NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 703 ผู้พิทักษ์ของหลี่ฝาง

บทที่ 703 ผู้พิทักษ์ของหลี่ฝาง

“อันหนึ่งคือเป็นสุนัขรับใช้ของคนอื่น อีกอันคือเป็นเถ้าแก่เอง แกเลือกเองแล้วก็นะ” แมงป่องยิ้มอย่างมั่นใจ

ในมือของแมงป่อง มี KTV และไนต์คลับอยู่หลายแห่ง แต่ที่ใหญ่ที่สุด นั่นก็คือหมิงซื่อ”

และไนต์คลับหมิงซื่อ ก็เป็นไนต์คลับที่ใหญ่ที่สุด และหรูหราที่สุดในอำเภอหลิน

และที่สำคัญยังได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ไม่เพียงแค่สวีเจ๋ที่มีแววความอิจฉาขึ้นมาบนใบหน้า แม้แต่ฉ่างจือคนนั้น ในสายตาก็มีแววริษยาอยู่เล็กน้อย

ในฐานะที่เขาเป็นลูกบุญธรรมของแมงป่อง เขาคอยปรนนิบัติรับใช้แมงป่อง แต่ในวันนี้ ก็ยังคงเป็นคนขับรถและบอดี้การ์ดของแมงป่องอยู่เหมือนเดิม

สำหรับไนต์คลับหมิงซื่อ จริง ๆ แล้วฉ่างจืออยากไปที่นั่นตั้งนานแล้ว

แต่ก็ไม่มีทางเลือกนี่ แมงป่องไม่พูดมาตลอด ฉ่างจือก็ไม่กล้าเป็นคนเอ่ยขึ้นมาเอง

แต่ในวันนี้ ขอเพียงถังหยู่ซวนพยักหน้าเบา ๆ เช่นนั้นไนต์คลับหมิงซื่อ ก็จะถูกยกให้เขาดูแล

บอกว่าไม่อิจฉา นั่นจะต้องเป็นคำโกหกอย่างแน่นอน

ถังหยู่ซวนมีดีอะไร เคยทำอะไรให้แมงป่องบ้าง ฉ่างจือที่เป็นลูกบุญธรรม เป็นธรรมดาที่ภายในใจจะไม่ยินดี

“ทำไม มันเลือกยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

แมงป่องบีบเข้าที่คางของถังหยู่ซวน แล้วเอ่ยถามพลางยิ้มตาหยี

ถังหยู่ซวนยิ้มเล็กน้อย เขาพยักหน้าให้กับแมงป่อง: “คุณขยับเข้ามาหน่อย ผมจะบอกคำตอบกับคุณ”

เสียงของถังหยู่ซวนเบามาก แต่หลังจากที่แมงป่องได้ยินชัดแล้ว เขาก็ก้มหน้าเข้าไปทันที

และถังหยู่ซวนในตอนนี้ ทันใดนั้นเอง เขาก็กัดเข้าที่หูของแมงป่องเต็ม ๆ

แมงป่องนึกว่าถังหยู่ชวนจะรับปากตัวเอง แต่ใครล่ะจะคิด ว่าถังหยู่ซวนจะกัดเขาราวกับสุนัข ชั่วขณะนั้น แมงป่องเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน

ถังหยู่ซวน ไม่ได้ใช้แรงเหมือนเวลากินนมสักหน่อย

“แม่งเอ๊ย รนหาที่ตาย!”

ฉ่างจือก็คิดว่าถังหยู่ซวนจะตกลง ก็เลยไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร ใครจะไปคิดล่ะว่า จู่ ๆ ถังอยู่ซวนจะเล่นไม้นี้

นี่มันเท่ากับว่ารนหาที่ตายจริง ๆ

ฉ่างจือจับผมของถังหยู่ชวนดึงขึ้นมา จากนั้นก็ตบเข้าไปที่หัวของเขา เต็ม ๆ หนึ่งครั้ง

แมงป่องถูกปล่อย เลือดไหลเต็มไปทั่วหู ถังหยู่ซวนล้มลงไปกองบนพื้น ปากก็ยังหัวแหะ ๆ

“ฆ่ามัน!”

แววตาของแมงป่อง ก็พลันเปลี่ยนเป็นอำมหิตขึ้นมา

และที่นี่นับว่าเป็นสถานที่ที่ห่างไกลผู้คนที่หนี่ง ต่อให้ถังหยู่ซวนถูกฆ่าตาย ก็จะไม่มีใครพบเห็น

หรือต่อให้มีคนพบเห็น ใครกล้าเอาไปพูดมั่วซั่ว?

ขอเพียงไม่ใช่ในตัวเมืองหรือย่านการค้าที่ผู้คนคึกคัก แมงป่องก็ไม่กลัวเลยสักนิด

“ทำยังไงกับไอ้หมอนี่ครับ?” สวีเจ๋ชี้ไปที่หลี่ฝาง

แมงป่องหัวเราะเหอะหนึ่งครั้ง: “เอาตัวมันไปก่อน ส่วนจะจัดการยังไงนั้น รอให้พ่อลูกตระกูลหยิ่นเป็นคนตัดสิน

สวีเจ๋ยิ้มอ่อน ๆ แล้วเดินตรงเข้ามาหาหลี่ฝาง

เมื่อกี้หลี่ฝางได้ทำให้สวีเจ๋ลำบากใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้สวีเจ๋โมโหจนแทบบ้า ดังนั้น สวีเจ๋เตรียมที่จะทรมานเขาสักหน่อย ในระหว่างทางที่พาเขาไปขึ้นร

แต่ใครจะรู้ล่ะว่า หลี่ฝางจะยืนอยู่ตรงนั้น อย่างสงบนิ่งสุดขีด

“ฉันขอเตือนแกทางที่ดีอย่าแตะต้องเขา”

ในขณะที่หลี่ฝางเห็นฉ่างจือกำลังจะลงมือฆ่าถังหยู่ซวน เขาก็ยิ้มอย่างเย็นชาพลางกล่าว

เผชิญหน้ากับคำข่มขู่ของหลี่ฝาง ฉ่างจือก็ไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

ถึงยังไงในสายตาของทุกคน หลี่ฝางในตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด แล้วจะปกป้องคนอื่นได้ยังไง

ในเวลาแบบนี้ ยังสนใจคนอื่น?

เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะค่อยว่า

“ยังไม่มาอีกเหรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว

ในตอนที่สวีเจ๋เดินเข้ามากำลังใกล้จะถึงตัวเองนั่นเอง ทันใดนั้น คนคนหนึ่ง ก็พุ่งตัวออกมาราวกับดวงวิญญาณ มาถึงด้านหน้าของหลี่ฝาง และจู่โจมสวีเจ๋สองสามครั้งจนล้มลงไปกองกับพื้น

หลี่ใจนั้น ยังไม่ทันจะรู้สึกตัวด้วยซ้ำ ก็ถูกโจมตีจนสลบลงไปบนพื้น

ชายสวมผ้าปิดหน้าคนหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของหลี่ฝาง และปกป้องเขาเอาไว้

ฉ่างจือมองดูชายสวมผ้าปิดหน้า ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

ฉ่างจือรู้ว่า ฝีมือของชายสวมผ้าปิดหน้า เกรงว่าสูงกว่าเขาอีก

หลี่ฝางกล่าวอย่างตำหนิเล็กน้อย: “ทำไมถึงพึ่งมาล่ะ?”

ชายสวมผ้าปิดหน้าราวกับเป็นใบ้ เขาไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแค่ยืนบังอยู่ด้านหน้าของหลี่ฝาง ไม่ให้ใครเข้าใกล้

แมงป่องที่เดิมทีกำลังเตรียมจะขึ้นรถ หลังจากที่เห็นชายสวมผ้าปิดหน้า ทันใดนั้นเขาก็หันหน้ากลับมา

“เหอะ ๆ ที่แท้ก็ยังมีบอดี้การ์ดอยู่นี่เอง”

แมงป่องไม่ได้ใส่ใจชายสวมผ้าปิดหน้าเลยสักนิด เขาเพียงแค่หัวเราะเหอะ ๆ พลางกล่าว: “ฉันว่าแล้วไง ข้างกายของคุณชายหลี่ จะมีบอดี้การ์ดแค่คนเดียวได้ยังไง”

“อีกทั้งยังอ่อนหัดแบบนั้น”

หลังจากที่แมงป่องกล่าวจบ เขาก็ตะโกนขึ้นมาหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นเอง ภายในรถสองสามคันก็ปรากฏผู้คนขึ้นมาราวสิบกว่าคน: “จัดการมันซะ”

แมงป่องกล่าวอย่างเย้ยหยัน: “คุณชายหลี่ นายน่าจะพาบอดี้การ์ดมาเยอะกว่านี้นะ คนสองคน คุ้มครองนายไม่ได้หรอก”

กล่าวไป กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของแมงป่อง ก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกัน

และชายสวมผ้าปิดหน้าที่อยู่ด้านหน้าของหลี่ฝาง ก็ยังคงไม่ขยับ หน้าที่ของเขา ก็คือปกป้องหลี่ฝางให้ดีเท่านั้น เรื่องอื่น ไม่จำเป็นต้องให้เขาใส่ใจ

ภายในตึกร้างสองตึก มีชายสวมผ้าปิดหน้ากระโดดลงมาจากชั้นสองสองคน

ชายสวมผ้าปิดหน้าสองคนนี้ ฝีมือยอดเยี่ยม ลงมือโหดเหี้ยม เหมือนกับว่าหนึ่งหมัดก็สามารถล้มคู่ต่อสู้ได้หนึ่งคน

คนสิบกว่าคน เวลาไม่ถึงสามนาที ก็ล้มลงไปกองอยู่บนพื้นทั้งหมด ไม่มีใครสามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลย

ฉ่างจือกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ พลังการต่อสู้เช่นนี้ เขามองดูแล้วก็ทำได้แค่เพียงหวาดเกรงเท่านั้น

เพียงชั่วพริบตาก็มีชายสวมผ้าปิดหน้าปรากฏออกมาพร้อมกันสามคน และคนที่แมงป่องพามา ก็ถูกจัดการจนลงไปนอนกองอยู่บนพื้นทั้งหมด

แมงป่องในเวลานี้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาวขึ้นมา

ตอนนี้ทางฝั่งเขา เหลือเพียงแค่ฉ่างจือและเขาแล้ว

แต่ว่า มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?

พวกเขาสองพ่อลูกร่วมมือกัน เกรงว่าคงสู้ไม่ได้แม้แต่ชายสวมผ้าปิดหน้าเพียงคนเดียวหรอกมั้ง?

นี่คือซือปาจี้ที่พ่อของหลี่ฝางเลี้ยงดูฝึกฝนขึ้นมา มีทั้งหมดสิบแปดคน ทั้งสิบแปดคนนี้ ก็ได้มีการดัดแปลงพันธุกรรม เพียงแต่ว่า การดัดแปลงล้มเหลว

พวกเขาไม่เหมือนกับส้าวส้วย ถึงแม้จะมีการฉีดยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นกับร่างกาย

อย่างส้าวส้วยนั้นเป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบ แต่ทั้งสิบแปดคนนี้ ได้สูญเสียความรู้สึกในการรับความเจ็บปวดไป ในขณะเดียวกันก็ได้สูญเสียความสามารถในการฟังและการพูดไปด้วย

แต่ก็ยังดี ที่พวกเขายังสามารถคิดพิจารณา นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังมีพลังการโจมตีที่แข็งแกร่ง

ซือปาจี้ เป็นหนึ่งในไพ่ใบสำคัญของหลอซ่า

และหลี่ฝางมาที่อำเภอหลินในครั้งนี้ ลุงเฉียนได้ส่งสามคนนี้ให้มาด้วยเป็น เพื่อปกป้องความปลอดภัยของหลี่ฝาง

ชายสวมผ้าปิดหน้าทั้งสามคนนี้ จะคอยปกป้องหลี่ฝางอย่างลับ ๆ ไม่มีเวลาไหนที่จะไม่อยู่ข้างกายหลี่ฝาง เพียงแต่ว่า พวกเขานั้นถนัดในการซ่อนตัวมาก

บนร่างกายของหลี่ฝาง อุปกรณ์บอกตำแหน่งอยู่ ไม่ว่าหลี่ฝางจะอยู่ที่ไหน ชายสวมผ้าปิดหน้าทั้งสามคนนี้ ก็สามารถติดตามมาได้อย่างรวดเร็ว

ตามคำสั่งของลุงเฉียน มีเพียงแค่เวลาที่หลี่ฝางเผชิญหน้ากับอันตราย พวกเขาถึงจะปรากฏตัว

นอกเหนือจากนี้แล้ว พวกเขาก็จะซ่อนตัวอยู่ที่เบื้องหลังของหลี่ฝางอยู่ตลอด

ดังนั้น เมื่อกี้ถังหยู่ซวนเกือบจะโดนฆ่าตาย คนพวกนี้ กลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่

ฉ่างจือเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ก็รีบหนีไปทันที และแมงป่องก็เช่นเดียวกัน หลี่ฝางชี้ไปที่แมงป่อง สั่งให้ชายสวมผ้าปิดหน้าไปจับเขามา แต่ชายสวมผ้าปิดหน้าพวก กลับเป็นเหมือนคนโง่งั่ง และไม่ขยับเลยสักนิด

หลี่ฝางแอบด่าอยู่ในใจ ทำได้เพียงอุ้มถังหยู่ซวนขึ้นไปบนรถ และพาไปโรงพยาบาล

หลังจากที่ถึงโรงพยาบาล หลี่ฝางก็ติดต่อหาหวางเหมียว ให้หวางเหมียวรีบช่วยรักษาถังหยู่ซวน

ผ่านไปราวประมาณสามสิบนาที หวางเหมียวก็วิ่งเข้ามา แล้วพูดกับหลี่ฝาง: “สบายใจได้ เพื่อนของนายไม่ได้เป็นอะไรมาก สมงสมอง ก็ได้ทำ CT เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร”

“งั้นก็ดี”

“แต่ว่าจะว่าก็ว่านะน้องชาย นายทำงานอะไรกันแน่ คนที่เมื่อคืนเกือบจะโดนฆ่าตายคนนั้น นายยังจ่ายให้ฉันหนึ่งล้านเพื่อให้ฉันออกใบรับรองการตายให้ นี่ผ่านไปยังไม่ถึงวันเลย ก็ส่งมาอีกคนแล้ว

นี่ก็ตายครึ่งไม่ตายครึ่ง นายคงจะไม่ให้ฉันออกใบรับรองการตายให้เพื่อนของนายอีกหรอกนะ? ฉันจะบอกนายให้นะ เรื่องนี่น่ะ ต่อให้นายจ่ายให้ฉันเท่าไหร่ ฉันก็ช่วยนายไม่ได้แล้ว”

หวางเหมียวกล่าวอย่างเป็นกังวล ในขณะเดียวกัน เขาก็เกิดสงสัยฐานะของหลี่ฝางขึ้นมา

หลี่ฝางมองหวางเหมียวอย่างเอือมระอา: “พอเถอะน่า จัดการดูแลเพื่อนของผมให้ดี ผมไม่ให้คุณออกใบรับรองการตายอะไรนั่นหรอก”

ถึงตอนนี้หวางเหมียวถึงได้วางใจขึ้นมา: “โอเค”

หวางเหมียวกลัวจริง ๆ ว่าหลี่ฝางจะบอกให้เขาออกใบรับรองการตาย ถ้าเขาปฏิเสธไป ยังไงหลี่ฝางก็เคยช่วยเหลือปัญหาใหญ่ของเขา ถ้าจะรับปาก ออกสองใบในวันเดียว จะไม่ให้ถูกพบเห็นได้ยังไง?

หลี่ฝางขับรถไปกดเงินสี่แสน แล้วกลับมาที่โรงพยาบาล จากนั้นก็ยื่นให้หวางเหมียว

มองดูเงินที่อยู่ในถุง หวางเหมียวตะลึงงัน: “น้องชายนี่คืออะไรเหรอ?”

“เมื่อคืนที่ผมรับปากคุณ คืนนี้จะเอาส่วนที่เหลืออีกสามแสนห้ามาให้คุณ นี่คือเงินสี่แสน ที่เกินมาห้าหมื่นนั่น ถือเป็นค่ายาของเพื่อนผมแล้วกัน” หลี่ฝางกล่าวอย่างเรียบ ๆ

“ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก นายช่วยฉันเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ฉันจะเอาเงินกับนายมากขนาดนั้นได้ยังไง พูดตามจริงนะ นายไปให้คนอื่นออกใบรับรองการตาย อย่างมากสองแสนก็จัดการได้แล้ว” หวางเหมียวกล่าวอย่างเปิดอกเปิดใจ

“ให้คุณคุณก็รับเอาไว้เถอะน่า ทำไมต้องเกรงใจขนาดนี้ด้วย? ผมมีเงิน แต่คุณขาดเงิน เงินที่คุณค้างสหายและเพื่อนร่วมงาน หรือว่าไม่ต้องคืนหรือไง?”

“เอาเงินพวกนี้ รีบไปใช้หนี้ให้หมดซะ จากนั้นก็ไปกับภรรยา และลูกสาวของคุณกลับมา” หลี่ฝางกล่าวกับหวางเหมียว

หวางเหมียวลังเลอยู่ชั่วขณะ: “น้องชาย งานมูลค่าสองแสน นายให้ฉันหนึ่งล้าน ฉันไม่ค่อยกล้ารับไว้สักเท่าไหร่”

“ทำไม กลัวผมจะทำร้ายคุณเหรอ?” หลี่ฝางเอ่ยถามอย่างหมดคำจะพูด

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” หวางเหมียวยิ้มส่ายหัว สุดท้ายก็รับบเงินมาจากหลี่ฝาง

เมื่อส่งหวางเหมียวจากไป หลี่ฝางก็เข้าไปในห้องคนไข้ของถังหยู่ซวน เขามองไปที่ถังหยู่ซวน แล้วยิ้ม พลางกล่าว: “เอาล่ะ มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว เมื่อกี้ตอนที่อยู่บนถนน ทำฉันตกใจแทบตายแน่ะ”

“ครั้งหน้าถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีก ไม่ต้องวิ่งออกมาข้างหน้าฉันเลยนะ นายรีบหนีไปก่อนเลย” หลี่ฝางกล่าว: “ฉันมีคนคอยปกป้องดูแล”

ถังหยู่ซวนยิ้มแห้ง: “เหมือนเพื่อนนายคนนั้นน่ะเหรอ?”

หลี่ฝางรู้ว่าที่ถังหยู่ซวนพูดถึง คือหลี่ซ่วยซ่วย และความหมายที่เขาพูด เป็นที่ประจักษ์ว่ากำลังประชดประชันที่หลี่ซ่วยซ่วยไม่ใจนักเลงพอ หลี่ฝางส่ายหัว: “เขามีความลำบากใจ เขาไม่เหมือนกันกับพวกเรา บ้านของเขาอยู่ที่นี่ จะมีเรื่องกับแมงป่องไม่ได้”

ถังหยู่ซวนส่ายหัวกล่าว: “เขาเป็นเพื่อนของนาย นายพิจารณาเอาเองแล้วกัน ยังไงซะ ฉันก็ไม่เหมือนกันกับเขาหรอก”

“ขอโทษนะ” หลี่ฝางจ้องมองถังหยู่ซวน สีหน้าเคร่งขรึม

“เมื่อกี้เกือบทำให้นายต้องตาย” หลี่ฝางกล่าว

“ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่จะเป็นต้องพูดอะไรที่มันดัดจริตแบบนี้หรอก ฉันเข้าใจนาย นายก็เข้าใจฉัน ฉันรู้ว่านายรู้สึกโทษตัวเองมาก แต่มันไม่จำเป็น นากจากนี้ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“เมื่อกี้ฉันได้โทรหาลุงเฉียน ชายสวมผ้าปิดหน้านั่น ได้สูญเสียความสามารถในการฟัง และความสามารถในการพูดไป” หลี่ฝางขมวดคิ้วกล่าว: “พวกเขาเป็นพวกสมองตาย ขอเพียงแค่ไม่มีคนทำร้ายฉัน พวกเขาก็จะไม่ลงมือ”

“ทำไมต้องอธิบายเรื่องพวกนี้กับฉันล่ะ ระหว่างพวกเรา ยังจำเป็นต้องอธิบายอีกเหรอ?” ถังหยู่ซวนกล่าวต่อ: “หลี่ฝาง ฉันไม่เรียกนายว่าเจ้านาย หรือนายน้อยมาโดยตลอด ฉันคิดว่าระหว่างพวกเรา รักษาความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่บริสุทธิ์เอาไว้ดีที่สุด สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมฉันถึงบุกเข้าไปก่อนนาย ไม่ใช่เพราะว่าฉันเป็นบอดี้การ์ดของนายแล้วควรทำ แต่เป็นเพราะฝีมือฉันสูงกว่านาย”

“ฉันเชื่อว่า ถ้าหากนายฝีมือดีกว่าฉันล่ะก็ นายก็จะทำแบบฉันเหมือนกัน ยืนอยู่ข้างหน้า แล้วปกป้องฉันใช่ไหม?”

หลังจากที่ถังหยู่ซวนพูดจบ หลี่ฝางก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา และไม่ได้พูดมากอะไรอีก

ตอนนี้สิ่งที่หลี่ฝางเป็นกังวลกว่า มีอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือเรื่องความปลอดภัยของคุณพ่อของตัวเอง และอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือเรื่องทางฝั่งลู่หลุ่ย

แต่ว่า ทั้งสองเรื่องนี้ หลี่ฝางกังวลมากไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ ก็คือดึงคนที่อยู่เบื้องหลังของแมงป่องออกมาให้ได้

นอกจากตระกูลหยิ่นแล้ว ยังมีใครอีกกันแน่ ที่คอยร่วมมือกับแมงป่องอย่างลับ ๆ

แมงป่องเป็นคนอำเภอหลิน ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันกับคนเมืองเอกแม้แต่น้อย เมื่อก่อนยิ่งไม่เคยมีความแค้นอะไรกับหลอซ่า แล้วทำไมเขาถึงต้องมาจัดการตัวเอง และทำไมถึงได้รู้ว่าหลอซ่ากลับมาไม่ได้แล้ว?

ณ ตอนนี้เอง เสียงโทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ดังขึ้น หลี่ฝางก้มหน้ามองดู สายตาของเขาถูกดึงเพราะคนที่โทรมา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท