NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 702 พ่อของนายกลับมาไม่ได้แล้ว

บทที่ 702 พ่อของนายกลับมาไม่ได้แล้ว

ต่อให้สวีเจ๋จะโง่แค่ไหน ต่อก็พอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

จริง ๆ แล้วเมื่อกี้สวีเจ๋ก็กำลังคิดอยู่ว่า ทำไมคุณชายผู้ดีที่อยู่ตรงหน้าถึงได้ปฏิเสธที่จะพบกับลูกพี่แมงป่องถึงขนาดนี้ หรือว่าจะมีเรื่องลำบากใจอะไร?

ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลย

หรือต่อให้ไม่สบาย งั้นไปพูดสักประโยค คุยสักสองสามประโยคก็น่าจะได้อยู่หรอก?

ไม่ไว้หน้าเขาแบบนี้ และยิ่งไม่ไว้หน้าแมงป่อง หรือว่าจะไม่กลัวโดนเอาคืนจริง ๆ?

ดังนั้น ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือคุณชายผู้ดีท่านนี้ มีข้อบาดหมางบางอย่างกับลูกพี่ของตัวเอง

หลังจากที่คิดเข้าใจแล้วว่าเรื่องราวเป็นมายังไง สายตาที่สวีเจ๋มองหลี่ฝาง อำมหิตมากขึ้นกว่าเดิม

สวีเจ๋หันหน้าไปคุยกับแมงป่องอย่างขยันขันแข็ง: “ลูกพี่ครับ ได้หมอนี่เคยหาเรื่องพี่ใช่ไหม? ถ้าหากใช่ล่ะก็ ผมจะจัดการมันแทนพี่เอง”

แมงป่องทำสายตามองบนให้กับสวีเจ๋: “พอเหอะแกน่ะ แม้แต่เด็กคนหนึ่งแกยังจัดการไม่ได้ ยังจะมาคุยโวโอ้อวดอะไรกับฉันอีก?”

สีหน้าของสวีเจ๋ ค่อนข้างประหม่าขึ้นมาทันที

ใช่

นานขนาดนี้แล้ว แม้แต่ถังหยู่ซวนเขาก็ยังจัดการไม่ได้ แล้วจะมีปัญญาอะไรไปจัดการหลี่ฝาง?

ยิ่งไปกว่านั้น ดูท่าทางแล้ว สวีเจ๋คนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังหยู่ซวนด้วยซ้ำ

ถังหยู่ซวนมีความชำนาญในการใช้มีดมาก สวีเจ๋ที่มีเพียงแค่มือเปล่า ทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“แต่ว่า แกสามารถเอาไอ้หนุ่มนี่ส่งมาถึงตรงหน้าฉันได้ ก็ถือว่ามีความดีความชอบ” มองดูสวีเจ๋ แมงป่องก็ยิ้มอย่างพอใจ ราวกับว่ากำลังยกย่องชมเชย

สีหน้าของสวีเจ๋เปลี่ยนจากมืดครึ้มเป็นสว่างไสวขึ้นมาทันที ภายในใจก็ไม่หดหู่อีกแล้ว

“ฉ่างจือ นานแล้วใช่ไหมที่แกไม่ได้ต่อยตีกับใคร?” แมงป่องมองไปที่ลูกชายบุญธรรมของตัวเอง แล้วเอ่ยถาม

ฉ่างจือพยักหน้า กล่าว: “ใช่ครับ นานแล้วที่ไม่มีใครกล้าเป็นปรปักษ์กับพ่อบุญธรรม”

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แมงป่องได้ครอบครองสถานที่แห่งนี้ในอำเภอหลินอย่างต่อเนื่อง

พื้นที่สีเทาส่วนใหญ่รวมถึงธุรกิจตกอยู่ในมือของแมงป่องเพียงลำพัง

ไม่มีใครกล้าเป็นปรปักษ์กับแมงป่อง ลูกชายบุญธรรมของเขาคนนี้ ก็เป็นเหมือนกับผู้เก่งกาจขาดแหล่งสำแดงกำลังแล้ว

แมงป่องยิ้ม กล่าว: “งั้นวันนี้ก็ออกกำลังหน่อยนะ”

“เขาเหรอ?”

ฉ่างจือส่ายหน้า เขามองถังหยู่ซวนในสายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม: “เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม”

ถึงแม้ฉ่างจือจะไม่เห็นถังหยู่ซวนอยู่ในสายตา แต่ทำยังไงได้ในเมื่อแมงป่องได้ออกคำสั่งมาแล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีไม่ถือสาต่อไป

ฉ่างจือหลี่ตาลง มองถังหยู่ซวนพลางหัวเราเหอะขึ้นมา

เสียงกระทืบเท้าดังขึ้น ฉางจื่อกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรง แล้วเขาก็พุ่งเข้ามาราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ เคลื่อนที่รวดเร็ว พลังโจมตีรุนแรง หลังจากที่หลี่ฝางได้เห็น ก็รู้สึกเหงื่อตกแทนเขาเสียเนี่ยกระไร

ในขณะที่หมัดของฉ่างจือพุ่งเข้ามา ถังหยู่ซวนกลับใช้สองมือของเขารับเอาไว้ได้

ฉากนี้ ไม่เพียงทำให้ฉ่างจือตกตะลึง ยิ่งทำให้แมงป่องตกใจเป็นอย่างมาก

“เป็นคุณรุ่นหลังที่ไม่เลวเลยจริง ๆ”

แมงป่องรู้ว่าหมัดนี้ของฉ่างจือหนักแค่ไหน หมัดนี้ ต่อให้เป็นตัวเอง ก็ไม่อาจรับเอาไว้ได้ง่าย ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถังหยู่ซวน ที่พึ่งต่อยกับสวีเจ๋ไปครึ่งค่อนวัน

ฉ่างจือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และก็ค่อนข้างที่จะดีใจ ณ เวลานี้ ในที่สุดฉ่างจือก็เริ่มมองถังหยู่ซวนอยู่ในสายตาแล้ว

“ในตอนที่ฉันอายุเท่า ๆ กับแก ไม่ร้ายกาจเท่าแก” ฉ่างจื่อกล่าวอย่างเรียบ ๆ จนจบ จากนั้นเขาก็ออกแรงอีกครั้ง ถังหยู่ซวนถูกบีบจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“แต่น่าเสียดาย ที่ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนแกหลายปี”

ฉ่างจือพูดจบ ก็พุ่งเข้าหาถังอยู่ซวนอีกครั้ง

เมื่อเผชิญหน้ากับฉ่างจือที่กดดันเข้ามา แรก ๆ ถังหยู่ซวนยังพอที่จะรับมือได้ แต่ไม่นาน เขาก็ไม่ไหวแล้ว

ไม่เพียงถูกบีบจนถอยหลัง ในเวลานั้น ถังหยู่ซวนก็ได้ถูกอัดเข้าไปติดต่อกัน

“คุณชายหลี่ บอดี้การ์ดของนายดูเหมือนจะไม่ค่อยแกร่งเท่าไหร่นะ ไม่เกินหนึ่งนาที ฉันรับรองได้ว่ามันจะต้องลงไปกองอยู่ต่อหน้าลูกบุญธรรมของฉัน” แมงป่องกล่าวด้วยถ้อยคำดูถูกเหยียดหยาม

หลี่ฝางมองดูแมงป่อง แล้วกล่าว: “คุณก็แค่ต้องการเงินไม่ใช่เหรอ?”

“หยิ่นเหล่ยจ่ายคุณเท่าไหร่ ผมให้สองเท่า ปล่อยผม และเพื่อนของผมไป” หลี่ฝางขมวดคิ้วกล่าว

ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่ใช้เงินแก้ไขปัญหาได้ ล้วนเป็นเรื่องเล็ก

อย่าว่าแต่ตระกูลหลี่เลย ต่อให้เป็นหลี่ฝางในตอนนี้ สมบัติที่เขามีนั้น ทรัพย์สินที่ให้ได้นั้น เยอะกว่าตระกูลหยิ่นอีกหลายเท่า

“สองเท่า? เหอะ ๆ ฉันชอบเงินจริง ๆ แหละ แต่ว่านอกจากเงินแล้ว ฉันยังชอบรักษาคุณธรรมอีกด้วย” แมงป่องกล่าวอย่างแน่วแน่: “ขอโทษด้วยนะ คุณชายหลี่ ฉันได้รับปากตระกูลหยิ่น และได้รับเงินมัดจำมาแล้ว”

ตามที่หลี่ฝางทราบมา แมงป่องเป็นคนที่เห็นเงินสำคัญและไม่เห็นหัวใคร

โดยเฉพาะตอนที่ทำธุรกิจกับพวกคนมีเงิน ใครให้ราคาสูง เขาก็ร่วมมือกับคนนั้นมาโดยตลอด

แต่มาวันนี้ ตัวเองให้สองเท่า แมงป่องยังไม่ยอมปล่อยตัวเองไป

ที่ข้างใน จะต้องมีอะไรอยู่แน่เลย

เมื่อเทียบกับตระกูลหลี่แล้ว ตระกูลหยินนับไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลที่แมงป่องจะไม่เอาเงินสองเท่านี้ ทั้งยังต้องผิดใจกับหลี่ฝาง นี่ถือเป็นการกระทำที่โง่มาก ๆ

นอกจากแมงป่องจะได้รับผลดีจากตระกูลหลี่แล้ว ยังมีเหตุผลอื่นอีก

เป็นอย่างที่แมงป่องว่าไว้จริง ๆ เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ถังหยู่ซวนก็ถูกโยนลงไปกองอยู่บนพื้น

แมงป่องหัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างชอบใจ: “คุณชายหลี่ นายคงไม่ได้มาที่อาณาเขตของฉันโดยที่พาพวกมาแค่คนเดียวหรอกนะ?”

“ฉันว่านะคุณชายหลี่ ใจนายนี่ มันจะใหญ่เกินไปไหม?”

จากนั้น สีหน้าของแมงป่องก็เคร่งขรึมลง: “หรือว่า นายมั่นใจ คิดว่าฉันไม่กล้าแตะต้องนาย?”

ที่หลี่ฝางมาที่อำเภอหลินนั้น ที่จริงแล้วมีเพียงจุดประสงค์เดียว นั่นก็คือสืบหาคนที่ร่วมมือกับแมงป่องในเมืองเอก

แต่ในวันนี้ คิดไม่ถึงว่ายังสืบไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็ตกอยู่ในกำมือของแมงป่องแล้ว

หลี่ฝางจ้องมองแมงป่องอย่างสงบ แล้วเอ่ยถาม: “หรือว่าคุณจะไม่กลัวหลอซ่าพ่อของผม?”

พวกที่แสวงหาผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทา น้อยมากที่จะไม่รู้จักหลอซ่า

และยิ่งมีไม่กี่คนที่ไม่กลัว

ต่อให้เป็นสี่ตระกูลใหญ่ ต่างรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแมงป่อง

อำเภอหลินเป็นเพียงเมืองระดับสาม ต่อให้แมงป่องมีอิทธิพลแค่ไหน ลูกน้องมากมายเพียงใด มีเงินมากแค่ไหน ก็เทียบกับตระกูลมู่ ตระกูลฉินแห่งอำเภอหลินไม่ได้

แต่ตระกูลฉินและตระกูลมู่ ต่อให้จ่ายเงินใช้พวกเขามากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าแตะต้องหลี่ฝางแม้แต่ปลายเล็บ

แมงป่องเดินมาจนถึงตำแหน่งในทุกวันนี้ ไม่น่าที่จะไม่เข้าใจหลักเกณฑ์นี้ และยิ่งขึ้นเป็นลูกพี่ ทุกก้าวที่เดิน ยิ่งจะต้องระมัดระวังถึงจะถูก

ไม่อย่างนั้นล่ะก็ สิ่งที่พยายามทำมาทั้งหมด จะสูญสลายไปได้ง่าย ๆ

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นหลี่ฝาง หรือว่าลุงเฉียน ต่างก็ไม่เข้าใจ แมงป่องไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าทำแบบนี้

“เกรงว่าต้องทำให้นายผิดหวังแล้ว คุณชายหลี่ ฉันแมงป่องคนนี้ ขอแค่จ่ายมากพอ ต่อให้นายเป็นลูกของพญายม ฉันก็กล้าฆ่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้หลอซ่าพ่อของนายไม่ได้อยู่ที่เมืองเอกแล้ว”

“นอกจากนี้ นายคิดว่าพ่อของนายจะมีชีวิตรอดกลับมาได้จริง ๆ เหรอ?”

แมงป่องหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา หลี่ฝางฟังออก เป็นที่ประจักษ์ว่าแมงป่องรู้อะไรบางอย่าง เขาเลยรีบถามขึ้นมา: “หมายความว่ายังไง?”

“นี่ฉันยังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกเหรอ? ครั้งนี้พ่อของนาย คงกลับมาไม่ได้แล้ว”

แมงป่องเป็นคนเฉลียวฉลาด เขาจ้องมองหลี่ฝาง แล้วหัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมา: “คิดจะหลอกถามฉันใช่ไหม?”

เหอะ ๆ ฉันจะบอกนายให้ก็ได้ พ่อของนายออกไปปฏิบัติภารกิจที่อันตรายมาก แน่นอนว่า นอกจากภารกิจจะอันตรายแล้ว ยังมีบางอย่างที่ร้ายแรงกว่า นั่นก็คือร่องรอยของเขา ถูกเปิดเผยแล้ว”

“สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเอก ต่างก็มีความแค้นกับหลอซ่า และนอกจากสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ยังมีพวกที่คอยหนุนหลังอยู่เบื้องหลังของสี่ตระกูลใหญ่ ก็ได้ลงมือแล้วเหมือนกัน พวกเขาล้วนไม่ต้องการให้พ่อของนายมีชีวิตกลับมา”

“ต่อให้พ่อของนายทำภารกิจสำเร็จอย่างราบรื่น แล้วยังไงล่ะ? หลบหนีได้ก็หลบหนีไป แต่ก็ใช่ว่าจะหลบหนีได้ตลอด โอกาสที่พ่อของนายจะมีชีวิตรอดกลับมานั้น เท่ากับศูนย์”

แมงป่องมองหลี่ฝาง แล้วยิ้มกล่าว: “ดังนั้น ทำไมฉันจะต้องกลัวคนที่ใกล้จะตายด้วยล่ะ?”

“กลับมาไม่ได้แล้ว……”

เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ หัวใจของหลี่ฝาง ก็พลันว้าวุ่นขึ้นมา หลายวันมานี้ จริง ๆ แล้วหลี่ฝางเป็นห่วงพ่อของตัวเองมาโดยตลอด ถึงขั้นฝันร้ายอยู่หลายครั้ง

เดิมทีหลี่ฝางก็เป็นกังวลอยู่แล้ว เมื่อได้ยินแมงป่องพูดแบบนี้ ทันใดนั้นหลี่ฝาง ก็เป็นกังวลเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

ณ เวลานี้ ฉ่างจือก็ได้จับยกคอเสื้อของถังหยู่ซวนขึ้นมา แล้วลากเขาไปที่ด้านหน้าของแมงป่อง

ถังหยู่ซวนในเวลานี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ถูกฉ่างจืออัดจนสูญเสียพลังในการต่อสู้ไป ดูแล้วราวกับกำลังจะสิ้นลมหายใจ

ฉ่างจือนำถังหยู่ซวนมาที่ตรงหน้าของแมงป่อง แล้วเอ่ยถาม: “พ่อบุญธรรม จะให้จัดการกับได้หมอนี่ยังไง?”

มองถังหยู่ซวนแบบหนึ่ง แมงป่องก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ : “ฉันเห็นว่าแกฝีมือไม่เลว แต่เสียดายที่ติดตามผิดคน อีกไม่นานตระกูลหลี่ก็จะล่มสลาย พอถึงตอนนั้น แกจะต้องกลายเป็นหมาไม่มีบ้านแน่ ก่อนที่จะถึงตอนนั้น ละทิ้งโลกที่มืดมิดและก้าวสู่โลกที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง มาติดตามฉันดีไหม?”

“ฉันเป็นคนใจกว้างมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องบาดหมางที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พวกเราไม่ต้องไปพูดถึงมันอีก”

แมงป่องแซะขาเก้าอี้ ต่อหน้าต่อตาของหลี่ฝาง ช่างไม่เห็นหลี่ฝางอยู่ในสายตาจริง ๆ

และถังหยู่ซวนก็ราวกับไม่ได้ยิน เขาไม่สนใจแมงป่องเลยแม้แต่น้อย แมงป่องขมวดคิ้ว ราวกับว่าไม่พอใจเล็กน้อย และฉ่างจือในเวลานี้ก็กำหมดแน่น คิดจะโจมตีถังหยู่ซวนเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้เขากลายเป็นคนพิการไปโดยสิ้นเชิง

ในตอนที่ฉ่างจือกำลังจะลงมือ แมงป่องก็พลันยกมือขึ้นห้าม: “ฉ่างจือ อย่าใจร้อนอย่างนั้นสิ”

แมงป่องพูดจบ เขาก็เดินเข้ามาทางถังหยู่ซวน: “เป็นบอดี้การ์ดให้กับคุณชายคนหนึ่ง จะมีอนาคตเท่าไหร่กันเชียว ขอแค่แกยอมมา ฉันจะยกไนต์คลับในมือของฉันให้แกเลย ให้แกมีอำนาจเต็มในการจัดการดูแล พอถึงเวลานั้นนะ แกต้องการผู้หญิงก็มีผู้หญิง ต้องการเงินก็มีเงิน มันดีกว่าที่แกเป็นสุนัขรับใช้ตระกูลหลี่ตั้งเยอะ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท