NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 725 หลี่ฝางรู้สึกกลัวแล้ว

บทที่ 725 หลี่ฝางรู้สึกกลัวแล้ว

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดื่มไปเยอะ หรือว่าคิดถึงเรื่องราวในอดีตกันแน่……

หยิ่นเจิ้งในตอนนี้ จู่ๆก็ร้องไห้ออกมา

“เหอะๆ ลุงหยิ่น คุณโตขนาดนี้แล้ว ยังจะร้องไห้ทำไม?”หลี่ฝางยิ้มๆ พูดถามขึ้น

หยิ่นเจิ้งส่ายหัว พูดตอบ”เงินมันไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีเลย มันทำให้คนสูญเสียสติลืมตัวตนของตัวเอง”

“คุณร้องไห้ให้ตัวเอง? หรือว่าร้องไห้ให้กับพี่น้องของคุณ?”หลี่ฝางถามขึ้น

หลี่ฝางรู้สึกไม่เข้าใจ ว่าหยิ่นเจิ้งเป็นอะไรกันแน่

รู้สึกว่าตัวเองสูญเสียความเป็นตัวเองไปไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็เลยร้องไห้ออกมา?

หรือว่าพี่น้องของเขาใกล้จะตาย รู้สึกอาลัยอาวรณ์ก็เลยร้องไห้?

“น่าจะเป็นอันหลังนะ”

หยิ่นเจิ้งพูดขึ้น”นอกจากคนในครอบครัวของผมแล้ว เสี่ยวถิงก็เป็นคนที่สนิทที่สุดของผม”

“ตอนนี้เขากำลังจะตายแล้ว หรือผมไม่ควรจะร้องไห้อย่างนั้นเหรอ?”หยิ่นเจิ้งพูดขึ้นด้วยความเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ พร้อมกับพูดขึ้น”ถ้าคุณเจ็บปวดหัวใจจริงๆ ก็ไม่ควรร้องไห้ แต่ควรจะโทรไปบอกลูกน้องของคุณ ให้พวกเขาหยุดลงมือซะ”

“เสี่ยวถิงไม่ตาย ก็จะกลายเป็นอันตรายกับฉันภายหลัง”หยิ่นเจิ้งส่ายหัว พูดขึ้น

หลังจากที่หยิ่นเจิ้งพูดจบแล้ว น้ำตาที่ใบหน้า ก็แห้งหายไปทันที แทนที่ด้วย สีหน้าที่ทะเยอทะยานอย่างแรงกล้าเหมือนกับก่อนหน้านี้ หลี่งฝางส่ายหัว พูดขึ้น”น้ำตาที่ไหลออกมาของคุณเมื่อตะกี้ มันคือน้ำตาจระเข้ใช่ไหม?”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ พูดขึ้น”เจ้าเล่ห์จริงๆ”

หยิ่นเจิ้งพูด”นี่ไม่ได้เรียกว่าเจ้าเล่ห์ แต่เรียกว่าผู้ที่กระทำการใหญ่ไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยต่างหากล่ะ ควรจะมีจิตใจที่โหดเหี้ยมและไม่อ่อนไหวง่ายๆ คุณชายหลี่ คุณยังเด็ก อาจจะไม่เข้าใจสิ่งนี้ก็ได้”

“คุณแทบไม่รู้เลยว่าการที่ผมจะสามารถอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้ มันไม่ได้ง่ายๆเลย ผมต้องปีนขึ้นมาทีละก้าวๆ กว่าจะมาถึงจุดๆนี้ ผมไม่อยากร่วงลงไปอีกแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนที่อาจจะทำให้ผมร่วงหล่นลงไปได้ ผมก็ต้องกำจัดทิ้งให้หมด แม้ว่าคนคนนั้น จะเป็นเพื่อนสนิทอันเป็นที่รักของผมก็ตาม”

หยิ่นเจิ้งพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น”ตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเหล่าจักรพรรดิต่างก็โหดเหี้ยมไร้จิตใจกันทั้งนั้น”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ”พอแล้ว พูดแก้ต่างให้กับความเห็นแก่ตัวของเองให้มันน้อยๆหน่อย ผมรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่าแทนเสี่ยวถิงเลยสักนิด

เขารวมหัวจมท้ายอยู่กับคุณมาตลอดทั้งทาง ผ่านอุปสรรคความทุกข์ยากมากมายมาตั้งเท่าไร เกรงว่าเขาก็ไม่ได้ทุกข์ยากน้อยไปกว่าคุณเหมือนกัน แต่ ตอนที่เขากำลังจะได้เริ่มใช้ชีวิตของเขา กลับถูกพี่น้องของตัวเองฆ่าตายเสียอย่างนั้น ให้ผมเดานะ เสี่ยวถิงจะต้องนอนตายตาไม่หลับแน่นอน”

“จริงๆแล้ว คำถามที่คุณถามผมก่อนหน้านี้ มันเกินความจำเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ต่อให้ไม่ใช่เสี่ยวถิงเป็นคนทำก็เถอะ คุณก็ฆ่าเขาอยู่ดี”

หลี่ฝางพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ

หยิ่นเจิ้งไม่ได้พูดแก้ต่างอะไร ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากในบ้านของเสี่ยวถิง

มีพวกคนสองสามคน สวมชุดสีดำทั้งตัว หนีออกมาจากบ้านของเสี่ยวถิง พวกเขาโทรศัพท์มาหาหยิ่นเจิ้ง บอกเขา ว่าทุกคนไม่เว้นแต่คนเฒ่าคนแก่ลูกเด็กเล็กแดงของครอบครัวเสี่ยวถิง ถูกระเบิดตายจนหมดแล้ว

ตอนที่ได้ฟังข้อมูลนี้ หยิ่นเจิ้งก็ยกเหล้าขึ้นมา ดื่มไปสองคำ

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า มองดวงดาวที่กระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า พร้อมกับพูดขึ้น”เสี่ยวถิง อย่าว่าพี่เลยนะ ชาติหน้า พี่จะเป็นม้าเป็นวัวให้กับนายเอง เพื่อชดเชยให้กับสิ่งที่ทำกับนายในชาตินี้”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ”ลุงหยิ่น คุณนี่ใจเหี้ยมโหดจริงๆ ทั้งครอบครัวคนแก่และเด็ก คุณก็ไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”

“พวกเขาอาจจะรู้ความลับของผม ถ้าขืนผมปล่อยไว้ ก็จะเป็นอันตรายต่อผมภายหลังได้ แถมถ้าลูกชายของเขามีชีวิตอยู่ แล้วต่อไปได้รู้ความจริงขึ้นมา จะต้องมาแก้แค้นผมแน่นอน”

หยิ่นเจิ้งพูดขึ้น”คุณชายหลี่ ผมไม่ใช่คนดีอะไร ผมรู้อยู่แก่ใจ คุณอย่าต่อว่าอะไรผมเลย”

“เหอะๆ แค่คำเยาะเย้ยไม่กี่คำก็รับไม่ได้แล้ว”หลี่ฝางรู้สึกเสียดายแทนเสี่ยวถิง

ในตอนนี้เอง หยิ่นเจิ้งก็รับโทรศัพท์จากบริษัท หลังจากที่วางสายแล้ว สีหน้าของหยิ่นเจิ้งก็ดูนิ่งขรึมเข้มงวดขึ้นมาผิดปกติทันที

เขาขมวดคิ้วพูดขึ้น”ไอ้แมงป่อง คงจะบ้าไปแล้ว”

“มันทำไมเหรอ?”หลี่ฝางถามขึ้นต่อ

หยิ่นเจิ้งตอบ”เมื่อตะกี้พนักงานของผมบอกผมว่า คนของแมงป่อง กำลังสืบหาเบาะแสผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผมอยู่ ดูท่าแล้ว มันคงคิดจะลงมือกับพวกตำแหน่งสูงๆของบริษัทผมแน่ๆ”

เพิ่งจะพูดจบ จู่ๆหยิ่นเจิ้งก็หัวเราะออกมา”ผมกำลังเศร้าที่หาแพะรับบาปไม่ได้อยู่เลย ฮ่าๆ พอดีเลย การตายของเสี่ยวถิง ผมจะได้ยกความผิดทุกอย่างไปให้กับแมงป่องเลยแล้วกัน”

หลี่ฝางส่ายหัวพูดอะไรไม่ออก

ตอนนี้ หยิ่นเจิ้งกับแมงป่องกำลังสู้รบกัน ช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ บ้านของเสี่ยวถิงก็เกิดการระเบิดขึ้น แน่นอนว่าผู้คนมากมายจะต้องคิดว่าเป็นฝีมือของแมงป่องแน่นอน

ต่อให้ไม่เกิดสงครามขึ้น ก็ไม่มีใครสงสัยว่าเป็นฝีมือของหยิ่นเจิ้งอยู่ดี

ต่อให้เป็นจ้าวโหย่วฉาย ก็ยังไม่เชื่อ

หลี่ฝางมองหยิ่งจู้น ก่อนจะพูดขึ้น”ดูท่าแมงป่องคงจะเริ่มรู้สึกโมโหแล้ว ช่วงหลายวันมานี้ คุณระวังตัวหน่อยก็ดี”

“ผมไม่เป็นห่วงพวกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทพวกนั้นหรอก เทียบกับพวกเขาแล้ว ผมเป็นห่วงลูกชายของผมมากกว่า ดูท่าครั้งนี้แมงป่องคงจะโกรธจริงๆแล้ว มันจะต้องบ้าคลั่งแน่ๆ”หยิ่นเจิ้งพูด”แมงป่องในตอนนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น”

หลี่ฝางพยักหน้า พูดขึ้น”แล้วมันยังไง พวกเราใช้เวลาทั้งคืนในการทำลายธุรกิจของแมงป่องตั้งหลายแห่งขนาดนั้น เกรงว่าต่อจากนี้ไป สถานที่ทั้งหมดของแมงป่องจะต้องเข้าสู่สภาพรกร้างอย่างแน่นอน”

“แมงป่องมีลูกน้องมากมายที่ต้องเลี้ยงดู ไม่มีพวกแขกพวกลูกค้าแล้ว มันจะต้องบ้าแน่ๆ”

หลี่ฝางพูดแนะนำหยิ่นเจิ้ง”ถ้าคุณเป็นห่วงลูกชายล่ะก็ ส่งตัวลูกชายคุณมาให้กับผมสิ ส่งไปที่เมืองเอก ตระกูลหลี่ของพวกเรามีสถานตากอากาศอยู่หนึ่งหลัง ปลอดภัยมาก อย่าว่าแต่แมงป่องเลย ต่อให้เป็นตระกูลลู่ ก็บุกเข้าไปไม่ได้”

หยิ่นเจิ้งส่ายหัว พูดขึ้น”ช่างเถอะ เอาเขาไว้ในบ้านของจ้าวโหย่วฉาย ผมก็วางใจได้แล้ว”

หลี่ฝางมองหยิ่นเจิ้ง จู่ๆก็ขมวดคิ้ว พูดขึ้น”ลุงหยิ่น คุณคงจะไม่ตั้งหน้าตั้งรอแมงป่องบุกเข้าไปแย่งตัวลูกชายคุณจากในบ้านของจ้าวโหย่วฉายอย่างใจจดใจจ่ออยู่หรอกนะ?”

“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว จ้าวโหย่วฉายก็จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคุณ ช่วยคุณต่อกรกับแมงป่องอย่างสุดหัวใจ”

“ผมช่วยเรื่องคน คุณช่วยเรื่องเงิน บวกกับจ้าวโหย่วฉายไปอีกล่ะก็ ต่อให้แมงป่องจะสุดยอดแค่ไหน ก็คงจะต่อสู้รับมือได้อยู่ไม่กี่วันหรอกใช่ไหม?”

หลี่ฝางพูดจบ จู่ๆก็ตัวสั่น

ตอนแรกก็สั่งให้คนไปฆ่าพรรคพวกพี่น้องของตัวเอง จากนั้น ก็ยังหลอกใช้ลูกชายของตัวเองอีก หรือว่าหยิ่นเจิ้งคนนี้ ไม่สนใจใยดีชีวิตของลูกชายตัวเองเลยอย่างนั้นเหรอ?

หลี่ฝางขมวดคิ้ว มองหยิ่นเจิ้ง”เขาเป็นลูกชายแท้ๆของคุณนะ แม้แต่เขาคุณก็ยังหลอกใช้อย่างเหรอ?”

หยิ่นเจิ้งพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”นอกจากเขาจะสร้างปัญหาให้กับผมแล้ว ยังทำอะไรให้กับผมได้อีก? แล้ว เขาในตอนนี้ ไม่ใช่ลูกของผมแล้วด้วย พูดให้ถูกต้องก็คือ เขาไม่ใช่ผู้ชายแล้ว แล้วผมจะเอาเขาไปทำไมอีก?”

หยิ่นเจิ้งหันไปมองหลี่ฝาง แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดเคียดแค้น

“ถ้าเขาช่วยให้ผมทำการใหญ่ได้สำเร็จ ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ผมเลี้ยงดูเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านก็แล้วกัน”หยิ่นเจิ้งพูดขึ้นอย่างเย็นชา

หลี่ฝางมองหยิ่นเจิ้ง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น”ดูท่า คงจะไม่ใช่แมงป่องหรอกที่บ้า เป็นคุณต่างหากที่บ้าคลั่ง ลุงหยิ่น คุณในตอนนี้ เปลี่ยนไปเป็นอีกคนแล้ว คุณในตอนนี้ ไม่ใช่คนแล้วจริงๆ”

ในเวลานี้ หลี่ฝางเริ่มรู้สึกว่าหยิ่นเจิ้งน่ากลัวขึ้นมาแล้ว

หยิ่นเจิ้งไม่ได้พูดอะไร แต่โทรศัพท์ไปหาพวกตำแหน่งสูงๆของบริษัทตัวเอง ลาหยุดให้กับพวกเขา ให้คนเหล่านั้น ออกไปพักผ่อนที่ต่างประเทศ รอถึงตอนที่รู้ผลแพ้ชนะของตัวเองกับแมงป่องเมื่อไร เมื่อนั้นค่อยกลับมา

ส่วนเรื่องบริษัท เอาไว้ก่อน ตอนนี้หยิ่นเจิ้งก็ขี้เกียจที่จะหาเงินแล้วเหมือนกัน เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ของเขา ก็คือละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะกำจัดแมงป่องคนเดียว

พอหลังจากที่แมงป่องถูกกำจัดแล้ว เขาก็จะเริ่มทำการล้างบางครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในอำเภอหลินเป็นของตัวเองทั้งหมด

พูดได้เลยว่า หยิ่นเจิ้งมีจิตใจที่ทะเยอทะยานมาก

หยิ่นเจิ้งหันไปมองหลี่ฝาง ก่อนจะพูดขึ้น”ถึงไม่ใช่คนผมก็ยอม คนที่ไม่เห็นแก่ตัวเองยอมโดนเอารัดเอาเปรียบก็จะตายเพราะพฤติกรรมของตัวเอง ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมทำอะไรผิด หลายปีมานี้ ผมก็เป็นคนที่มีความทะเยอะทะยานชอบความท้าทายแบบนี้มาโดยตลอด คุณชายหลี่ ผมยังมีธุระอีก ขอตัวก่อนแล้วกันครับ”

“ใช่แล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัย คุณสามารถพาพวกลูกน้องของคุณไปพักที่โรงแรมของผมได้นะครับ หรือไม่ก็กลับไปที่เมืองหลักซะ”

ตอนที่กำลังจะเดินไป หยิ่นเจิ้งหันมาพูดแนะนำหลี่ฝาง”โรงแรมของผมไม่ใช่แค่ปลอดภัยอย่างเดียว สภาพแวดล้อมก็ดีด้วยนะครับ”

หลี่ฝางส่ายหัว ปฏิเสธ”ขอโทษครับ ลุงหยิ่น ตอนนี้ผมชักจะเริ่มกลัวคุณแล้ว ดังนั้นจึงอยากจะอยู่ให้ห่างจากคุณสักหน่อย”

หลี่ฝางไม่ได้โง่ ไปที่โรงแรมของเขา ก็เท่ากับว่าถูกหยิ่นเจิ้งจับตาดูอยู่ไม่ใช่หรือไง?

ถ้าเป็นแบบนี้ เวลาหลี่ฝางทำอะไร ก็จะถูกหยิ่นเจิ้งรู้หมด หลังจากที่หยิ่นเจิ้งจากไปแล้ว หลี่ฝางก็หยิบมือถือออกมา โทรไปหาไอ้หน้าหนวด

หลังจากรับสายแล้ว หลี่ฝางก็เปิดปากพูดทันที”ช่วยมาแล้วยัง?”

“ช่วยมาเรียบร้อยแล้วครับ สมาชิกในครอบครัวสี่คน ช่วยออกมาหมดแล้วครับ”ไอ้หน้าหนวดหัวเราะแหะๆ พูดขึ้น”คุณชายหลี่ คุณนี่ช่างคาดการณ์ได้อย่างกับเทพจริงๆนะครับ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน