NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 769 ฉันให้แกคุกเข่าให้พอเลย

บทที่ 769 ฉันให้แกคุกเข่าให้พอเลย

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ที่จัตุรัสเย่หมิงจู

กลุ่มคนจำนวนมากมาย มาจากทั่วสารทิศเพื่อมารวมตัวกันที่นี่ โดยมีมู่เสี่ยวไป๋เป็นจุดศูนย์รวม

ในขณะที่มู่เสี่ยวไป๋กำลังเตรียมตัวจะจากไปนั้น ก็มีรถคันแล้วคันเล่าจำนวนมากมาย มาปรากฏอยู่ตรงหน้ามู่เสี่ยวไป๋

รถคันที่นำขบวนเป็นรถจิ๊บคันหนึ่ง

ไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางกระโดดลงมาจากรถจิ๊บ ไอ้เด็กซนมองหน้ามู่เสี่ยวไป๋แล้วแสยะยิ้ม “ฉันยังนึกว่าลูกน้องฉันจะอำฉันเล่น นึกไม่ถึงเลยว่า แหล่งที่ทำกินของพวกเรา เป็นฝีมือแกที่ทุบทำลายจริงด้วย!”

“ไอ้มู่เสี่ยวไป๋เอ๊ยมู่เสี่ยวไป๋ แกนี่มันไอ้สุนัขกินบนเรือนขี้บนหลังคา พวกเราอุตส่าห์ใจดีช่วยแก ให้แกยืมคนไปจัดการกับหลี่ฝาง แต่แกกลับย้อนรอยใช้คนของพวกเรา มาทุบทำลายแหล่งทำกินของพวกเรา ภายในคืนหนึ่งถูกทุบทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง ฮ่าๆ…”

ไอ้เด็กซนพูดพลางทำตาหรี่ใส่

ไอ้เด็กซนชักสีหน้าแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่มั้ย?”

มู่เสี่ยวไป๋ไม่พูดอะไร เพียงแต่มองหน้าไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง ส่ายหน้าแล้วขับรถออกไป

“คิดจะหนีเหรอ? มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”

ไอ้เด็กซนพูดพลางให้ลูกน้องตัวเองเอารถขับไปขวางทางของมู่เสี่ยวไป๋ไว้

“ฉันว่านะมู่เสี่ยวไป๋ แกไม่คิดจะชี้แจงพวกเรามั่งเลยเหรอ?”

“ฮาๆ แค่คำอธิบายก็ไม่มีเหรอ?” ไอ้เด็กซนถามอย่างไม่หยุดหย่อน

ส่วนมู่เสี่ยวไป๋สูดลมหายใจอย่างแรง ก็รีบพูดขึ้นมาทันที “พูดตามความจริงนะ ตอนนี้ฉันไปอยู่กับพวกตระกูลหลี่แล้ว”

“โคตรแม้งเอ้ย” พอได้ยินคำพูดนี้แล้ว ไอ้เด็กซนกำหมัดไว้แน่น แทบอยากชกหน้ามู่เสี่ยวไป๋ให้กระเด็นกลับไปอยู่ท้องแม่เลย

ไอ้เด็กซนมองดูมู่เสี่ยวไป๋ด้วยสายตาเย็นชา “สมองแกแม้งเลอะเลือนไปแล้ว ไปซุกปีกหลี่ฝางเหรอ?”

“เขาเป็นแค่เศษสวะเท่านั้นเอง ไปอยู่กับเขาแล้วแกจะมีทางก้าวหน้าเหรอ?” ไอ้เด็กซนพูดอย่างโมโห

ถึงแม้ว่าไอ้เด็กซนจะไม่เชื่อก็ตาม แต่ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาไม่เชื่อก็ไม่ได้แล้ว

การที่มู่เสี่ยวไป๋พาคนมาทุบทำลายแหล่งหากินของท่านจวนนั้น ก็เพียงอยากจะทำให้หลี่ฝางดูเท่านั้นเอง

คล้ายเป็นกับการแสดงความจงรักภักดี

มู่เสี่ยวไป๋มองค้อนไอ้เด็กซน “แกพูดจาระวังหน่อย”

“ฮาๆ ช่วยพูดจาออกรับแทนเจ้านายใหม่แกเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลมู่แกไม่เอา กลับไปเป็นขี้ข้าของคนอื่น แกว่าแกมันใฝ่ต่ำหรือเปล่า”

“หลี่ฝางคนนั้น ถ้าไม่มีพ่อแม่เขา ไม่มีคนรอบกายของเขา เขานับว่าเป็นตัวอะไรกัน?”

ไอ้เด็กซนหัวเราะ สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“ได้ ในเมื่อแกติดตามหลี่ฝางแล้ว งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วนะ” ไอ้เด็กซนโบกมือแล้วพูดกับลูกน้องตัวเองว่า “ทุกคนบุกเข้าไป จับมู่เสี่ยวไป๋ไอ้หมอนั่น ทุบขาทั้งสองข้างให้หักไปเลย”

“ในเมื่อเขาไม่อยากเป็นคน งั้นต่อไปก็ให้เขาคลานตามพื้น เหมือนสุนัขตัวหนึ่งก็แล้วกัน” ไอ้เด็กซนพูดอย่างเยือกเย็น

“แกคิดว่าฉันจะกลัวแกเหรอ?”

มู่เสี่ยวไป๋เดินลงมาจากรถ ตอนนี้คนที่อยู่ข้างหลังมู่เสี่ยวไป๋ มีคนจำนวนถึง 400 คนทีเดียว

ส่วนทางฝ่ายไอ้เด็กซนนั้นเหรอ?

อย่างมากก็ไม่เกิน 100 คนเท่านั้น

ความแตกต่างของยอดจำนวนคนนั้น ทำให้มู่เสี่ยวไป๋มีความมั่นใจอย่างมาก

“ถึงแม้คุณชายหลี่ให้ฉันทุบทำลายที่ทำกินของแกเท่านั้น ไม่ได้สั่งให้ฉันฆ่าแก แต่แกรนหาที่ตายเอง จะโทษฉันไม่ได้”

มู่เสี่ยวไป๋พูด

“พูดจาโอหัง”

ไอ้เด็กซนสูดลมหายใจเข้าแล้วพูดว่า “มู่เสี่ยวไป๋ ฉันจะจัดการแกก่อนเลย!”

ไอ้เด็กซนพูดพลางบุกเข้าไปด้วยความรวดเร็ว

ไอ้เด็กซนถึงแม้จะเหมือนคนแคระ แต่ว่าความว่องไวของเขาไม่ได้ช้าเลย อีกอย่างด้วยรูปร่างที่กะทัดรัด ในการตะลุมบอนเช่นนี้ เขาก็ย่อมได้เปรียบอย่างมาก

ชั่วพริบตาเดียว สถานการณ์ก็ชุลมุนวุ่นวายขึ้นมาทันที

ในเวลาขณะนั้นเอง มือถือในกระเป๋าของซุนจิ้นก็ดังขึ้นทันที ซุนจิ้นเปิดดู เห็นว่าหลี่ฝางโทรมา เขาจึงรีบปลีกตัวออกจากฝูงชน แล้วรับโทรศัพท์

“ซุนจิ้น ภารกิจของแกจบแล้ว กลับออกไปได้แล้ว”

หลี่ฝางยืนอยู่กับที่เดิม มือข้างหนึ่งถือกล้องส่องทางไกล มืออีกข้างหนึ่งก็หนีบมือถือไว้ แล้วพูดกับซุนจิ้น

“คุณชาย คุณคิดจะ…”

หลี่ฝางหัวเราะ “คนของท่านจวนมาคิดบัญชีกับมู่เสี่ยวไป๋ ก็ให้พวกเขาสองคนค่อยๆคิดกันไปก็แล้วกัน พวกเราก็แค่ยืนอยู่ห่างๆ แล้วคอยชมดูการแสดงละครที่ดีๆเรื่องหนึ่งก็พอแล้ว”

ซุนจิ้นหัวเราะ “เข้าใจแล้วครับ คุณชายหลี่”

หลังจากวางสายแล้ว ซุนจิ้นก็เป่าปากเสียงหวีด จากนั้น หลังจากคนของตระกูลจูเก่อได้ยินสัญญาณแล้ว ก็เริ่มถอยหลบไปอย่างรวดเร็ว

เดิมทีคนของพวกไอ้เด็กซนอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ล้วนถูกคนของตระกูลจูเก่อทำร้ายจนล้มลงไปกับพื้น

ไอ้เด็กซนก็นึกว่าตัวเองพ่ายแพ้แล้ว

แต่ใครจะคิดว่า ในระหว่างนั้น คนของตระกูลจูเก่อกลับสลายตัวไปอย่างกะทันหันเช่นนนั้นเล่า?

ไอ้เด็กซนก็ยิ้มขึ้นมาทันที พูดด้วยรอยยิ้มที่โหดร้าย “ฮาๆ มู่เสี่ยวไป๋ คราวนี้แกเสร็จแน่”

เดิมทีที่มู่เสี่ยวไป๋กำชัยชนะในมือแล้ว ก็ตกใจลนลานขึ้นมาทันที

เมื่อคนของตระกูลจูเก่อสลายตัวกันหมดแล้ว เดิมทีคนที่หมอบคลานอยู่กับพื้นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนทันที

ประกอบกับฝีมือร้ายกาจของไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง ทำให้มู่เสี่ยวไป๋เริ่มเสียเปรียบทันที

ถ้าชางสู่กลับมา มู่เสี่ยวไป๋อาจมีโอกาสพลิกกลับมาชนะก็ได้

แต่ว่าเมื่อกี้ตอนที่อยู่ไนต์คลับ มู่เสี่ยวไป๋ไม่สนใจความเป็นความตายของชางสู่เลย คนเช่นนี้ ยังจะมีใครที่จะยอมเสียสละชีวิตเพื่อช่วยตัวเองเล่า?

“มู่เสี่ยวไป๋ คนกลุ่มนั้นที่หนีไป เป็นคนของตระกูลจูเก่อหรือ?”

ไอ้เด็กซนยิ้มอย่างโหดเหี้ยม

มู่เสี่ยวไป๋ มองหน้าไอ้เด็กซน ท่าทางน่าเกลียด “ที่แท้พวกแกก็รู้มาก่อนแล้ว”

“พวกแกรู้มาก่อนแล้วว่าหลี่ฝางยังมีไพ่ใบสุดท้ายยังไม่ได้หงายออกมา มิน่าล่ะ มิน่าเรื่องดีๆอย่างนี้จะเหลือตกมาถึงฉัน ที่แท้พวกแกจงใจที่จะขุดหลุมพรางล่อฉัน”

มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยความโกรธจัด

“ใช่แล้ว พวกเราจงใจปิดบังแกจริงๆ แต่ว่าพวกเราก็แบกรับกระสุนแทนแกมาไม่น้อยเลย เพียงแต่ว่าแกมันเศษสวะเกินไป…”

คนของท่านจวน สกัดกั้นชายคลุมหน้าทั้งสี่คนที่อยู่ข้างกายของหลี่ฝางไว้แล้ว

“แกพาผู้คนมากมายขนาดนั้น สามารถที่จะบุกลุยเข้าไป สังหารหลี่ฝางได้แล้ว จากนั้นก็หนีออกมา”

“ทำไมแกถึงเสียเวลาเปล่าประโยชน์อย่างนั้น รอให้คนของตระกูลจูเก่อมาถึงจนได้?”

“อีกอย่างฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ในเมื่อคนของชางสู่ต่างก็พกอาวุธปืนไป ต่อให้แกสู้เขาไม่ได้ ก็ไม่ต้องถึงขนาดที่ไปเป็นขี้ข้าของหลี่ฝางใช่ไหม?”

ไอ้เด็กซนส่ายหน้า มองหน้ามู่เสี่ยวไป๋“พ่อบุญธรรมฉันพูดไม่ผิดเลย มู่เสี่ยวไป๋ แกก็เป็นเพียงแค่คนที่ชอบแอบอยู่ข้างหลัง คอยยุแยงตะแคงรั่ว มีความฉลาดเล็กน้อยเหมือนพวกตัวตลกที่กระโดดโลดเต้นเท่านั้นเอง เมื่อเจอปัญหาใหญ่ทีไร แกก็กลายเป็นกุ้งที่ขาอ่อนปวกเปียกไปเลย”

ไอ้เด็กซนพุ่งตัวไปข้างหน้า แล้วใช้ขาเตะเข้าไปที่หัวเข่าของมู่เสี่ยวไป๋

สิ้นเสียงของกระดูกที่แตกหัก มู่เสี่ยวไป๋ก็คุกเข่าลงไปกับพื้น ขาข้างหนึ่งก็ถูกเตะจนกระดูกหักไปแล้ว

“ในเมื่อแกชอบคุกเข่าขนาดนั้น งั้นฉันก็จะให้แกคุกเข่าจนพอใจแล้วกัน” ไอ้เด็กซนพูดอย่างเยือกเย็น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท