่เป็นคุณชายหลี่ทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่พวกคุณตระกูลหลี่ บริษัทตกแต่งของพ่อผมก็คงไม่เจ๊ง ส่วนผม ก็คงไม่ต้องตกต่ำจนต้องไปหางานทำ”

“ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว คุณคือคุณชายหลี่ คุณชายหลี่ที่สูงส่ง ผมสู้คุณไม่ได้ แค่หวังว่าคุณจะเข้าใจ ปล่อยผมไป รอยมีดที่หน้านี้ ผมยอมแล้ว”เฉินเสี้ยวหัวเราะเหอะเหอะ ก้าวผ่านหลี่ฝางไป จากนั้นก็กลับไปที่รถของตัวเอง

ตอนนี้ ในใจของเฉินเสี้ยว หมดหวังสุดๆ

พ่อล้มละลาย หน้าของตัวเอง ก็ยังเสียโฉม อนาคตของเขา เรียกได้ว่าอนาถ

แต่หลี่ฝางในตอนนี้ จู่ๆก็มองลู่หลุ่ย พูดว่า:“ทำไมคุณไม่อธิบายกับผม?ไม่บอกผม ว่าตอนนี้เฉินเสี้ยวขับรถรับจ้าง?”

“คุณให้โอกาสฉันอธิบายไหม?อีกอย่าง ทำไมฉันต้องอธิบายให้คุณด้วย?คุณทำอะไร ก็ไม่บอกฉัน ทำไมฉันต้องบอกคุณล่ะ?หลี่ฝาง คุณมันระยำจริงๆ เฉินเสี้ยวทำผิดอะไร ถึงเขาไม่มีแฟน ไม่ใช่คนขับรถรับจ้าง มาในฐานะมิตรภาพ เขาแค่มารับฉัน คุณก็ให้คนไปทำให้หน้าเขาเสียโฉม พ่อของเขาล้มละลาย ตอนนี้เขายังหนุ่มขนาดนี้ ถ้าหน้าเสียโฉมแล้ว แฟนของเขา ไม่แน่ว่าอาจจะไม่คบเขาแล้ว ต่อไป ก็กลัวว่าแม้แต่ภรรยาเขาก็คงหาไม่ได้แล้ว”

“บางทีสำหรับคนอย่างพวกคุณแล้ว ความเป็นความตายของพวกเราคนธรรมดา ไม่มีค่าอะไรเลยใช่ไหม?”ลู่หลุ่ยหัวเราะอย่างดูถูก ผลักคนที่อยู่ข้างๆตัวเอง ตอนที่คิดจะเข้าไปในรถของเฉินเสี้ยว จู่ๆเฉินเสี้ยวกลับล็อกประตู

“ลู่หลุ่ย ผมว่าความสัมพันธ์ของพวกเรา หยุดแค่นี้ดีกว่า อย่าติดต่อกันอีก ตอนนี้ผมเสียโฉมแล้ว แน่นอนว่าผมไม่ได้โทษคุณ แต่ผมไม่กล้ารับประกันว่า ถ้าผมติดต่อกับคุณอีก ผมจะต้องตอบแทนด้วยอะไร ชีวิตเหรอ?”

เฉินเสี้ยวส่ายหน้าพูด:“ผมยังหนุ่มขนาดนี้ ถ้าผมตาย พ่อแม่ผมต้องรับไม่ได้แน่”

“รบกวนต่อไปคุณอยู่ให้ห่างจากผมหน่อย ถือว่าผมขอร้องล่ะ”เฉินเสี้ยวหัวเราะอย่างขมขื่น จากนั้นก็ออกรถ

หลี่ฝางยืนอยู่ที่เดิม ก็หม่นหมองลงทันที ส่วนใบหน้าของเฮียขายหมูหรง ก็เหมือนจะดูอึดอัด

ตอนนี้ดูแล้ว เฉินเสี้ยวจะไม่ใช่ศัตรูหัวใจของหลี่ฝาง และก็ไม่ได้แย่งของของหลี่ฝางไปด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ แค่การเข้าใจผิดเท่านั้น

ลู่หลุ่ยมองหลี่ฝางแวบหนึ่ง ในสายตามีแต่ความรังเกียจ จากนั้น เธอก็ก้าวออกไปคนเดียว หลี่ฝางตามไป คว้าแขนของลู่หลุ่ย ถาม:“คุณจะเดินกลับไปหรือไง?”

“เหอะเหอะ ถนนสายนี้มีรถแท็กซี่ คุณชายหลี่กรุณาอย่าห่วง”ลู่หลุ่ยพูดอย่างเย็นชา

น้ำเสียงที่ลู่หลุ่ยพูดในตอนนี้ อย่างกับคนละคนก่อนหน้านี้ หลี่ฝางรู้ว่าตัวเองทำผิดขนาดใหญ่ สำหรับตอนนี้ ได้แค่ชดเชยให้เท่านั้น

“ผมผิดไปแล้ว สำหรับร่องรอยที่หน้าของเฉินเสี้ยว ผมจะรับผิดชอบเอง ตอนนี้ผมจะติดต่อหมอศัลยกรรมที่ดีที่สุด ไปรักษารอยมีดที่หน้าของเฉินเสี้ยว ถ้าฟื้นตัวไม่ได้ ยังทิ้งรอยไว้ ฉันจะรับผิดชอบตลอดชีวิตที่เหลือของเขาเอง”

“ผมคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทำหน้าของเฉินเสี้ยวเสียโฉม ตอนนั้นผมแค่โมโห ไม่อยากสนใจก็เท่านั้น”หลี่ฝางคว้าแขนของลู่หลุ่ย แล้วอธิบาย

แต่ลู่หลุ่ยยังสะบัดมือของหลี่ฝาง เดินไปข้างหน้าต่อ

ตอนที่ไปสุดปลายทาง ก็มีรถแท็กซี่มาพอดี ลู่หลุ่ยยื่นมือไปโบก แล้วขึ้นรถไป หลี่ฝางมองแผ่นหลังของลู่หลุ่ย ทันใดนั้น ก็รู้สึกใจหาย

หลี่ฝางพูดกับถังหยู่ซวนที่มองอยู่ข้าง:“ช่วยผมติดต่อหมอศัลยกรรมที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะในประเทศ หรือว่าต่างประเทศก็ช่าง ไม่ว่าจะจ่ายเท่าไหร่ ก็ต้องเอาแผลที่หน้าของเฉินเสี้ยว หายไปให้ได้”

หลี่ฝางรู้ว่า แผลเป็นที่หน้าเฉินเสี้ยว ไม่ใช่แค่ทิ้งไว้บนหน้าของเฉินเสี้ยว แต่ยังทิ้งไว้ในใจของลู่หลุ่ย ถ้าตัวเองช่วยเฉินเสี้ยวรักษาไม่ได้ งั้นลู่หลุ่ย……ตัวเองคงได้เสียไปจริงๆ

แผลที่หน้าเฉินเสี้ยวไม่ดี ลู่หลุ่ย ไม่มีวันให้อภัยตัวเองแน่

“น้องชาย เรื่องใหญ่แค่ไหนเชียว อย่าห่วงเลย ไม่ได้บอกแล้วเหรอไง ไม่ว่าจะเป็นไง ผมรับผิดชอบแทนคุณเอง ไม่ว่า ไอ้ระยำนั่น หรือว่าน้องสาวที่เพิ่งไป แค่น้องชายพูดออกมา ผมจะช่วยคุณจัดการเอง”เฮียขายหมูหรงเดินเข้ามา ตบไหล่หลี่ฝางแล้วพูด

หลี่ฝางจ้องเฮียขายหมูหรงเขม็ง พูดอย่างเย็นชา:“คุณยังทำไม่พออีกเหรอไง?ผมคิดว่าอย่างมากคุณคงแทงเขา แต่คิดไม่ถึงว่า คุณจะเอามีดนี้ กรีดไปที่หน้าของเขา เฮียขายหมูหรง ผมบอกให้นะ ถ้าหน้าของเฉินเสี้ยวทิ้งร่องรอยไว้ ผมรับรองว่า หน้าของคุณ จะต้องเป็นรอยเหมือนกัน”

สีหน้าของเฮียขายหมูหรง เปลี่ยนไปทันที เขามองหลี่ฝาง นอกจากดูโมโหแล้ว ก็กลัวหน่อยๆ ยังไงตัวตนของหลี่ฝางก็พิเศษมาก แม้แต่สวีเจ๋ที่อยู่ในสาย ก็ยังเคารพสุดๆ คนแบบนี้ จะเป็นคนที่เขาเฮียขายหมูหรงยุ่งด้วยได้ไงเล่า?

ตอนนี้เฮียขายหมูหรงก็กลัวขึ้นมาจริงๆ ถ้าหน้าของตัวเอง ทิ้งร่องรอยไว้จริงๆ งั้นต่อไปตัวเอง จะไปเที่ยวผู้หญิงยังไง?

ทันใดนั้น เฮียขายหมูหรงก็เริ่มอ้อนวอน:“น้องชาย คุณจะกินบนเรือน ขี้บนหลังคาไม่ได้นะ ผมทำแบบนี้ ไม่ใช่เพื่อระบายความโกรธให้คุณเหรอ มากไปกว่านั้น ก่อนผมลงมือ ก็ถามความเห็นคุณแล้วด้วย คุณไม่ปฏิเสธ ผมเลยให้ลูกน้องลงมือ”

หลี่ฝางมองเฮียขายหมูหรง ถามว่า:“ใครบอกคุณ ผมไม่ได้พูด ก็หมายความว่าเห็นด้วยที่คุณทำแบบนี้? ”

“ผมมได้รับปากนี่ใช่ไหม?”

หลี่ฝางพูดจบ สีหน้าของเฮียขายหมูหรง ยิ่งซีดขาวมากขึ้น ที่จริงเขาอยากสั่งสอนเฉินเสี้ยว ได้รับความโปรดจากหลี่ฝาง แต่คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้อะไรแล้วยังจะเสียไปอีก กลับดึงตัวเองเข้าไปพัวพันด้วย

เฮียขายหมูหรงก็พูดไม่ออกในตอนนี้ และเวลานี้ รถทีละคันๆ ก็ขับออกมาจากมุม ที่นำหน้า เป็น Maybachคันหนึ่ง

มองเห็นรถคันนี้ สายตาของเฮียขายหมูหรง เป็นประกายทันที:“ ลูกพี่แมงป่องมาแล้ว?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท