NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่713 ลอบโจมตีแมงป่อง

บทที่713 ลอบโจมตีแมงป่อง

ก่อนที่หยิ่นเจิ้งจะตัดสินใจลงมือ เขาซื้อตั๋วเครื่องบินสำหรับลูกเมียไว้เพื่อให้พวกเขาหนีไป

มีแค่วิธีนี้เท่านั้น ที่จะทำให้เขาสามารถลงมือกับแมงป่องได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

แต่ตอนนี้ ลูกชายของเขาดันกลับมา…

วินาทีนั้น หยิ่นเจิ้งรู้สึกหัวตื้อ…

เมื่อกี๊หยิ่นเจิ้งเพิ่งได้ข่าวว่าแมงป่องออกคำสั่งให้ลูกน้องทั้งหมดออกตามล่าตัวหยิ่นเหล่ยมายืนตรงหน้าเขาให้ได้

ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองกำลังตามล่าตัวหยิ่นเหล่ย หรือก็คือลูกชายของเขา

หยิ่นเหล่ยถอนหายใจ “มีใครบางคนเดาได้ว่าผมจะหนี เขาก็เลยจับตัวผมกลับมา”

“ตระกูลหลี่?” หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว

ตอนที่ไปส่งภรรยากับลูกชาย รางวัลล่าหัวร้อยล้านยังไม่ได้ประกาศออกไป เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่แมงป่องจะเป็นคนทำ

อีกอย่างถ้าเป็นแมงป่อง เขาคงไม่ปล่อยให้ลูกชายกลับมาที่เดิม

ดังนั้นคงมีแค่ตระกูลหลี่ที่ทำแบบนี้

หยิ่นเหล่ยพยักหน้า “ตอนที่ขึ้นไปบนเครื่องได้ไม่นาน แอร์ก็ให้ผมกินน้ำขวดนึง พอผมกินน้ำนั่นจนหมดจู่ๆก็สลบไป พอฟื้นขึ้นมาอีกทีก็กลับมาอยู่หน้าบริษัทแล้ว”

“ส่วนแม่ ผมไม่รู้ว่าแม่อยู่ไหน ผมถามคุณชายหลี่แต่เขาไม่ตอบ เขาพูดแค่ว่าจะช่วยดูแลความปลอดภัยของแม่กับน้องๆแทนให้” หยิ่นเหล่ยพูด

สีหน้าของหยิ่นเจิ้งตึงเครียด “ตระกูลหลี่ร้ายกาจมาก เขารู้แม้กระทั่งเรื่องที่แม่กำลังท้องอยู่”

เรื่องนี้ มีแค่ตัวหยิ่นเจิ้งกับภรรยาและหมอประจำตระกูลเท่านั้นที่รู้

แม้แต่หยิ่นเหล่ยก็เพิ่งจะรู้เมื่อกี๊นี้

แต่ตระกูลหลี่กลับล่วงรู้เรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือรักษาชีวิตเด็กเอาไว้

หยิ่นเจิ้งเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ที่สำคัญยังเป็นคนที่รักเมียมาก

ไม่อย่างนั้น หยิ่นเจิ้งคงจะหาผู้หญิงคนไหนก็ได้มาผลิตทายาทเพื่อสืบทอดต่อ…

“พ่อ เราจะทำยังไงกันดี?” หยิ่นเหล่ยมองพ่ออย่างร้อนรน “เมื่อกี๊ตอนที่ผมขึ้นมามีกลุ่มคนไล่ตามผม ต้องเป็นคนของแมงป่องแน่”

“ก็ใช่น่ะสิ นอกจากคนของแมงป่อง จะเป็นใครได้อีก?” สีหน้าของหยิ่นเจิ้งตึง

“คุณชายหลี่ตั้งใจจะเอานายมาเป็นเป้าล่อแทนเขาน่ะสิ…”

ไม่ว่าจะหยิ่นเจิ้งหรือหยิ่นเหล่ยก็พอจะดูออกว่าหลี่ฝางทำแบบนี้ กำลังทำร้ายหยิ่นเหล่ย

ถ้าหยิ่นเหล่ยหนีไปได้ แมงป่องก็ไม่มีทางหาหยิ่นเหล่ยเจอ จากนั้นก็จะมาเอาเรื่องกับหยิ่นเจิ้งหรือไม่ก็หลี่ฝาง

แต่ในเมื่อหยิ่นเหล่ยกลับมาแล้ว แมงป่องก็ต้องหันไปโจมตีหยิ่นเหล่ย

ถึงยังไงหยิ่นเหล่ยก็เป็นคนปล่อยข่าวออกไป ถ้าหาตัวหยิ่นเหล่ยเจอ เรื่องเงินล่าหัวนั่นก็จะถูกยกเลิกไป

การล้มเลิกเงินรางวัลล่าหัว คือสิ่งที่แมงป่องต้องการจะทำ

แต่วินาทีนี้หยิ่นเหล่ยจะกล้ายกเลิกงั้นหรอ?

ถ้าทำแบบนั้น จะไม่ใช่แค่ธุรกิจครอบครัวจะถูกตระกูลหลี่โค่น ไหนจะเรื่องความปลอดภัยของแม่ ก็รับประกันไม่ได้…

“ตระกูลหลี่จะต้องกลืนพวกเราทั้งเป็น” หยิ่นเจิ้งมีสีหน้าเคร่งขรึม “คุณชายหลี่ไม่ได้แค่จะยืมมือนายปล่อยประกาศล่าหัว แต่ยังบีบให้ตระกูลเราเผชิญทำสงครามกับแมงป่อง”

แม้ว่าหยิ่นเจิ้งตั้งใจจะทำสงครามกับแมงป่องตั้งนานแล้ว แต่การต้องเผชิญหน้ากันตรงๆ เป็นสิ่งที่หยิ่นเจิ้งไม่อยากเห็น

แต่การที่หลี่ฝางบีบให้เขาทำแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับการที่เขาบีบให้จางซินเฟยตอบตกลงร่วมมือกับเขา…

เวรกรรมตามทันดังจรวดของแท้

ตอนนี้เอง จู่ๆแมงป่องก็โทรเข้ามา

“เวรล่ะ นี่มันสายมรณะชัดๆ” หยิ่นเจิ้งถอนหายใจยาว

“พ่อ แมงป่องโทรมาหรอ? ไม่ว่ายังไงพ่อก็ห้ามส่งผมให้มันเด็ดขาดเลยนะ” หยิ่นเหล่ยพูดด้วยความหวาดกลัว

“เด็กโง่ ฉันเป็นพ่อแกจะส่งตัวแกให้มันได้ไง?” หยิ่นเจิ้งถลึงตาให้ลูกชาย

ลูกชายคนนี้ผ่านโลลกมาน้อยเหลือเกิน

พอมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็สงบสติอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไป

หยิ่นเจิ้งส่ายหน้าผิดหวัง สุดท้ายก็กดรับสาย

ของแบบนี้ หลบให้ตายยังไงก็คงหลบไม่พ้น

เมื่อรับสาย แมงป่องหัวเราะหึๆ “เจ้านายหยิ่น ลูกน้องฉันรายงานมาว่าเมื่อกี๊ลูกชายนายกลับไปที่บริษัทของนายแล้วนี่นะ”

“พี่แมงป่อง ลูกน้องของพี่คงดูผิดไปมั้งครับ? ทำไมผมถึงได้ยินว่าพอไอ้ลูกชายตัวดีก่อเรื่องเสร็จก็เผ่นแน่บไป ตอนนี้คิดว่าคงไม่อยู่ในอำเภอหลินแล้วล่ะ จะมาอยู่ในบริษัทผมได้ไงกัน?” หยิ่นเจิ้งพูดแถอย่างถ่อมตัว

แมงป่องได้ยินก็แค่นเสียงเหอะออกมา “ไอ้แก่จนป่านนี้ยังมาทำมึนอะไรกับฉันอีก ลูกชายแกทำเรื่องผิดกับฉันขนาดนั้น แกยังจะปกป้องมันอีกหรอ? หรือจะบอกว่าทั้งหมดมาจากการสนับสนุนของแก?”

“พี่แมงป่อง ผมไม่ได้เห็นหน้าลูกชายเลยจริงๆนะครับ” หยิ่นเจิ้งพูด “ถ้าพี่ไม่เชื่อ ผมสาบานก็ได้”

“แม่มึงสิ ลูกน้องเป็นโขยงของฉันเห็นว่าลูกชายแกวิ่งหนีเข้าบริษัทกันทุกคน จะบอกว่าพวกลูกน้องของฉันตาบอดงั้นสิ?” แมงป่องเกรี้ยวกราด

ถ้าบอกว่าคนนึงดูผิดยังพอจะเชื่อได้ แต่นี่มันตั้งหลายคนที่เห็นพร้อมกัน จะบอกว่าดูผิดได้ไง?”

“ฉันกำลังไปที่บริษัทนาย ถ้าฉันไปถึงแล้วไม่เจอหน้าลูกชายแก ก็เตรียมทำสงครามได้เลย” แมงป่องพูดจบด้วยความเย็นชา ก็วางสายไป

หยิ่นเจิ้งเหลือบตามองลูกชายตัวเองแว๊บนึง “ไอ้เด็กโง่ รู้ๆอยู่ว่ามีประตูลับ ทำไมยังเข้าทางประตูใหญ่อีก?”

“พ่อผมก็ไม่ได้อยากทำ แต่คุณชายหลี่ผลักผมลงจากรถ พอลงปุ๊บ พวกนั้นก็เห็นผมเลย” หยิ่นเหล่ยพูดด้วยใบหน้าไร้เดียงสา

เวลานี้ที่วิลล่าตระกูลหยิ่น และที่บริษัท รวมถึงสถานที่ต่างๆที่หยิ่นเจิ้งไม่ค่อยได้ไป ล้วนก็ถูกคนของแมงป่องล้อมไว้หมด

แมงป่องรู้ดีว่าถ้าไม่รีบยกเลิกประกาศล่าหัวนั่น เขาคงไม่ถูกหมายหัวตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ

ร้อยล้านเชียว เงินก้อนโตขนาดนั้นมากพอที่จะทำให้คนเป็นบ้าได้

ตั้งแต่วันที่มีประกาศล่าหัว ในใจของแมงป่องก็มีความโกรธขึ้นเพิ่มทุกวัน ฉ่างจื่อขมวดคิ้ว “คุณพ่อ ทำไมเราไมใช้วิธีหนามหยอกเอาหนามบ่งล่ะครับ? ในเมื่อตระกูลหยิ่นใช้เงินซื้อชีวิตคุณพ่อ ถ้าลูกชายมันไม่ยอมออกมาแก้ข่าว งั้นเราก็จะใช้เงินซื้อชีวิตมันเหมือนกันสิครับ”

เงินร้อยล้าน ถึงแมงป่องจะยอมจ่ายได้ แต่ก็คงแทบกระอักเลือดอยู่เหมือนกัน

แมงป่องส่ายหน้า “หยิ่นเจิ้งเป็นนักธุรกิจ ถ้าฉันจ่ายเงินซื้อชีวิตมัน มันคงจะจ้างตำรวจมาคอยคุมกันยี่สิบสองชั่วโมง”

แมงป่องทำธุรกิจสีดำแมงป่องทำธุรกิจสีดำ มื้อไม้ไม่สะอาด แค่เห็นตำรวจเขาก็แทบจะเดินหนี แล้วจะไปขอให้ตำรวจมาช่วยคุ้มกันให้ได้ยังไง?

ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วธุรกิจของเขาจะเป็นยังไง?

คนในวงการเดียวกันจะมองเขายังไง?

แมงป่องถอนหายใจ “ฉ่างจื่อ คนที่ฉันจะเชื่อใจตอนนี้มีแค่นายคนเดียวแล้ว”

ฉ่างจื่อพูด “คุณพ่อสบายใจเถอะครับ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคุณพ่อได้”

วินาทีนี้ แมงป่องก็ถอนหายใจขุ่นออกมายาวๆ “ฉันจะให้นายมาเป็นคนขับรถของฉัน ฉันรู้ว่านายคงรู้สึกน้อยใจ นายเองก็อยากจะไปคุมงาน สนุกรื่นรมณ์ไปวันๆเหมือนอย่างสวีเจ๋หรือจางซินเฟย แต่พ่อของนายต้องการใครสักคนมาอยู่ข้างกาย ใครสักคนที่จะไม่หักหลัง และสามารถปกป้องฉันได้ เพราะงั้น…”

จู่ๆฉ่างจื่อก็ยิ้ม แล้วพูดอย่างโล่งใจ “พูดอะไรของคุณพ่อน่ะครับ ผมเป็นลูกของคุณพ่อ ยังไงก็ต้องปกป้องคุณพ่ออยู่แล้ว จะน้อยใจอะไรล่ะครับ?”

“วางใจเถอะครับ รอผ่านไปสักสองสามปี เมื่อภารกิจของฉันสำเร็จ ฉันก็จะลงจากตำแหน่ง แล้วยกทุกอย่างที่สร้างมาให้นายรับช่วงต่อ” คำพูดของแม่งป่องราวกับกลายเป็นคนละคน

ในขณะที่ฉ่างจื่ออึ้งไป รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป

“ภารกิจ? ภารกิจที่คุณพ่อว่าหมายถึงอะไรครับ?” ฉ่างจื่อขมวดคิ้ว

สีหน้าของแมงป่องเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหัวเราะเหอะๆ “จะภารกิจอะไรได้ล่ะ ก็ต้องทำให้ธุรกิจมันใหญ่โตขึ้นกว่านี้ไง”

ฉ่างจื่อรู้ได้ว่าพ่อบุญธรรมของตัวเองกำลังโกหก แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ

แต่ฉ่างจื่อไม่เข้าใจ ว่าทำไมพ่อบุญธรรมยังมีภารกิจอะไรอีก หลายปีที่ผ่านมา เขาตัวติดกับพ่อบบุญธรรมของตัวเองแต่ทำไมถึงไม่รู้ถึงภารกิจที่ว่านี่เลย

……

เมื่อมาถึงด้านหน้าดึกบริษัท ฉ่างจื่อก็จอดรถ

หลังจากที่แมงป่องใส่หมวกแก๊บปกปิดส่วนใบหน้าของตัวเองเรียบร้อย ก็ลงจากรถ

การมาครั้งนี้ ฉ่างจื่อขับBuickธรรมดาๆ เพื่อปกปิดสถานะแมงป่องจึงไม่ได้ขับmaybachของตัวเอง

เมื่อก่อนแมงป่องมักจะขับmaybachวางอำนาจบาตรใหญ่ไปทั่วทั้งอำเภอหลิน ใครต่อใครต่างก็กลัว

เวลานี้ แมงป่องกลายเป็นฝ่ายที่ต้องกลัวซะเอง เพราะตอนนี้ไม่ว่าใครก็อยากจะฆ่าเขา

ฉ่างจื่อเดินตามหลังแมงป่องมาติดๆ เขาเองก็แต่งตัวมิดชิดระวังไม่ต่างกัน การออกข้างนอกครั้งนี้ แมงป่องระวังตัวมากเป็นพิเศษ เขาพาแค่ลูกชายบุญธรรมาเท่านั้น

วินาทีที่เขาลงจากรถ หลี่ฝางก็จับตามองเขาไม่กระพริบ

“ไอ้หน้าหนวด เห็นผู้ชายที่ใส่ชุดสีเบจไหม? นั่นล่ะแมงป่อง” หลี่ฝางล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วพูดกับปลายสาย

ไอ้หน้าหนวดหัวเราะ “คุณชายมองออกได้ยังไงครับว่านั่นคือแมงป่อง?”

“นอกจากเขา จะมีใครอีกที่ใส่หมวกเดินเข้าบริษัท? ถึงเขาจะอำพรางตัวเองมิด แต่เพราะยิ่งปกปิดก็ยิ่งเปิดเผย”

“ไม่ผิดแน่ หาโอกาสลงมือก็พอ จริงสิ ระวังไอ้เด็กที่ตามติดอยู่ข้างหลังด้วยล่ะ นั่นเป็นลูกชายบุญธรรมของเขา ฝีมือเอาเรื่องอยู่”

หลี่ฝางพูดกับไอ้หน้าหนวด “ระวังตัวด้วย ถ้าหาโอกาสไม่ได้ก็ช่างมัน ชีวิตนายสำคัญกว่า”

“ล้อเล่นหรือไงครับ เงินตั้งร้อยล้านเชียว ผมไปก่อนล่ะ” ไอ้หน้าหนวดหัวเราะ แล้ววางสายไป แล้วเดินนำแมงป่องเข้าบริษัทไปก่อน

แม่งป่องยิ้มบางๆ “ฉ่างจื่อ เคยเห็นฉันดุร้ายขนาดนี้มาก่อนไหม?”

ฉ่างจื่อส่ายหน้า “ไม่เคยครับ”

“เพราะงั้น อีกเดี๋ยวต้องให้ตระกูลหยิ่นชดใช้มาอย่างสาสม” แววตาของแม่งป่องเผยความโหดเหี้ยม

“พอไอ้เวรหยิ่นเหล่ยนั่นมันยกเลิกประกาศหมายหัวเสร็จ ก็ฆ่ามันทันที” แมงป่องพูดเย็นชา

ฉ่างจื่อพยักหน้า “ผมไม่ปล่อยพวกมันไปแน่”

เวลานี้ หยิ่นเจิ้งรีบเปิดประตูลับให้ลูกชายเข้าไปซ่อนตัว หยิ่นเจิ้งพูด “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามออกมา เข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้วครับพ่อ พ่อเองก็ระวังตัวด้วย” หยิ่นเหล่ยพยักหน้า มองพ่อตัวเองด้วยสายตาเป็นห่วง

“ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันรียกคุณอาจ้าวมาแล้ว ต่อให้แมงป่องมันจะใจกล้าบ้าบิ่นขนาดไหน ก็ไม่กล้าลงมือต่อหน้าคุณอาจ้าวหรอกมั้ง?”

หยิ่นเจิ้งพูดจบ หยิ่นเหล่ยถึงได้โล่งใจขึ้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท