NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 751 เป้าหมายที่แท้จริงของท่านจวน

บทที่ 751 เป้าหมายที่แท้จริงของท่านจวน

หลี่ฝางเรียกได้ว่าพูดเปิดอกอย่างหมกเปลือกแล้ว ไม่รอให้ท่านจวนซักถามก่อน ก็สารภาพออกมาสักแล้ว

คราวนี้ ท่านจวนก็อึ้งไปสักพัก ไอ้เด็กที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้เดินตามแผนที่ตัวเองวางเอาไว้แม้แต่น้อย?

ท่านจวนขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความมึนงง นี่มันหมายความว่าไง?

โง่รึเปล่า?

ยอมรับผิดมาตรงๆ บอกว่าเป็นคนฆ่าหมากของตัวเอง?

เดิมที ท่านจวนก็ค่อนข้างมั่นใจ ว่าต้องเป็นฝีมือของตระกูลหลี่ ที่ฆ่ากลุ่มคนเมื่อคืน แต่พอหลี่ฝางเป็นคนเอ่ยปากยอมรับผิดขึ้นมาก่อน ท่านจวนที่เต็มไปด้วยความสงสัย กลับเริ่มสับสนขึ้นมา รึว่า คนร้ายจะเป็นคนอื่น? ท่านจวนจ้องมองหลี่ฝางด้วยความสงสัย ยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “เสี่ยวฝาง ลุงจวนก็อายุปูนนี้แล้ว แกอย่ามาพูดล้อเล่นกับลุงจวนแบบนี้สิ ถ้าเกิดลุงจวนเชื่อขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?”

“ลุงจวน คุณดูสีหน้าของผม เหมือนกำลังพูดเล่นกับคุณอยู่รึเปล่า?”

หลี่ฝางหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “พวกเราล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ เพียงแค่ว่าผมเป็นคนเริ่มพูดออกมาก่อนก็เท่านั้นเอง”

ตรงหว่างคิ้วของท่านจวน ก็เผยรังสีอาฆาตออกมาเล็กน้อย

พวกที่ตายไป ท่านจวนไม่ได้รู้สึกเสียดาย

ยังไงซะคนก็มีอีกตั้งเยอะ พอหัวหน้ากลุ่มเล็กๆพวกนั้นตายไป ลูกน้องของพวกเขา ก็ยังสามารถขึ้นมารับตำแหน่งแทนได้

แต่ว่า กระทำของตระกูลหลี่ กลับเป็นการตบหน้าของท่านจวนอย่างแรง

และหลี่ฝางที่ยอมรับเรื่องนี้ ต่อหน้าท่านจวนตรงๆ ยิ่งเท่ากับว่าตบหน้าของ ท่านจวนจนมีเลือดไหลออกมา

ยั่วยุ เป็นการยั่วยุอย่างแน่นอน……

นี่มันเป็นการบอกว่าไม่เห็นท่านจวนอยู่ในสายตา

ท่านจวนพูดด้วยใบหน้าที่สบายๆ “ไม่ว่าจะยังไง ฉันและตระกูลหลี่ของพวกแกล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาด้วยตลอด ต่อให้หลายวันมานี้จะมีเรื่องผิดใจกันเล็กน้อย แต่ต่างฝ่ายก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก……แต่พวกแก กลับลงมือฆ่าคนของฉันไปสิบคน แถมแต่ละคนยังเป็นลูกน้องที่ค่อนข้างมีฝีมือของฉันอีก……”

“ตระกูลหลี่เอาความสัมพันธ์เก่าๆของพวกเรา โยนลงถังขยะหมดแล้วรึไง?”

ใบหน้าของท่านจวน ได้เผยความน่าเกรงขามของผู้สูงอายุออกมา

ถึงแม้ท่านจวนจะแก่แล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยริ้วรอย แต่ว่าในริ้วรอยของเขา กลับแฝงไปด้วยจิตวิญญาณที่ต่อให้เป็นวัยรุ่นก็ใช่ว่าจะมี

“ความสัมพันธ์เก่าๆ? ถ้าพูดถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน แกยังจำได้ไหมว่าแกเคยให้คำสัญญาอะไรเอาไว้กับพ่อของฉัน?”

หลี่ฝางมองท่านจวน แล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นชา “แกเคยให้คำมั่นสัญญากับพ่อของฉัน ชาตินี้ทั้งชาติ จะไม่มีว่าเข้าไปแตะต้องกับผงขาว จะไม่หาเงินกับสิ่งที่เอาไว้ทำร้ายผู้คน เพราะงั้นพ่อของฉันจึงได้ตกลงกับแก”

“และตอนนี้ แกได้ทำเรื่องอะไรไว้บ้างล่ะ?”

น้ำเสียงของหลี่ฝางเต็มไปด้วยความโกรธ “ท่านจวน แกก็อายุปูนนี้แล้ว ถ้าจะพูดให้ดูแย่หน่อย เท้าของแกก็เหยียบหลุมศพไปแล้วก้าวนึง จะหาเงินเยอะขนาดนั้นไว้ทำไม? สะสมความดีให้กับตัวเองเอาไว้ไม่ดีกว่ารึไง?”

สีหน้าของท่านจวนยังคงมืดมนเหมือนเดิน ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของหลี่ฝางแม้แต่น้อย

ท่านจวนส่งเสียงเฮิงออกมา แล้วมองไปยังหลี่ฝาง “แกอายุเท่าไหร่เอง กลับคิดจะสั่งสอนฉันซะแล้ว”

“แกคิดจริงๆเหรอว่าที่ฉันเรียกแกมา ก็เพื่อที่จะเลี้ยงข้าวแกอย่างเดียวน่ะ?” จู่ๆท่านจวนก็ยิ้มออกมา

“แน่นอนว่าไม่คิดอยู่แล้ว เมื่อคืนตระกูลหลี่ฆ่าคนของแกไปเยอะขนาดนั้น แกจะต้องวางแผนที่จะทำอะไรฉันเอาไว้อย่างแน่นอน” พอหลี่ฝางพูดจบ จู่ๆก็อึ้งไปเล็กน้อย

เดิมทีก็คิดว่าครั้งนี้ที่ท่านจวนเชิญตัวเองมา ก็เพื่อที่จะบีบให้ยอมรับผิด

แต่พอดูจากผลลัพธ์ในตอนนี้ รู้สึกจะไม่ใช่อย่างงั้น

ท่านจวนไม่ได้มีท่าทีที่จะซักถามเหตุการณ์ฆ่าคนเมื่อคืนแม้แต่น้อย ยิ่งไม่คิดที่จะเอาผิดด้วยซ้ำ

หลี่ฝางทำหน้าเครียด มองไปยังท่านจวน แล้วถามว่า “ที่แกเรียกฉันมา ตกลงว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ หรือว่าต้องการจะกักขังฉันเอาไว้จริงๆ?”

ท่านจวนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ไม่ได้ให้คำตอบ แต่กลับจ้องมองไปยังการต่อสู้ของโหจื่อและฟีนิกซ์ แล้วพูดอย่างชิวๆว่า “ดูสิ น่าตื่นเต้นดีน่ะ”

ตอนนี้ การต่อสู้ระหว่างโหจื่อและฟีนิกซ์ อยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย

ทุกท่าที่โหจื่อใช้ล้วนเป็นท่าสังหาร ไม่คิดที่จะออมมือให้กับฟีนิกซ์แม้แต่น้อย ส่วนทางด้านฟีนิกซ์เองก็เหมือนกัน เตรียมใจที่จะเอาชีวิตของโหจื่ออยู่ตลอดเวลา

ฝีมือของทั้งสอง ไม่ได้แตกต่างกันมาก

สู้มานานขนาดนี้ ก็ยังดูไม่ออกว่าใครจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

แต่ว่ายิ่งสู้ต่อไป ใบหน้าของฟีนิกซ์ กลับยิ่งประหลาดใจ

ฟีนิกซ์เดินถอยไปหนึ่งก้าว เช็ดเลือดที่อยู่ในมุมปาก มองโหจื่อด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แล้วถามว่า “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมแกถึงได้แข็งแกร่งขึ้นมาขนาดนี้กัน?”

ตั้งแต่ที่โหจื่อกลับมา ฟีนิกซ์ก็คอยสังเกตโหจื่อมาโดยตลอด

ทุกการกระทำของโหจื่อ ล้วนไปถึงหูของฟีนิกซ์มาด้วยตลอด

แต่จากข้อมูลที่ฟีนิกซ์ได้รับมา โหจื่อไม่น่าจะเป็นคู่มือของเธอถึงจะถูก

แต่ตอนนี้ โหจื่อกลับสามารถต่อสู้ได้สูสีกับตัวเอง……

ทันใดนั้น ฟีนิกซ์ก็รู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย “รึว่า ตั้งแต่ที่แกกลับมาในประเทศ แกก็จงใจปิดบังฝีมือของตัวเองมาโดยตลอด?”

นอกจากเหตุผลนี้ ฟีนิกซ์ก็นึกเหตุผลอื่นไม่ออกแล้ว

โหจื่อหัวเราะฮิๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องพูดมาก วันนี้ฉันจะฆ่าคนทรยศแทนอาจารย์เอง”

“พูดจบอวดดีสักจริง คิดจะฆ่าคนทรยศ แกมีความสามารถนั้นไหมล่ะ?” ฟีนิกซ์ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความเย็นชา จากนั้นก็ปล่อยฝ่ามือ ออกไปตรงๆ

ฝ่ามือนี้ อัดไปยังอากาศ ทำให้เกิดเสียงที่แหลกคมจนแสบหูออกมา

โหจื่อไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย สวมกลับมันไปโดยตรง ทั้งสองต่างก็ถอยไปคนละก้าว มุมปากก็กระอักเลือดออกมา

ทั้งสองคนนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่ากำลังเล่นกับชีวิตอยู่

ท่านจวนไม่รีบและไม่ร้อนรน แต่หลี่ฝางกลับมีเหงื่อแตกซีดออกมาแทนโหจื่อ ยังไงซะ ที่นี่ก็เป็นถิ่นของท่านจวน ท่านจวนและตัวเอง เมื่อกี้ก็เพิ่งจะเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา

ถ้าเกิดโหจื่อบาดเจ็บ สุดท้ายต่อให้ชนะมาได้ ก็คงจะหนีออกจากวิลล่าจูเซียนของท่านจวนไม่ได้ง่ายๆ

เพราะงั้น ไม่ว่าโหจื่อจะแพ้หรือชนะ ชะตากรรมของเขา ก็คง……

หลี่ฝางทำหน้าเครียด แล้วมองไปยังโหจื่อ ด้วยความร้อนรนเล็กน้อย

สิ่งที่โหจื่อถนัดที่สุด ไม่ใช่กังฟู แต่เป็นปืนของเขา

แต่ว่า ทำไมเขาถึงไม่ยอมใช้ปืนล่ะ

เวลานี้ พอหลี่ฝางลองดมดูดีๆ ก็ได้กลิ่นของแก๊สเล็กน้อย หลี่ฝางมองหน้าท่านจวน แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ภายในบ้านหลังนี้ ทำไมถึงได้มีกลิ่นของแก๊ส?”

ท่านจวนพูดอย่างสบายๆว่า “ฉันเคยได้ยินความเก่งกาจของถานเหิน ฝีมือการยิงปืนของเขานั้นไร้ที่ติ ต่อให้ป้องกันยังไงก็กันไม่อยู่ ต่อให้เป็นทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกนี้ ก็ไม่กล้าดูถูกเขา”

“ถีงแม้ฝีมือการยิงปืนอขงฟีนิกซ์จะเก่งกาจ แต่ว่ากลับถนัดการยิงจากระยะไกล แต่โหจื่อนั้นไม่เหมือนกัน ต่อให้สู้กันซึ่งๆหน้า เขายังสามารถหยิบปืนออกมา แล้วสังหารคนที่อยู่ตรงหน้าได้ เพราะงั้น ในสถานการณ์แบบนี้ ฉันจะต้องขัดขวางการใช้ปืนของโหจื่อให้ได้ การแข่งวรยุทธ์ในครั้งนี้ ถึงจะยุติธรรม”

ท่านจวนมองไปยังหลี่ฝาง แล้วหัวเราะออกมา “อีกอย่าง มีแกอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะยังไงโหจื่อก็ไม่มีทางเหนี่ยวไกปืน แล้วตายไปพร้อมกับพวกเรา”

หลี่ฝางมองไปยังท่านจวน แล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นชา “แกวางแผนที่จะจัดการพวกเราเอาไว้แต่แรกแล้ว”

“ใช่แล้ว ฉันรู้ดีว่าโหจื่อจะต้องมาพร้อมกับแกอย่างแน่นอน เพื่อที่จะปกป้องแกจากสิ่งรอบตัว เพราะงั้นฉันจึงเรียกฟีนิกซ์มาตั้งแต่แรก เพื่อใช้ต่อกรกับโหจื่อ”

ท่านาจวนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “เมื่อคืนน่าจะเป็นโหจื่อ ที่เป็นคนฆ่าคนของฉันถูกไหม? เพราะงั้น วันนี้ฉันจะให้โหจื่อชดใช้ด้วยชีวิต ดูเหมือนมันก็ยังเข้ากับกฏของยุทธภพ”

“ต่อให้พ่อแกกลับมา ก็ไม่สามารถว่าอะไรฉันได้” ท่านจวนยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่ดุร้าย

ส่วนหลี่ฝางก็มองไปยังท่านจวน แล้วพูดว่า “ถ้าเกิดพ่อฉันกลับมา เขาจะต้องฆ่าแกอย่างแน่นอน”

“ฮ่าๆ เสี่ยวฝาง แกคิดว่าหลอซ่ายังสามารถกลับมาได้อีกเหรอ?”

ท่านจวนมองไปยังหลี่ฝาง จู่ๆภายในดวงตาก็เผยความเจ้าเล่ห์ออกมา “เมื่อกี้แกถามฉันว่า ทำไมฉันถึงเชิญแกมาที่นี่ ใช่ไหม?”

“เมื่อกี้ฉันไม่ได้บอกแก ตอนนี้ ฉันจะบอกแกก็แล้วกัน”

“ความจริง คนที่นัดแกมาที่นี่ ความจริงแล้วไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคนของตระกูลตงฟาง” ท่านจวนพูด

หลี่ฝางทำหน้าเครียดกว่าเดิม มองท่านจวนแล้วถามว่า “แกจะบอกว่าครั้งนี้คนที่เชิญฉันมา ความจริงไม่ใช่แก แต่เป็นคนของตระกูลตงฟางงั้นเหรอ?”

“ถูกแล้ว” ท่านจวนพยักหน้า แล้วพูดว่า “ถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆ เป็นสี่ตระกูลใหญ่ต่างหากที่เชิญแกมา”

“นี่เป็นกับดักอย่างนึง พวกเขาจงใจลอบแกมา ความจริงก็เพื่อที่จะจับตัวแก พ่อแกติดอยู่ในป่า ป่าแห่งนั้นอันตรายเป็นพิเศษ คนที่สี่ตระกูลใหญ่ส่งไป ไม่มีใครกล้าเหยียบเข้าไปข้างใน เพราะงั้น พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรพ่อแกได้”

“สถานที่แห่งนั้น ถึงเรียกว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามที่มนุษย์ไม่ควรเข้าใกล้ และยังถูกเรียกว่าเป็นดินแดนของปีศาจ ว่ากันว่า แค่มีคนเข้าไปยังดินแดนของปีศาจ ไม่เคยมีใครมีชีวิตรอดเกินหนึ่งอาทิตย์ แต่ว่า นี่มันก็เป็นแค่ข่าวลือกันก็เท่านั้นเอง”

“หลอซ่าเป็นคนพิเศษ พวกเราล้วนกลัวว่าเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ข้างในได้ และยังสามารถหาวิธีหนีออกมาได้”

“หรือไม่ก็ สามารถหนีรอดจากสายตาของสี่ตระกูลใหญ่ได้”

ท่านจวนหัวเราะออกมา มองไปยังหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือก จนคิดวิธีสุดท้ายขึ้นมาได้ นั่นก็คือใช้ประโยชน์จากแก”

“แกเป็นสิ่งล้ำค่าของหลอซ่า ถ้าเกิดสี่ตระกูลใหญ่จับแกไปอยู่ข้างนอกดินแดนปีศาจ และหลังจากที่พ่อแกรู้เรื่องนี้ จะต้องมาช่วยแกอย่างแน่นอน”

ใบหน้าของท่านจวนเต็มไปด้วยความดุร้าย หางของเขา ในที่สุดเวลานี้ก็ยอมเปิดเผยออกมาแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน