NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่719 ร่วมมือกันเผชิญหน้าศัตรู

บทที่719 ร่วมมือกันเผชิญหน้าศัตรู

“ตระกูลตงฟาง?” หลี่ฝางเบิกดวงตากว้าง ราวกับได้ยินข่าวที่น่าตกใจครั้งใหญ่ก็ไม่ปาน

ถ้าเบื้องหลังของแมงป่องเป็นตระกูลตงฟางจริง งั้นก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้กระจ่าง

“แน่ใจหรอ?” หลี่ฝางถาม “ลุงเฉียนมีหลักฐานหรือเบาะแสอะไรไหม?”

ไอ้หน้าหนวดส่ายหัว “ไม่มีสักอย่างครับ เป็นการคาดเดาของลุงเฉียนล้วนๆ”

“เดา ไร้สาระน่า? คนเคร่งครัดอย่างลุงเฉียน ถ้าไม่มีหลักฐานจะกล้าเดามั่วๆหรือไง?” หลี่ฝางถาม

ไอ้หน้าหนวดหัวเราะแห้ง “งั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ลุงเฉียนน่าจะไม่มีหลักฐานจริงๆ ตอนแรกไม่ได้กะจะบอกเหมือนกัน แต่ตอนที่มาจู่ๆก็จับผมไว้แล้วก็พูดว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าตระกูลตงฟางอยู่เบื้องหลังแมงป่อง”

“แต่แน่นอนว่าในเงื่อนไขแรกที่หวางซีกางพูด เป็นเรื่องจริงทั้งหมดครับ”

“คนของตระกูลตงฟางชอบปิดบังใบหน้า แล้วก็เย่อหยิ่ง ซึ่งถ้าอ้างตามที่หวางซีกางบรรยายลักษณะนับว่าตรงกับคนของตระกูลตงฟางแบบเป๊ะๆ หลายวันมานี้ ลุงเฉียนคอยสอบถามท่านลู่อยู่ตลอด ท่านลู่คือคนเดียวที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของตระกูลตงฟาง” ไอ้หน้าหนวดพูด

“ตระกูลตงฟางนี่ช่างลึกลับจริงๆ” หลี่ฝางขมวดคิ้ว

“ท่านลู่ให้คำใบ้เรามาอันนึงครับ คนตงฟางที่ว่าเป็นคนที่พวกเราทุกคนต่างก็รู้จัก มิหนำซ้ำยังเคยเปิดเผยหน้าที่แท้จริงด้วย แต่ท่านลู่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร ให้เราไปเดากันเอง”

ไอ้หน้าหนวดหัวเราะหึ “ความจริงผมพอจะเดาได้นิดหน่อย ที่ตระกูลตงฟางต้องทำตัวลับๆล่อๆ คงเป็นเพราะไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้”

“ปัญญาอ่อน ถ้าอันนี้ฉันก็รู้” หลี่ฝางมองบนใส่ไอ้หน้าหนวด

“ยิ่งพวกเขาซ่อนตัวลึกเท่าไหร่ ก็แสดงว่ากลัวตัวตนของตัวเองจะถูกเปิดเผยมากเท่านั้น คนแบบนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกครับ อย่างมากก็แค่พวกมันอยู่ในที่มืด แต่เราอยู่ในแสงไฟ แต่ถ้าพวกเราลากมันออกมาได้…”

ไอ้หน้าหนวดหัวเราะ “เราก็จะเล่นกับพวกมันจะเฉาตายคามือไปเลย”

หลี่ฝางส่ายหน้า “ไม่ง่ายขนาดนั้น ฉันคิดๆดูถ้าตระกูลตงฟางไม่ได้มีฝีมืออะไรมากมาย ถ้างั้นทำไมท่านลู่ต้องปกป้องตัวตนแทนพวกเขาด้วย?”

“การที่ท่านลู่ไม่เปิดเผยตัวตนของพวกเขา ก็หมายความว่าแม้แต่ท่านลู่ก็ยังกลัว”

หลี่ฝางพูด “สามตระกูลใหญ่ที่เหลือล้วนก็ยกย่องให้ตระกูลตงฟางเป็นลูกพี่ ดีไม่ดีสถานะของตระกูลตงฟางอาจจะอยู่เหนือกว่าท่านลู่”

“ถ้าอยู่เหนือกว่าท่านลู่ ก็เทียบเท่ากับคนพวกนั้นเลยไม่ใช่หรอครับ?” ไอ้หน้าหนวดสูดหายใจลึก

หลี่ฝางรู้ว่าคนพวกนั้นที่ไอ้หน้าหนวดพูดก็คือพวกที่อยู่ในชั้นใต้ดินชั้นหนึ่งในสโมสรเจียงหนาน

ตอนนี้เองโทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ดังขึ้น

หลี่ฝางท่องจำเบอร์โทรของหยิ่นเจิ้งได้จนขึ้นใจมานานแล้ว

หลี่ฝางมองเบอร์ที่โทรเข้ามา แล้วหัวเราะเหอะๆ “ไอ้แก่เจ้าเล่ห์นี่ ในที่สุดก็โทรมาสักที”

“โทรมาทำไม จะเอาตัวเมียคืนงั้นหรอ?” ไอ้หน้าหนวดถาม

หลี่ฝางส่ายหน้า “ไม่น่าจะใช่ เขารู้อยู่แล้วว่าต่อให้จะขอตัวคืน พวกเราก็ไม่มีทางคืน”

“ถ้าเราคืนตัวเมียให้เขาไป มีหวังไอ้หยิ่นเจิ้งขี้ขลาดตาขาวนั่นได้พาลูกชายไปขอขมารับโทษกับแมงป่องแน่” หลี่ฝางหัวเราะเหอะ แล้วกดรับสาย

เมื่อปลายสายรับ หยิ่นเจิ้งก็ถามหยั่งเชิง “คุณชายหลี่?”

“ใช่ ฉันเอง นายคือ?” หลี่ฝางแกล้งตีหน้ าซื่อ

“คุณชายหลี่ สวัสดี สวัสดีครับ ผมคือหยิ่นเจิ้ง พ่อของหยิ่นเหล่ย คุณคงจะเคยได้ยินชื่อผมมาบ้างใช่ไหมครับ?” น้ำเสียงของหยิ่นเจิ้งเต็มไปด้วยความเกรงอกเกรงใจ

หลี่ฝางพยักหน้า “คุณเป็นนักธุรกิจที่โด่งดังในอำเภอหลิน ฉันจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงได้ยังไง? ลุงหยิ่น เราสองตระกูลก็มีทำธุรกิจร่วมกันอยู่ ลืมไปแล้วหรอครับ?”

หยิ่นเจิ้งหัวเราะแห้ง “ไม่ลืมครับ ผมได้ยินว่าตอนนี้คุณชายหลี่ก็อยู่ที่อำเภอหลิน ไม่ทราบว่าพอจะมีเวลาเข้ามาเยี่ยมเยียนบริษัทผมหรือเปล่า?”

“หรือคุณชายหลี่มีงานอดิเรกอะไร ผมจะจัดการนัดคิวให้ ถึงอำเภอหลินของเราจะเล็ก แต่หลายอย่างก็ไม่แพ้เมืองเอกของพวกคุณเลย”

หยิ่นเจิ้งพูดแฝงความนัย

หลี่ฝางพยักหน้า “ลลุงหยิ่นไม่ต้องสิ้นเปลืองหรอกครับ แค่น้ำเปล่าแก้วเดียวก็พอ ไม่ต้องต้อนรับอะไรมากมาย”

หลี่ฝางเข้าใจความหมายของหยิ่นเจิ้ง เขาหมายถึงจะจัดเตรียมสาวๆให้

เห็นเขาเป็นพวกบ้ากามหรือไง

หลี่ฝางแสยะยิ้ม แล้วหยิบมวนบุหรี่ออกจากซอง “มา สูบสองมวน ถึงแล้วเราขึ้นไปพร้อมกัน”ไอ้หน้าหนวดตกใจ มองหลี่ฝางด้วยสีหน้าร้อนลน “คุณชายหลี่เสียสติไปแล้วหรอครับ? ถ้าคุณขึ้นไปกับผม งั้นแผนก็แตกสิครับ?”

“ขืนหยิ่นเจิ้งรู้ว่าคุณเป็นคนใส่ความเขา มีหวัง…”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะ “มันจะมีอะไร ถึงฉันไม่ยอมรับเอง แต่หลังจบเรื่องระดับอย่างหยิ่นเจิ้งคงสืบได้ไม่ยากว่านี่เป็นฝีมือฉัน”

หลี่ฝางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ว่ายังไงต่อให้หยิ่นเจิ้งจะรู้ว่าตัวเองกำลังวางกับดักใส่เขา เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

“ฉันก็อยากจะให้เขาได้รู้ว่าฉันไม่ใช่พวกไก่อ่อน ที่จะมาอาศัยตอนที่พ่อไม่อยู่แล้วก็จะรังแกฉันได้” หลี่ฝางพูด

พูดจบ หลี่ฝางก็ส่งหมวกแก๊บกับหน้ากากอนามัยไปให้ไอ้หน้าหนวด ซึ่งหลี่ฝางเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว

หลังผ่านไปประมาณสิบนาที หลี่ฝางกับไอ้หน้าหนวดก็มาถึงบริษัทของตระกูลหยิ่น

เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องงทำงานของหยิ่นเจิ้ง เสี่ยวถิงก็ออกมาต้อนรับหลี่ฝาง

“นาย?” ทันทีที่เห็นไอ้หน้าหนวด สีหน้าของเสี่ยวถิงก็เปลี่ยนไป

แม้ไอ้หน้าหนวดจะปลอมตัวก็ตาม แต่เสี่ยวถิงก็ยังมองออก

หลี่ฝางพูด “เขาเป็นคนของฉันเอง ไม่ต้องตกใจไป พาฉันเข้าไปพบเจ้านายของนายสิ”

หลี่ฝางไม่ใคร่สนทนากับเสี่ยวถิงนัก เขาก้าวฉับๆตรงเข้าไปข้างใน

เมื่อเดินเข้ามา หลี่ฝางก็หันไปพูดกับไอ้หน้าหนวด “เอาหมวกอะไรออกเถอะ อยู่ต่อหน้าหยิ่นเจิ้งเราไม่จำเป็นต้องหลบๆซ่อนๆ”

เมื่อไอ้หน้าหนวดเอาหมวกออก หยิ่นเจิ้งก็ลุกพรวดออกจากโซฟา

ใบบหน้าของหยิ่นเจิ้งเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

หยิ่นเจิ้งถลึงตาใส่ไอ้หน้าหนวด “ทำไมต้องใส่ความฉัน?”

“ลุงหยิ่นอย่าเพิ่งโมโห ผมเป็นคนสั่งให้เขาทำเอง” หลี่ฝางแสยะยิ้มแล้วเดินมายืนตรงหน้าหยิ่นเจิ้งก่อนจะนั่งลง “ถ้าลุงเฉียนมีอะไรไม่พอใจก็มาลงที่ผมได้เลย”

“คุณชายหลี่ คุณ…”

หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “คุณชายหลี่ ผมไปทำอะไรให้คุณแค้นใจหรอ? ถึงต้องทำร้ายผมแบบบนี้?”

หลี่ฝางส่ายหน้า “ลุงเฉียนไม่เคยทำให้ผมไม่พอใจเลยสักนิด ตรงกันข้ามผมต่างหากที่ติดหนี้บุญคุณลุงหยิ่น ผมทำกับหยิ่นเหล่ยขนาดนี้แท้ๆ แต่ลุงกลับไม่เอาเรื่องผม”

“รู้ก็ดี”

แม้ว่าหยิ่นเจิ้งจะเป็นคนมีความอดทนสูงแค่ไหน แต่วินาทีที่เห็นไอ้หน้าหนวด เขาก็อดระเบิดความโมโหไม่ได้

ถ้าหลี่ฝางไม่ออกหน้ารับความผิดใส่ตัวซะก่อน เกรงว่าหยิ่นเจิ้งคงได้กระโจมเข้าไปต่อยสักหมัด

“คุณชายหลี่ ตอนนี้ลูกผมต้องแบกรับความซวยแทนคุณ แต่คุณกลับทำแบบบนี้กับครอบครัวเรา นี่มันถูกต้องหรอ?” หยิ่นเจิ้งถามเสียงเย็นชา

“ผมทำเกินไปจริงๆ เพราะงั้นผมจึงอยากจะขอโทษลุงหยิ่น” หลี่ฝางพูด

“คุณเกือบจะฆ่าเราสองคนพ่อลูกอยู่แล้ว แค่คำว่าขอโทษคิดว่าจะหายหรอ?” หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว

“แน่นอนว่าไม่หาย เพราะงั้นเราถึงต้องมาคุยเรื่องค่าชดใช้ไงครับ การที่ลุงหยิ่นเรียกผมมาที่นี่ เดาว่าแมงป่องคนจะหมายหัวคุณแล้วสินะ จากความสามารถคุณในตอนนี้คงจะไม่พอที่จะประหน้ากับแมงป่องล่ะสิ? ถึงยังไงคุณก็เป็นนักธุรกิจคงจะใช้วิธีสกปรกแบบแมงป่องก็คงไม่ได้”

“เพราะงั้นคุณก็เลยจำเป็นต้องมีคนช่วย”

หลี่ฝางพูด “บางทีเวลานี้คุณอาจจะต้องการให้ผมช่วยชีวิต”

หยิ่นเจิ้งไม่ตอบ เพราะความคิดอ่านทั้งหมดของเขาถูกหลี่ฝางมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

หลี่ฝางเห็นหยิ่นเจิ้งเงียบก็หัวเราะ แล้วพูดต่อ “ดังนั้นผมจะชดใช้ด้วยการส่งลูกน้องมาช่วยคุณประมือกับแมงป่อง”

“คุณชายหลี่ ช่วยพูดให้มันชัดกว่านี้หน่อย ส่งลูกน้องมาช่วยผมหมายความว่าไง?” หยิ่นเจิ้งถาม

“หมายความว่าฉันให้นายยืมคนของฉันเพื่อสู้กับแมงป่อง” หลี่ฝางพูด

“แล้วทำไมคุณไม่ไปสู้เอง?”

หยิ่นเจิ้งพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมได้ยินว่าคนของแมงป่องบุกไปถึงเมืองเอกแล้วระเบิดถิ่นของคุณจนเสียหายไม่น้อย”

“ใช่ ฉันถึงอยากแก้แค้นไงล่ะ เขาว่ากันว่ามังกรที่แบ็งแกร่งก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับงูประจำถิ่น ฉันมาจากเมืองเอกอย่างมากก็เป็นแค่มังกร ย่อมไม่ใช่คู่ปรับของแมงป่องอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่กับลุงหยิ่น คุณเป็นงู แมงป่องก็เป็นงู ถ้ารวมผมที่เป็นมังกรเข้าไปด้วย เราสองคนก็คงเอาชนะแมงป่องได้จริงไหม?” หลี่ฝางพูดยิ้มๆ

“เมื่อแมงป่องถูกฆ่าจนสิ้นลาย ฉันก็นับว่าได้แก้แค้น แล้วคุณก็จะเป็นที่เลื่งลือไปทั่วอำเภอหลิน แล้วถ้าเป็นแบบนี้ก็จะยิ่งส่งผลดีกับธุรกิจคุณไม่ใช่หรือไง?” หลี่ฝางพูด

หยิ่นเจิ้งเหลือบมองหลี่ฝาง “ทั้งๆที่เป็นสงครามของพวกคุณแท้ๆ ทำไมต้องลากผมเข้าไปด้วย?”

“ว่ากันตามมารยาท คุณควรถามความเห็นผมแต่ไม่ใช้วิธีสกปรกมาใส่ร้ายผม บังคับให้ผมทำ” หยิ่นเจิ้งพูด

หลี่ฝางตอบ “ถ้าฉันไม่บีบลุงแบบนี้ ลุงก็คงไม่กล้าลงมือจริงไหม?”

“คนที่จะชนะเรื่องใหญ่ได้ ไม่สนใจรายละเอียดหรอก ขอแค่สุดท้ายชัยชนะเป็นของเราก็พอ ไม่ใช่หรอลุงหยิ่น? ฉันรู้ว่าตอนนี้ลุงเกลียดฉัน แต่ถ้าถึงวันที่เราคว้าชัยชนะมาได้ ลุงจะต้องขอบคุณฉันแน่” หลี่ฝางพูด

หยิ่นเจิ้งปรายตามองไอ้หน้าหนวด “เขาทำงานมาที่ตั้งสามปี คุณเอาอะไรไปล่อเขากันแน่ เขาถึงได้แทงแมงป่อง แล้วยังใส่ร้ายผม? เลขาผมบอกว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอด”

หลี่ฝางหัวเราะ “ในสายตาของคนอื่น ลุงหยิ่นเองก็เป็นคนขี้ขลาดตาขาวไม่ใช่หรือไง? แต่คุณก็ยังส่งคนไปเล่นงานแมงป่องอยู่เลยนี่?”

หยิ่นเจิ้งได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที หลี่ฝางจึงพูดต่อ “จางซินเฟย”

“ฉันเห็นจางซินเฟย ลูกน้องของแมงป่องขับรถมาที่บริษัทคุณ” หลี่ฝางพูดเสียงเรียบ

หยิ่นเจิ้งมองหน้าหลี่ฝาง “คุณชายหลี่ ไม่คิดเลยว่าคุณอายุน้อยๆแบบนี้แต่ฉลลาดหลักแหลมมาก ถ้าลูกผมฉลาดได้สักครึ่งนึงของคุณผมก็ดีใจแล้ว”

“ลูกน้องของแมงป่องที่แสนจะธรรมดาแบบนั้น แต่คุณกลลับจำได้แม้กระทั่งยี่ห้องรถที่เขาขับ”

หลี่ฝางยิ้ม “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”

“นับตั้งแต่วินาทีที่ฉันประกาศเป็นศัตรูกับแมงป่อง ข้อมูลทั้งหมดของเขาก็อยู่ในมือถือฉันเรียบร้อย ตกเย็นเวลาที่ไม่มีอะไรทำผมก็เปิดขึ้นมาดู ดูไม่กี่ครั้งก็จำได้แล้วล่ะ” หลี่ฝางพูด

หยิ่นเจิ้งคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “แล้วข้อมูลผมล่ะ?”

“ลุงหยิ่นถามอะไรน่ะ เราไม่ได้เป็นศัตรูกันสักหน่อย ผมไม่โจมตีคุณหรอก” หลี่ฝางยิ้ม

“ก่อนที่แมงป่องจะกลับไป จู่ๆก็ลากตัวลูกชายผมออกมาได้ เขารู้ที่ซ่อนลับที่มีแค่ผมกับเลขาเท่านั้นที่รู้” จู่ๆหยิ่นเจิ้งก็พูดขึ้น

หลี่ฝางส่งเสียงอ้อ แล้วแหงนหน้ามองเสี่ยวถิง “ลุงหยิ่น โจรที่อยู่ในบ้านก็ยากจะป้องกันล่ะนะ”

“คนแบบนี้รีบไล่ออกไปจะดีกว่า” หลี่ฝางพูด

ตอนนี้หยิ่นเจิ้งกำลังสงสัยว่าคนที่ส่งข้อความให้แมงป่อง มีความเป็นไปได้ที่เป็นหลี่ฝาง แต่ในเมื่อหลี่ฝางไม่ยอมรับหยิ่นเจิ้งก็ไม่รู้จะทำยังไง

เสี่ยวถิงก็ไม่กล้าพูดอะไร ในเมื่อเรื่องนี้ตัวเขาเองก็น่าสงสัยมากจริงๆ

หยิ่นเจิ้งกระแอม แล้วพูดยิ้มๆ “เสี่ยวถิงโตมากับผม เขาไม่มีทางหักหลังผมแน่”

เสี่ยวถิงได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ

“ช่างเถอะ ว่าแต่คนของคุณชายหลี่จะมาถึงเมื่อไหร่?”

เห็นหลี่ฝางไม่ยอมรับ หยิ่นเจิ้งเองก็ไม่ได้ไล่ต้อนต่อ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องรีบกำจัดแมงป่องถึงจะถูก

“กำลังเดินทางมาแล้ว” หลี่ฝางพูด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน