NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 729 พาโหจื่อไปก่อเรื่อง

บทที่ 729 พาโหจื่อไปก่อเรื่อง

จู่ๆหลี่ฝางก็รู้สึกผิดขึ้นมา

หรือเรียกได้ว่า หลี่ฝางรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีเหตุผล

ไม่ว่าจะเป็นเฉียนเฟิงหรือว่าเฉินเสี้ยว จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้มีอะไรกับลู่หลุ่ยเลย แต่ปฏิกิรยาตอบสนองของตัวเองกลับทำเกินกว่าเหตุเกินไป

เฉียนเฟิงถูกทำซะจนหมดสภาพ กลายเป็นเหมือนกับหยิ่นเหล่ย

เฉินเสี้ยวก็ถูกทำให้เสียโฉม ต่อให้จะรักษาฟื้นฟูใบหน้ามาได้ ก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว

แล้วลู่หลุ่ยล่ะ?

หลี่ฝางก็ทำร้ายเธอสองครั้งติดกัน

แต่ ตัวเอง?

ตัวเองแอบไปมีอะไรอย่างลับๆกับฉินวี่เฟยและหลินชิงชิงลับหลังลู่หลุ่ยอยู่เรื่อยๆ……

ในตอนนี้ หลี่ฝางรู้สึกว่าตัวเองห่วยสุดๆ

ลู่หลุ่ยหัวเราะ ก่อนจะพูดขึ้น“ช่างเถอะ คุณไม่ต้องอธิบายอะไรกับฉันแล้ว ฉันก็ไม่อยากฟังแล้วเหมือนกัน เพราะว่าในใจของฉันรู้ดีอยู่แล้ว”

“หลี่ฝาง ขอให้คุณมีความสุขกับผู้หญิงทั้งสองคนนั่นก็แล้วกัน”

ลู่หลุ่ยพูดจบ ก็เดินจากไปอีกครั้ง แต่หลี่ฝางยื่นมือออกไปรั้งลู่หลุ่ยไว้ทันที

ลู่หลุ่ยหันหน้ากลับมา ตบเข้าไปที่หน้าของหลี่ฝางหนึ่งที เสียงดังชัดเจน ดึงดูดสายตาจำนวนไม่น้อย

ที่ใบหน้าของหลี่ฝาง ก็มีรอยมือห้านิ้วประทับไว้อย่างเห็นได้ชัด

หลี่ฝางมองลู่หลุยอย่างเหม่อลอย ในตอนนี้ลู่หลุ่ยมีสีหน้าดุร้าย

ลู่หลุยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนจะตะคอกคำราม“หลี่ฝาง ฉันทนคุณมามากพอแล้ว คุณเลิกมาเกาะแกะตามตื้อฉันสักที”

นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฝางเห็นลู่หลุ่ยโมโหเกรี้ยวกราดขนาดนี้ แรงตบในครั้งนี้ ความโมโหเกรี้ยวกราดที่สุ่มอยู่ในใจของลู่หลุ่ย ไม่มีลดหลั่นไปเลยแม้แต่น้อย

หรือว่าบางที หลี่ฝางก็รู้สึกว่าตัวเองสมควรถูกตบเหมือนกัน

ถ้าได้ล่ะก็ หลี่ฝางก็อยากให้ลู่หลุ่ยตบตัวเองต่ออีก สักสิบที ถึงขนาดที่ตบทั้งวันก็ยังได้

ขอแค่ ลู่หลุ่ยให้อภัยเขาก็พอ

น่าเสียดาย หลังจากที่ลู่หลุ่ยตบไปแล้ว ก็สะบัดมือของหลี่ฝางออก ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

คนที่มุงดูอยู่รอบข้าง ต่างก็เริ่มพูดซุบซิบ หัวเราะเยาะกัน

แต่หลี่ฝางราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เขาเดินออกจากโรงเรียนไปอย่างเหม่อลอยไร้สติ

รถปอร์เช่918คันหนึ่ง มาจอดอยู่ตรงทางเข้าโรงเรียน

“เจ้านาย รถของคุณครับ”ลู่เชามาอยู่ตรงหน้าของหลี่ฝาง พร้อมกับยื่นกุญแจรถให้กับเขา

หลี่ฝางรับมา ก่อนจะหันไปมองลู่เชา“ช่วงหลายวันนี้ ลู่หลุ่ยไม่ได้อยู่ใกล้กับผู้ชายคนไหนใช่ไหม?”

ลู่เชาส่ายหัว พูดขึ้น“ตอนนี้คนในโรงเรียน ส่วนใหญ่ก็รู้สถานภาพของคุณกันหมดแล้ว ดังนั้นก็มีแต่พวกที่ไม่ลืมหูลืมตาเท่านั้นแหละครับที่กล้ามาแย่งแฟนของคุณ นอกซะจากว่าเขาจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว”

ตอนแรกหลี่ฝางนึกว่าลู่หลุ่ยจะมีคนใหม่ แต่ดูท่าไม่น่าจะใช่

“ช่วยจับตาดูเธอเอาไว้หน่อย”หลี่ฝางพูดขึ้น

ลู่เชาพยักหน้า พูดขึ้น“จับตาดูตลอด ไม่เคยละสายตายเลยครับ คุณชาย”

หลี่ฝางเข้าไปข้างในรถ ขณะที่รถกำลังจะสตาร์ตออกไป จู่ๆหลี่ฝางก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดขึ้น“ลู่เชา ช่วยแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปหน่อย บอกคนในโรงเรียนว่า ฉันกับลู่หลุ่ย เลิกกันแล้ว”

“แล้วก็ ไม่ต้องไปจับตาดูเธอแล้วด้วย จำเอาไว้ ออกห่างจากเธอซะ”

หลี่ฝางพูดขึ้นอย่างจริงจังสุดๆ

หลี่ฝางรู้ ว่าไม่มีใครที่ชอบความรู้สึกเวลาถูกจับตาดูอยู่หรอก

ความรู้สึกแบบนี้ หลี่ฝางให้ไปไม่เยอะ แต่กลับได้ครอบครองไม่น้อยเลย

รวมถึงชีวิตส่วนตัวของลู่หลุ่ย หลี่ฝางก็เข้ามาครอบครองเอาไว้ด้วย

ไม่นาน หลี่ฝางขับรถ มาถึงยังทางเข้าของสถานตากอากาศ

ในเวลานี้ โหจื่อได้มารอเขาอยู่ตรงประตูเรียบร้อยแล้ว

ไม่เจอกันหลายวัน โหจื่อเปลี่ยนไปมาก เขาดูแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยเลย

“ขึ้นรถมาสิ”หลี่ฝางกวักมือ พูดขึ้น

พอมาอยู่ตรงหน้ารถ โหจื่อไม่ได้ขึ้นรถทันที“คุณชาย ให้ผมเป็นคนขับได้ไหม”

หลี่ฝางลงจากรถ ส่งกุญแจให้กับเขา ส่วนตัวเองก็ไปนั่งที่นั่งข้างๆคนขับ

“เหอะๆ รถคันนี้เท่ไม่เบาเลยจริงๆ”โหจื่อขับรถไปพลาง พูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี

หลี่ฝางยิ้มๆ“รถหรูของนาย ฉันเคยเห็นมาแล้ว”

พูดจบ หลี่ฝางก็หลับตาลง คิดถึงคำพูดของลู่หลุ่ย

ตัวเองกับลู่หลุ่ย คงจะจบกันไปทั้งแบบนี้แล้วสินะ

ลู่หลุ่ยเป็นคนที่ไม่ยอมมองข้ามและไม่ยอมปล่อยวางไปง่ายๆ เรื่องที่ตัวเองไปเกี่ยวพันกับฉินวี่เฟยและหลินชิงชิง ในเมื่อถูกเธอรู้เธอเห็นแล้ว เธอจึงไม่มีทางให้อภัยเขาอีก

“อะไรกันครับคุณชาย ไปอำเภอหลินได้ไม่กี่วัน พอกลับมา สภาพเหี่ยวแห้งขนาดนี้ได้ยังไง”โหจื่อพูดหยอกล้อขึ้น

หลี่ฝางส่ายหัว“เปล่า เป็นเพราะช่วงสองสามวันนี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับ”

“ไม่ต้องกังวลแล้วครับ จริงๆแล้วลุงของผมช่วยตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว ว่าคนที่แอบลงมือร้ายคุณ ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นลูกพี่หลินนั่นเองครับ”โหจื่อพูดขึ้น

“ลูกพี่หลิน? ทำไมเขาถึงต้องทำขนาดนี้?”หลี่ฝางขมวดคิ้วถามขึ้น

หลี่ฝางคิดไม่ถึงว่าจะลูกพี่หลินจะเป็นคนลงมือ

สี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ มู่เสี่ยวไป๋ เป็นคนที่ลงมือกับตัวองคนนั้นก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน หลี่ฝางไม่เข้าใจ

ถ้าท่านจวนลงมือกับตนเอง หลี่ฝางก็พอจะหาเหตุผลให้กับตัวเองได้อยู่

แต่พอเป็นลูกพี่หลิน หลี่ฝางคิดไม่ถึงจริงๆ

“จะเพราะอะไรได้อีกล่ะ? นอกจากเรื่องผลประโยชน์”โหจื่อพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ลูกพี่หลินมีธุรกิจของตัวเองที่ต้องบริหารจัดการ แต่พวกเรากลับไม่ยอมร่วมงานกับพวกเขา ดังนั้นเขาจึงมาลงมือกับพวกเรายังไงล่ะครับ”

“คุณควรจะรู้ ว่าลูกพี่หลินทำธุรกิจอะไร ตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ สี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ แล้วก็ท่านจวนต่างก็ตั้งใจที่จะร่วมงานกับเขาแล้ว มีแค่พวกเราเท่านั้น ที่ไม่มีใครไปร่วมทำธุรกิจกับเขาเลยสักคน”

โหจื่อยิ้มๆ พูดขึ้น“คุณชาย คุณว่าพวกเราจะทำยังไงดี?”

“จริงๆผมว่าพวกเราลงมือจัดการเขาเองเลยก็ได้”โหจื่อทำท่าเชือดคอ

“ลุงเฉียนส่งคนไปสืบหาสถานที่ที่เขาซ่อนตัวเจอแล้ว”โหจื่อพูดขึ้น

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ตั้งมั่นอย่างแน่วแน่เอาไว้ในใจแล้ว ถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อแท้ๆของหลินชิงชิง ถ้าตัวเองส่งคนไปฆ่าลูกพี่หลิน ต่อไปจะไปเจอหน้าหลินชิงชิงได้ยังไง?

หลี่ฝางมองโหจื่อ ถามขึ้น“มีหลักฐานไหม?”

“หลักฐาน? คุณชายครับ พวกเราทำอะไรจำเป็นต้องมีหลักฐานด้วยเหรอ?”โหจื่อหัวเราะออกมา

หลี่ฝางพูดขึ้น“ฉันกลัวจะเป็นการไปเอาเปรียบคนดีเข้าน่ะสิ”

โหจื่อพูดต่อว่าด้วยความโมโห“ถุ้ย ลูกพี่หลินเนี่ยนะ คนดี? เขาไม่ถือว่าเป็นคนเลยด้วยซ้ำ”

“ช่างมันเถอะ ผมรู้ว่าที่คุณปกป้องลูกพี่หลินก็เพราะว่าหลินชิงชิง ได้ คุณต้องการหลักฐานใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ครั้งหน้า ผมจะหาหลักฐานให้คุณเอง”

โหจื่อพูดขึ้น“คุณชาย พวกเรามีเรื่องอะไรก็พูดกันก่อน ถ้าหาหลักฐานเจอแล้ว พวกเราก็จะไม่สามารถปกป้องความผิดของไอเวรนั่นได้อีกแล้วนะ”

หลี่ฝางตอบอือกลับมาอย่างนิ่งๆ

โหจื่อถอนหายใจออกมา ก่อนจะเร่งความเร็วรถ

ช่วงเวลาพลบค่ำ หลี่ฝางมาถึงยังถนนที่คึกคักสายหนึ่งในเมืองเอก

ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าของบาร์แห่งหนึ่งที่ชื่อว่าking โหจื่อชี้ไปพร้อมกับถามขึ้น“ร้านนี้ ถูกต้องไหมครับ?”

“ถูก เป็นถิ่นของท่านจวน”หลี่ฝางพยักหน้า

“คนที่ไม่สนหน้าไม่สนตานั่น ตอนนี้ ได้ล้อมพวกเราไว้หมดทุกทิศทางแล้ว แถมตัดขาดกับพวกเราแล้วด้วย ครั้งนี้ ผมจะสั่งสอนบทเรียนให้กับหมอนี่อย่างดีเลย”โหจื่อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

โหจื่อเข้าไปในบาร์ทันที ส่วนหลี่ฝางเดินตามข้างหลัง

พอเข้าไปข้างใน โหจื่อก็ตรงมาที่boothที่นั่งที่ใหญ่ที่สุด กระชากคอเสื้อของคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ขึ้นมา“ไอน้อง ถอยไปหน่อยได้ไหม?”

“ทำไมฉันต้องถอย?”

ราคาของboothที่นั่งนี้ไม่ใช่น้อยๆ คนที่สามารถนั่งได้ จะต้องไม่ใช่คนจนทั่วๆไปแน่นอน

โหจื่อไม่สนคำพูดนั่นเลยสักนิด กระชากคอเสื้อของเขา ซัดออกไปทันที“ทำไมต้องถอย? ก็เพราว่าฉันชื่อว่าโหจื่อยังไงล่ะ”

“พวกแกที่เหลือ ถ้าไม่อยากมีสภาพเละแบบมัน ก็รีบไสหัวออกไปซะ”

โหจื่อพูดขึ้นด้วยความยโสโอหัง

คนที่ถูกโหจื่อซัดไปคนนั้น อย่างน้อยก็น้ำหนักประมาณเจ็ดสิบห้ากิโล แต่โหจื่อกลับยกเขาขึ้นมาได้ราวกับยกไก่ตัวเล็กๆก็ไม่ปาน

คนที่นั่งอยู่ที่boothนั่น ต่างก็พากันตกใจโหจื่อจนเผ่นหนีออกไปกันหมด

โหจื่อส่ายหัว พูดขึ้นด้วยความหดหู่ใจ“พวกผู้ชายหนีไปก็ดีอยู่หรอก แต่พวกผู้หญิงก็หนีไปด้วยนี่สิ เห้อ เซ็งจริงๆ”

“ทำไมกัน ฉันดูเหมือนพวกนักบุญที่ละกิเลสตัณหามากหรือไง?”

โหจื่อเยาะเย้ยตัวเองหนึ่งประโยค จากนั้นก็ล้วงมือถือออกมา ก่อนจะพูดขึ้น“เอาล่ะ ส่งเข้ามาให้ฉัน”

ไม่นาน ทุเรียนมากมายก็ทยอยกันมาเสิร์ฟตรงหน้าของโหจื่อ

แม้ว่าทุเรียนจะอร่อยมาก แต่กลิ่นมันเหม็นมาก กลิ่นลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณรอบๆทันที

จากนั้น โหจื่อก็พูดกับคนที่เอาทุเรียนมาส่ง“ทำไมมีแต่ทุเรียน เต้าหู้เหม็นล่ะ?”

“จะมาเดี๋ยวนี้ครับ”คนคนนั้นรีบพูดขึ้นมาทันที

“ไปเสิร์ฟที่โต๊ะที่อยู่ตรงข้าม เข้าใจไหม?”โหจื่อชี้ไปที่หลี่ฝาง

ก่อนหน้านี้ห้านาที หลี่ฝางมาถึงยังboothที่นั่งของโหจื่อจากนั้นก็หยิบเงินปึกหนามาหนึ่งปึก วางลงบนโต๊ะ“เพื่อน ขอที่นั่งตรงนี้ได้ไหม?”

“คุณ……คุณคือคุณชายหลี่สินะ?”อีกฝั่งรู้จักหลี่ฝาง จึงรีบเปลี่ยนสีหน้าท่าทีทันที

“ใช่ ฉันเอง”หลี่ฝางพอเห็นว่าอีกฝั่งรู้จักตัวเอง ก็เลิกคิ้วพูดขึ้น“ช่วยไว้หน้าสักครั้งได้ไหม?”

“ครับๆๆ”อีกฝั่งรีบลุกขึ้นยืนทันที

ตอนนี้ นอกจากคนของสี่ตระกูลยักษ์ใหญ่และมู่เสี่ยวไป๋แล้ว จะมีใครกล้ามาก้าวก่ายหลี่ฝางได้อีก?

“เอาเงินพวกนี้ไปซะ ฉันไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร”หลี่ฝางพูดขึ้น

หลังจากที่คนคนนั้นหันกลับมาเอาเงินไปแล้ว หลี่ฝางดันเหล้าที่อยู่บนโต๊ะลงไปบนพื้นทั้งหมด ไม่นาน เต้าหูเหม็นก็ทยอยมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ

หลี่ฝางกวักๆมือ พูดกับพนักงานที่อยู่ริมๆ“เรียกหญิงบริการของที่นี่มาให้หน่อย boothใหญ่ขนาดนี้ คงจะไม่ใช่ให้ฉันนั่งคนเดียวหรอกใช่ไหม?”

“เอ่อคือ……”สีหน้าของพนักงานดูอึดอัดไม่น้อย

“ทำไม กลัวว่าฉันไม่มีเงินเหรอ? หรือว่าที่นี่ไม่มีหญิงบริการ?”หลี่ฝางสีหน้าเยือกเย็นทันที

พนักงานคนนั้นรีบพูดขึ้นทันที“คุณชายหลี่ เดี๋ยวผมจะไปเรียกให้เดี๋ยวนี้เลยครับ”

ไม่นานที่boothของหลี่ฝางและโหจื่อ ก็มีสาวสวยมานั่งเต็มไปหมด

ส่วนหลี่ฝางกับโหจื่อก็เริ่มคะยั้นคะยอให้สาวๆพวกนี้กินทุเรียนและเต้าหู้เหม็น

คงเป็นเพราะว่าตั้งแต่บาร์เปิดกิจการมาในช่วงหลายปีมานี้ เพิ่งจะเคยเจอแขกที่กินทุเรียนกับเต้าหู้เหม็นในบาร์แบบนี้เป็นครั้งแรก

กลิ่นที่ลอยคละคลุ้งไปทั่ว ทำให้คนในบาร์ เริ่มจะได้กลิ่นเหม็น ส่วนหลี่ฝางกับโหจื่อก็กินอย่างเอร็ดอร่อย

พวกหญิงบริการพวกนั้นก็เช่นเดียวกัน เพราะว่าหลี่ฝางสัญญาไว้ว่า ถ้ากินเต้าหู้เหม็นกล่องนี้หมด ก็จะได้เงินรางวัลหนึ่งหมื่น

ดังนั้นหญิงบริการพวกนี้จึงไม่เพียงแต่กินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างสุดชีวิตอีกด้วย

หญิงบริการทั้งบาร์ ต่างพากันขยับเข้ามาใกล้หลี่ฝาง ไม่สนใจแขกคนอื่นเลย

จะมีแขกโต๊ะไหนที่ใจปล้ำแบบโต๊ะของหลี่ฝางอีกบ้าง?

ที่นั่งรอบๆ ก็เริ่มมีคนทยอยกันออกไปเรื่อยๆ

พอแต่ละที่นั่งเริ่มมีที่ว่าง ก็จะมีคนมานั่งต่อทันที ถ้าไม่นั่งกินพวกทุเรียนก็กินพวกเต้าหู้เหม็น

ในที่สุด ทั้งบาร์ ก็ไม่มีกลิ่นอื่นใดอีก ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยกลิ่นของทุเรียนและเต้าหู้เหม็น พอแขกเข้ามา ต่างก็พากันปิดจมูกเดินออกไปกันทุกคน

ในที่สุด ผู้จัดการล็อบบี้ก็ทนไมไหว เดินมาอยู่ตรงหน้าของหลี่ฝาง

“คุณชายหลี่ พวกเรามีไปทำอะไรให้คุณเคืองโกรธหรือเปล่า?”ผู้จัดการล็อบบี้พูดถามขึ้น

พอเจอกับคำถามที่รู้ๆคำตอบกันอยู่แล้วแต่ก็ยังจงใจถาม หลี่ฝางก็เลยขี้เกียจตอบกลับ ก่อนจะยื่นเต้าหู้เหม็นออกไปทันที“กินไหม?”

“ไม่กิน ขอบคุณครับ”

“คุณชายหลี่ ถ้าคุณมีเรื่องอะไรค้างคาใจ พวกเรามานั่งคุยกันดีๆก็ได้นี่ครับ ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วย มันส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเรานะครับ คุณว่าใช่ไหมล่ะ?”

ผู้จัดการล็อบบี้พูดขึ้น

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความโมโหไม่น้อย“หมายความว่ายังไง แกกำลังบอกฉันว่ากินเต้าหู้เหม็นมันน่าเกลียดมากเลยเหรอ?”

“คุณชายหลี่ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ”

“แล้วแกหมายความว่ายังไง?”หลี่ฝางถามต้อนขึ้นต่อ

ผู้จัดการล็อบบี้สบถเหอะ ในที่สุดก็อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว“ผมรู้ครับ หญิงบริการที่นี่ของพวกเรามีบางส่วนที่เปลี่ยนงานมาจากสถานที่ของคุณ แต่นี่มันก็โทษพวกเราไม่ได้นะครับ ในสังคมตอนนี้ ทุกคนต่างก็ไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน ใครๆต่างก็ทำทุกวิธีถางเพื่อให้ได้เงินมาทั้งนั้น ถ้าที่ไหนหาเงินได้ พวกเธอก็จะไปที่นั่น คุณจะโยนความผิดมาที่พวกเราไม่ได้นะครับ”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ“แกหมายความว่า ฉันบริหารจัดการผับบาร์ไม่เป็นอย่างนั้นสินะ?”

“ได้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป แกไปมาช่วยฉันดูแลจัดการที่สถานที่ของฉันแทนแล้วกัน ถ้ากิจการแย่กว่าที่นี่ ฉันจะเด็ดหัวของแกทิ้งซะ”สีหน้าของหลี่ฝางเยือกเย็นทันที

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน