NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 731 ความคิดของท่านจวน

บทที่ 731 ความคิดของท่านจวน

“นายกล้ายิงปืน?”

ไอ้เด็กซนแสดงสายตาที่ไม่เกรงกลัวออกมา พลางมองโหจื่อ

“ที่นี่มันที่ของฉัน ถ้านายกล้ายิงปืนล่ะก็ ฉันรับประกันได้เลยว่านายกับคุณชายของพวกนาย จะก้าวออกจากประตูไม่ได้แม้แต่ครึ่งก้าว” ไอ้เด็กซนพูดขู่ด้วยเสียงเย็นชา

โหจื่อหัวเราะเหอะๆ : “งั้นเหรอ?”

“พวกนายเก่งขนาดนั้นเลย ที่ไม่ยอมให้พวกฉันออกจากห้องไปแม้แต่ครึ่งก้าว?” โหจื่อยิ้มอย่างดูถูก และในตอนนั้นหลี่ฝางก็ควักโทรศัพท์ออกมา และพูดกับคน ที่ปลายสาย: “ลงมือ”

ทันใดนั้น ซินปาก็พาคนบุกเข้ามาในบาร์แห่งนี้ ใช้เวลาไม่กี่นาที ก็สามารถคุมตัวคนทั้งหมดไว้ได้

ที่หน้าประตู มีซินปาและคนของเขาอีกหลายคนยืนอยู่

ซินปาพูดขึ้นที่หน้าประตู: “คุณชาย บาร์แห่งนี้ ถูกพวกเราคุมไว้หมดแล้ว”

“นายกล้าแตะคนของฉัน?”

สีหน้าของไอ้เด็กซนแสดงให้เห็นถึงความโมโห เขามองไปที่หลี่ฝางพลางพูด: “นายในตอนนี้ถูกศัตรูล้อมหน้าล้อมหลัง มีศัตรูเต็มบ้านเต็มเมือง แต่ยังกลับกล้ามาทำให้พวกเราไม่พอใจ?”

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “ข้างกายฉัน นอกจากเพื่อน ก็คือศัตรู พวกนายก็ไม่ยอมมาเป็นเพื่อนฉัน งั้นฉันก็คงทำได้แค่ให้นายเป็นศัตรู”

“แล้วก็นายคิดว่าฉันจะรู้สึกกลัว? ฉันว่านายดูถูกฉันเกินไปนะ ท่านจวนที่อยู่เบื้องหลังนายก็ไม่เห็นถึงความสัมพันธ์ในอดีตเลย งั้นฉันก็จะไม่นึกถึงมัน”

หลี่ฝางหันไป และพูดกับซินปาที่อยู่ด้านหลัง: “บาร์แห่งนี้ พังมันทิ้งให้หมด”

“ครับ คุณชาย” ซินปาพยักหน้า จากนั้นด้านนอกห้องส่วนตัว ก็มีเสียงแตกหักดังขึ้นมา

ถึงแม้ไอ้เด็กซนจะโกรธ แต่เขาก็ทำได้แค่มองตาปริบๆ ไม่กล้ากระดิก เพราะว่าปืนของโหจื่อ มันจ่ออยู่ที่หัวของเขา

“ถ้านายกล้าขยับ ฉันจะลั่นกระบาลนายซะ” โหจื่อพูดกับไอ้เด็กซน แล้วหัวเราะเหอะๆ

ไอ้เด็กซนหรี่ตา นัยน์ตาแสดงให้เห็นถึงความอาฆาต: “คิดไม่ถึงว่าไม่เจอหลายปี นายมีความสามารถเพิ่มขึ้นนะ ฉันจำได้เมื่อสามปีก่อน นายไม่กล้าพูดคำพวกนี้กับฉัน”

“ใช่แล้ว ตอนนั้นนายเก่งขนาดไหน ในตอนนั้นนายก็คือลูกบุญธรรมของท่านจวน ผู้สืบทอดที่เขาเลือก นอกจากหลอซ่า ฐานะของนาย ก็ไม่มีใครเทียบได้แล้ว พวกเราเจอนาย ยังต้องเรียกนายว่าคุณชายกันหมด แต่วันนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว พวกเราไม่ใช่พี่น้องร่วมรบแล้ว ดังนั้น ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องไว้หน้านายแล้ว”

โหจื่อหัวเราะเหอะๆ พลางพูด: “แล้วก็ ฝากบอกท่านจวนด้วยนะ ถ้าหากเขาต้องการเปิดศึก งั้นก็มาเลย พวกเราไม่กังวลที่เรื่องหน้าตา”

“นี่เป็นความต้องการของนาย หรือว่าของคุณท่านรองเฉียนกันแน่?” ไอ้เด็กซนถามขึ้น

โหจื่อพูด: “นี่คือความต้องการของพวกเราทุกคน เมื่อก่อน เป็นลูกพี่ใหญ่ของเรามีใจเมตตา ให้พวกเราไม่ต้องไปงี่เง่ากับเรื่องในอดีต แต่ว่า พวกเราไม่เคยลืมมันเลย ในตอนนั้นที่พวกนายเย็นชาและนิ่งดูดาย”

“ศึกเป็นพวกนายที่เริ่มก่อ แต่ว่า สุดท้ายพวกนายกลับหนี พวกเราเลยไปต่อสู้แทนพวกนาย พวกนายมันเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง ควรจะเลือดไหลได้ตั้งนานแล้ว”

โหจื่อพูด แล้วก็กดคอของไอ้เด็กซน ลงบนโต๊ะบาร์

กระสุนหนึ่งนัด ยิงผ่านข้างหูของไอ้เด็กซน

ไอ้เด็กซนกรีดร้อง ราวก็คนนอนไม่หลับอยู่ครู่

โหจื่อหัวเราะเหอะๆ : “วางใจ ฉันไม่ได้ยิงหูนายทิ้ง ก็แค่ถลอกนิดหน่อย ให้นายได้มีเลือดไหลบ้าง”

โหจื่อปล่อยไอ้เด็กซน และเอาปืนเก็บเข้ากระเป๋าของตน

ส่วนไอ้เด็กซนก็หาโอกาส ลงมือทันที จู่ๆ ก็ใช้มือข้างนึงคว้า ไปทางคอของโหจื่อ

แขนของไอ้เด็กซน ทำท่างอเอาไว้ ราวกับใช้ท่ากรงเล็บมังกรของเส้าหลิน แต่โหจื่อก็เหมือนกับจิ้งจกตัวนึง เกาะไปตามบนผนัง เมื่อมาถึงข้างกายไอ้เด็กซน ก็ตบไปที่ไหล่ของเขา และพูด: “ด้านบน”

เมื่อไอ้เด็กซนหันหน้ามอง โหจื่อก็ตบหน้าอย่างจัง ทำเอาไอ้เด็กซนลงไปกองกับพื้น

ไอ้เด็กซนล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง พลางมองโหจื่ออย่างเหลือเชื่อ

“ทำไมนายถึงได้พัฒนาเยอะขนาดนี้?”

ไอ้เด็กซนจำได้คลับคล้ายคลับคลา ว่าเมื่อสามปีก่อน ฝีมือของโหจื่อ ยังไม่ดีเท่านี้

โหจื่อหัวเราะเหอะๆ : “ยังจะเพราะอะไรได้อีก ก็เพราะว่าฉันฉลาด นายโง่ไง”

โหจื่อปัดมือ มายืนอยู่ตรงหน้าไอ้เด็กซน แล้วพูด: “พูดตามตรง ท่านจวนก็เป็นไอ้เต่าหัวหดจริงๆ ถึงแม้เขาจะนำเราออกมา แต่ว่า ที่พวกเรายอมรับ ก็มีแค่หลอซ่าคนเดียว ท่านจวน ไม่มีค่ามาเป็นลูกพี่เราสักนิด”

“ไอ้เต่าหัวหดแบบนั้น น่าขายหน้าจริงๆ”

โหจื่อพูดอย่างดูถูก: “อะไรก็ไม่เป็น เป็นแค่มองคนแล้วสั่งการ”

“เหอะๆ เขาคงคิดว่าลูกพี่ใหญ่พวกเราไม่กลับมาแล้ว ดังนั้นจึงให้นายมาหาเรื่องคนของพวกเรา แบบนี้ ฝั่งสี่ตระกูลใหญ่ก็จะคิดว่าท่านจวนและพวกเราตัดความสัมพันธ์กันแล้ว ถึงตอนนั้น ไม่ว่าพวกเราจะแพ้อีกครั้ง เขายังสามารถยืนฝ่ายเดียวกับสี่ตระกูลใหญ่ และร่ำรวยไปด้วยกัน”

“ถ้าลูกพี่ใหญ่ของพวกเรากลับมา พวกเราชนะ ท่านจวนก็จะบอกว่าตนป่วย ตนไม่รู้อะไรทั้งนั้น ให้นายรับกรรมแทนเขาไป บอกว่าทั้งหมดเป็นความคิดของนาย จากนั้นก็แสดงละครเศร้าต่อหน้าลูกพี่ใหญ่ของพวกเราสักครั้ง”

โหจื่อยิ้ม แล้วพูด: “ฉันเขียนบทละครให้นายแล้ว นายคิดว่าไง?”

“ท่านจวนป่วยจริงๆ” ไอ้เด็กซนขมวดคิ้วพลางพูด

“เหรอ? งั้นก็ต้องหาหมอดีๆ มารักษาเขาแล้ว ถ้าไม่งั้นเอาแบบนี้ ส่งเขามาที่โรงพยาบาลของพวกเรา ให้พวกเรารักษาเขาอย่างดี”

โหจื่อพูด: “ถ้าช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ ก็ให้พวกเราช่วยเขาจบชีวิตอย่างสงบสุข รับรองจะไม่เขาเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย”

“นาย……” ต่อหน้าคำเหยียดหยามของโหจื่อ ไอ้เด็กซนก็กัดฟันแน่น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ถึงยังไง ฝีมือของโหจื่อในตอนนี้เหนือชั้นเขาอยู่

แล้วก็ โหจื่อยังมีปืนด้วย

ดังนั้น เขาไม่กล้าพูดอะไรไม่ดี

หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที ทั้งบาร์ ก็ถูกพังจนยับเยิน ในตอนนั้นหลี่ฝางพูดกับสาวสวยที่อยู่ในห้อง: “ถ้าหากที่ของพวกเราไม่ปลอดภัย งั้นทั้งเมืองเอกก็ไม่มีสถานที่ไหนปลอดภัยแล้ว”

“ฉันหวังว่าจะเป็นคนที่ของฉัน เลือกทางเลือกใหม่ วันนี้ฉันแค่จะพังสถานที่ไม่ทำร้ายคน ถือว่าเป็นการให้โอกาสพวกนายครั้งนึง ถ้าหากว่าพวกนายยังจะดื้อดึงไม่เปลี่ยนล่ะก็ งั้นก็ ครั้งต่อไปแม้แต่คนพวกเราก็จะพังไปพร้อมกัน”

หลี่ฝางพูดจบ ก็เดินมายังด้านหน้าของซินปา แล้วพูด: “พูดออกไป ประชาสัมพันธ์สถานที่ของเรา ใครกล้าเก็บไว้ ก็พังไปพังสถานที่ ของคนนั้น”

“ครับ คุณชาย”

ซินปาพยักหน้า และไปทำตามทันที

“คุณชายหลี่ แบบนี้มันบ้าคลั่งไปหน่อยนะ” ไอ้เด็กซนคลานขึ้นมาจากพื้น แล้วพูดกับหลี่ฝาง: “ในเมืองเอกไม่ใช่นายคนเดียวที่จะพูดอะไรก็ได้”

“ฉันรู้ แต่ฉันจะบอกพวกนายให้ ใครรังแกฉัน ก็ไม่ได้” หลี่ฝางพูดเสียงเย็นชา: “ถึงจะแตะฉันแค่ปลายเล็บ ฉันก็จะหันมือมันมา”

หลังจากหลี่ฝางพูดจบ ก็เดินก้าวออกไปจากบาร์

โหจื่อหัวเราะเหอะๆ : “เพลินจริงๆ หลายวันมานี้ฝึกกับแม่ของนาย ถือได้ว่าทรมานแทบตาย สมควรแล้วจริงๆ ที่จะต้องออกมาหายใจหายคอบ้าง”

“เมื่อกี้ไอ้เด็กซนนั่น สั่งสอนมันซะสะใจจริงๆ” โหจื่อพูด: “ฉันไม่ค่อยชอบขี้หน้ามันมานานและ”

หลี่ฝางสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูด: “ความสัมพันธ์ของท่านจวนกับพ่อของฉันไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าฉันทำแบบนี้ หลังจากที่พ่อฉันกลับมา จะถูกตำหนิมั้ย”

โหจื่อพูดอย่างไม่แคร์: “ตำหนิก็ตำหนิสิ มีอะไรให้กังวลกัน นายเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขานะ เขาจะลงโทษอะไรนายได้?”

“ให้พูดอีกอย่าง ท่านจวนคนนั้น ก็ไม่คิดถึงคนอื่นจริงๆ ถึงกลับยิงคนของเราอย่างเปิดเผย” โหจื่อพูด

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “มู่เสี่ยวไป๋ ซือถูเฟยคนพวกนั้น ช่วงนี้ทำอะไรกันอยู่? ทำไมถึงไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย?”

“ไม่มี สะอาดสุดๆ ซือถูเฟยชวงนี้มักไปที่คฤหาสน์ เหมือนว่าอยากจะรับโก่เอ๋อไปที่ตระกูลซือถู แต่ก็ถูกยัยโก่เอ๋อนั้นหลอกไปหลายครั้ง”

“ส่วนมู่เสี่ยวไป๋กับมู่หรงฉางเฟิง ระยะนี้ดูสนิทกับลูกพี่หลิน เหมือนกันว่า พวกเขากำลังหาเงินกัน”

“เรื่องปัญหาที่เข้ามาหาพวกเรา บางที พวกเขาก็มีส่วนร่วม แต่พูดจริงๆ ก็เป็นแค่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีค่าพอให้เราไปลงมือ หรือบางที พวกเรากำลังรออยู่……”

โหจื่อพูด

หลี่ฝางมองโหจื่อ แล้วถาม: “พวกเรากำลังรออะไร?”

“รอข่าวจากลูกพี่ใหญ่ ความคืบหน้าของลูกพี่ใหญ่ ตอนนี้ถูกเปิดเผยหมดแล้ว ไม่ใช่แค่สี่ตระกูลใหญ่ แม้แต่คนชั้นใต้ดินของสโมสรเจียงหนาน ก็เร่งไปหาฝั่งลูกพี่ใหญ่แล้ว”

“เป้าหมายของพวกเขา ก็คือทำให้ลูกพี่ใหญ่ไม่มีทางกลับมา”

“พูดแบบไม่น่าฟัง ถ้าหากลูกพี่ใหญ่มีเกิดเรื่องไม่คาดคิด พวกมู่หรงฉางเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องลงมืออะไรกับพวกเราเลย พวกเราก็ต้องหนีออกจากประเทศไปอย่างเชื่องๆ เหมือนกับเมื่อก่อน ใช้ชีวิตหนีตาย”

โหจื่อพูด: “ดังนั้น พวกเราจะชนะได้มั้ย ก็ทำได้แค่ดูว่าลูกพี่ใหญ่จะได้กลับมามั้ย”

“ลูกพี่ใหญ่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น เพื่อที่จะไม่ทำร้ายหลายชีวิต เขาจึงจงใจพาทุกคน ไปที่ต่างประเทศ” โหจื่อพูดด้วยน้ำเสียงซับซ้อน: “ฉันอยากจะไปช่วย แต่ลุงเฉียนก็ไม่ยอมให้ฉันไป”

“โหจื่อ นายพูดกับฉันจากจริงใจ ครั้งนี้พ่อฉันจะกลับมาได้มั้ย?” หลี่ฝางถามอย่างเต้นใจรัว

โหจื่อส่ายหน้า แล้วพูด: “ฉันไม่รู้ บนโลกนี้ไม่มีเรื่องไหนแน่นอน ฉันไม่ได้พูดให้หมดกำลังใจ แต่ถ้าลูกพี่ใหญ่มีเปอร์เซ็นต์ที่จะชนะอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ งั้นเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องย้ายศึกนี้ไปที่ต่างประเทศหรอก”

“ไม่กี่วันก่อน ฉันได้ยินลุงเฉียนพูด ตอนที่ลูกพี่ใหญ่ไปกะทันหัน ก็จัดการเรื่องข้างหลังแล้ว พูดไว้ซะดิบดี” โหจื่อพูด

ใจของหลี่ฝาง ดำดิ่งลงไปไม่น้อย: “พูดแบบนี้ พ่อของฉันเขา……”

“คุณชาย ฉันพูดเรื่องพวกนี้ ก็แค่อยากให้นายเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเผชิญในด้านนี้ ไม่ใช่ให้นายมองในแง่ลบ ที่จริงความสามารถของลูกพี่ใหญ่ ถ้าเขาอยากจะหนี บนโลกนี้ ก็มีไม่กี่คนที่สามารถฆ่าเขาได้”

โหจื่อพูด: “สิ่งเดียวที่พวกเราต้องกังวล คือลูกพี่ใหญ่จะเกิดมีความคิดที่จะฆ่ามั้ย”

“ความคิดที่จะฆ่า?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว

“ก็คือเพื่อที่จะล้างแค้นแทนพวกเรา ถึงแม้มีโอกาสที่จะหนี แต่ในใจก็อยากจะยอมแพ้” โหจื่อพูดอธิบาย

“ช่างเถอะ รออยู่เงียบๆ ดีกว่า ศึกฝั่งนั้น ก็เกิดขึ้นมาแล้ว เชื่อว่าไม่กี่วันนี้ ก็จะมีผลลัพธ์ออกมาแล้ว” โหจื่อถอนหายใจเฮือกใจ: “ฝั่งพวกเรา ก็ต้องปกป้องบ้านให้ดี และรอฮีโร่ลูกพี่ใหญ่ของพวกเรากลับมาอย่างเงียบๆ ”

“อืม” หลี่ฝางพยักหน้า

“ดูเหมือนคืนนี้นายเอาแต่ทำหน้าบึ้ง มีเรื่องในใจเหรอ?” โหจื่อมองหลี่ฝาง แล้วถามขึ้น

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี: “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ความรู้สึกของฉันคนเดียวที่มีปัญหา ก่อนจะมา ฉันอกหัก จากแฟนสาวของฉัน ลู่หลุ่ย พวกเราเลิกกันจริงๆ แล้ว”

“พวกเราทะเลาะกันรุนแรงมาก ฉันคิดว่าฉันไม่มีโอกาสแล้ว ที่จริงฉันอารมณ์ดาวน์มากๆ อยากจะหาใครสักคน หาที่ที่นึง แล้วดื่มให้เมา แต่หน้าฉันมีเรื่องหลายเรื่อง ต้องการให้ฉันจัดการ ฉันไม่มีเวลาหรือแรงที่จะไปเศร้า ทำได้แค่เลือกที่จะอดทน” หลี่ฝางพูด

“นายโตแล้ว คุณชาย ไม่ได้ทำอะไรโดยขาดเหตุผลแล้ว” โหจื่อมองหลี่ฝาง แล้วยิ้มแบบเข้าใจ

หลี่ฝางยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้ม: “เหรอ? ฉันก็ไม่รู้ ฉันได้เปลี่ยนเป็นโตขึ้นจริงๆหรือเปล่า ก็แค่ ฉันรู้ว่า ณ จุดนี้ ฉันไม่สามารถเหมือนคนธรรมดา ที่อกหักแล้วก็ไประบายได้ ระบายอารมณ์ นี่ไม่ใช่ปัญหาของคนอื่น มันคือปัญหาของตัวฉันเอง ฉันจำเป็นที่จะต้องจัดการด้วยตัวเอง ถ้าหากจัดการได้ช้า ไอ้หมอนั่น ก็จะเหยียบบนที่ของฉันต่อไป”

“ไอ้เด็กซนเหรอ? ไม่รู้ว่าท่านจวนคิดยังไงกันแน่ หรือว่า เขาอยากจะกลืนกินพวกเราจริงๆ?” โหจื่อขมวดคิ้ว แล้วพูด: “ถ้าหากเป็นแบบนั้น ไอ้หมอนั่น ก็น่ากลัวจริงๆ”

“ถ้าหากไม่ใช่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกิดปัญหากับพวกเรา เพื่อผู้หญิงไม่กี่คน”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท