NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 772 สถานตากอากาศถูกระเบิด

บทที่ 772 สถานตากอากาศถูกระเบิด

“แล้วแต่แกแล้วกัน”

หลี่ฝางพูดอย่างไม่แยแสว่า “ฉันไม่ขาดแคลนเงิน”

คุณหมอถังใบหน้าแสดงความดีใจ “คุณชายหลี่ใจกว้างจริงๆ สมแล้วที่เป็นลูกชายของหลอซ่า”

คุณหมอถังหัวเราะเสียงดัง แล้วเรียกคนของตัวเองลงมาจากรถ

ส่วนกลุ่มคนของไอ้เด็กซนพวกนั้น สีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมาทันที ขณะที่คนของคุณหมอถังเดินเข้าไปหาพวกเขานั้น ใบหน้าของพวกเขา ก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายอำมหิตขึ้นมาทันที

พวกเขารู้ดีว่า คนพวกนี้ จะเข้ามาเอาไตของพวกเขาไป

พวกเขาจะยินยอมได้อย่างไรกันล่ะ?

คุณหมอถังมองหน้าหลี่ฝาง พูดขอความช่วยเหลือว่า “คุณชายหลี่ ท่านคิดว่า……ท่านจะพอช่วยเหลืออะไรได้บ้างหรือไม่ คนพวกนี้ไม่ใช่จัดการกันได้ง่ายๆเลย คนของฉันก็เป็นเพียงแค่หมอเท่านั้น พวกเขาเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา คนพวกนี้ของฉัน จะเป็นคู่ต่อสู้เขาได้อย่างไรกัน? ท่านว่าใช่หรือเปล่าล่ะ?”

“เอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันจะให้ซองแดงกับลูกน้องของคุณ ช่วยฉันหน่อย ช่วยทำให้พวกเขานอนลงไปกับพื้น จากนั้นฉันก็จะฉีดยาสลบให้พวกเขา”

คุณหมอถังพูด

หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “งั้นแกก็คุยกับลูกน้องฉันก็แล้วกัน ถ้าแกให้ซองแดงใหญ่พอ ฉันคิดว่าพวกเขาก็ยอมช่วยทำงานให้แกนะ”

“ถ้าล้มได้หนึ่งคน ฉันก็จะให้หนึ่งหมื่นเป็นยังไงล่ะ?” คุณหมอถังพูด

หลี่ฝางส่ายหน้าอย่างเหยียดหยาม “คนเดียวได้แค่หนึ่งหมื่น ยังไงกัน แกคนเดียวเพิ่งได้กำไรแค่หนึ่งหมื่นเหรอ? อย่างน้อยแกก็ต้องได้กำไรถึงหนึ่งแสนกว่าแล้ว แกจะให้ลูกน้องฉันแค่หนึ่งหมื่นเนี่ยนะ?”

“เอาเถอะ ครึ่งหนึ่งก็ครึ่งหนึ่ง ถ้าล้มได้หนึ่งคน ฉันให้แกคุณหกหมื่น ฉันจะโอนเงินให้คุณก่อน หลังจากนั้นคุณก็ช่วยโอนให้กับพวกเด็กๆก็แล้วกัน” คุณหมอถังพูดพลางปาดเหงื่อบนใบหน้า

เขารู้สึกว่า หลี่ฝางคนนี้ จัดการได้ยุ่งยากมากกว่าไอ้เด็กซนเสียอีก

อีกทั้งเรื่องอย่างนี้ ก็เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงแน่นอน อย่างน้อย ถึงแม้ไอ้เด็กซนตายไปแล้วก็ตาม แต่ว่าท่านจวนก็ยังไม่ตาย

ดังนั้นถ้าเสร็จจากการค้าครั้งนี้แล้ว เขาจะต้องหนีไปหลบซ่อนตัวแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วหากท่านจวนหาเขาพบ ก็จะต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอน

แต่ว่า การค้าครั้งนี้ ก็สามารถกำไรได้ถึงห้าหกล้านแล้ว เมื่อรวมกับเงินสะสมของเขาก่อนหน้านั้น ก็เพียงพอต่อการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยในชีวิตที่เหลือของเขาแล้ว

หลี่ฝางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง โอนโดยตรงให้กับพวกพี่น้องฉันก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก”

“ทุกคนได้ยินหรือยัง ถ้าล้มได้หนึ่งคน ก็จะได้ซองแดงหกหมื่นหยวน ทุกคนยังรออะไรอยู่อีกล่ะ” หลี่ฝางหัวเราะ มองไปยังพวกลูกน้องที่พึ่งรับเข้ามาใหม่

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว คนพวกนี้ก็คึกคักขึ้นมาราวกับถูกฉีดเลือดไก่ รีบบุกเข้าไปหาคนของไอ้เด็กซนทันที

พวกเขามองลูกน้องของไอ้เด็กซนพวกนั้น ราวกับได้เห็นขนมอันโอชะที่หอมหวน……

มีคนบางส่วนคิดที่จะหลบหนี กลับพบว่าได้ถูกห้อมล้อมเอาไว้แล้ว

คนของซุนจิ้น ไม่รู้กลับมาในเวลาไหน ล้อมรอบทุกทิศทุกทางไว้หมดแล้ว

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว คนของไอ้เด็กซนทั้งหมดก็ถูกคุณหมอถังพาไปจนหมด คุณหมอถังเอาเงินให้กับลูกน้องที่รับมาใหม่ของหลี่ฝาง แล้วก็จากไป

มองดูรถของคุณหมอถัง หลี่ฝางก็เรียกซุนจิ้นเข้ามา “ตามเขาไป รอให้เขาทำงานเสร็จก่อน แล้วกำจัดเขาได้เลย”

ค่ำคืนนี้ ช่างเป็นค่ำคืนที่ตกต่ำสุดขีดของท่านจวนเสียจริง……

ไอ้เด็กซนตายแล้ว ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางก็ตายแล้ว

ธุรกิจการค้าของเขาก็ถูกทำลายจนยับเยินไปหมดแล้ว……

คนจำนวนนับร้อยพวกนี้ ถึงแม้จะยังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าหลังจากนี้ไป ก็ไม่สามารถจะทำงานถวายชีวิตให้กับท่านจวนได้อีกแล้ว

ถึงแม้ว่าหลี่ฝางไม่รู้ว่าท่านจวนหลบซ่อนอยู่ที่ไหน แต่ว่าหลี่ฝางก็ได้สั่งการลงไปแล้วว่า ต่อให้พลิกแผ่นดินหาทั้งเมืองเอกทั้งหมด ก็จะต้องขุดหาเขาออกมาให้จงได้

มู่เสี่ยวไป๋ก็ถูกส่งกลับไปยังบ้านตระกูลมู่

ส่วนหลี่ฝางเอง ก็รีบกลับไปยังสถานตากอากาศ

เมื่อกลับมาถึงสถานตากอากาศแล้ว หลี่ฝางก็รีบตรงไปยังห้องทำงานของลุงเฉียนเป็นอันดับแรกทันที

ลุงเฉียนในขณะนั้น กำลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้โยก ในมือก็กำลูกวอลนัตไว้สองลูก เล่นกลอกกลิ้งไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน……

“เสี่ยวฝาง แกมาแล้ว”

ลุงเฉียนไม่ได้ลืมตามอง แต่รู้ว่าเป็นหลี่ฝางที่กลับมาแล้ว นอกจากหลี่ฝางแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะเสียมารยาท ไม่เคาะประตูก่อนเข้ามาในห้องทำงานลุงเฉียนได้

“เออ ลุงเฉียน ฉันมีคำถามบางอย่างอยากจะถามลุงหน่อย” หลี่ฝางเดินมาตรงหน้าลุงเฉียน

ลุงเฉียนลืมตาขึ้นมา มองดูหลี่ฝาง “ฉันรู้ว่าแกต้องการจะถามอะไร”

“แกรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเปลี่ยนแปลงไปใช่หรือเปล่าล่ะ?” ลุงเฉียนหัวเราะ

หลี่ฝาพยักหน้า มองดูลุงเฉียนแล้วพูดว่า “ในระหว่างทางที่กลับมา ฉันก็ได้ถามถังหยู่ซวนแล้ว ถึงแม้ว่าเขาก็ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมแล้วก็ตาม แต่ว่าไม่เหมือนกับการดัดแปลงพันธุกรรมของฉันเลย การดัดแปลงพันธุกรรมของเขา จะต้องผ่านขั้นตอนทีละนิดละหน่อยเพื่อทะลุผ่านขีดจำกัดของตัวเอง ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัส ส่วนของฉัน ลุงแค่ดูดเอาเลือดของฉันไปจากนั้น……ก็นอนหลับอย่างสบาย หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้ว ฉันก็กลายเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งแล้ว”

“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันรู้สึกว่าภายในร่างกายของฉัน เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาล

หลี่ฝางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันรู้สึกว่าฉันควบคุมพวกพละกำลังพวกนี้ไม่ได้เลย ลุงเฉียน ฉันกลัวมากเลย คืนนี้ฉันฆ่าคนไปแล้วถึงสองคน อีกอย่าง ก็ยังมีความรู้สึกว่าเหมือนเสพติดไปแล้ว ความรู้สึกที่ได้สังหารคน ฉันกลับรู้สึกดื่มด่ำกับมันอีกด้วย”

“ก่อนหน้านั้น ผมกลัวมากเลย กลัวสูญเสียชีวิตมาก แต่ตอนนี้ ฉันกลับมองชีวิตของคนอื่น เหมือนกับผักหญ้า” หลี่ฝางพูดความสงสัยในใจออกมา

ส่วนใบหน้าของลุงเฉียนนั้นไม่มีความสะทกสะท้านใดๆ เพียงแต่พูดอย่างเรียบๆว่า “นี่เป็นเรื่องปกติมาก คนเราจะไปแยแสกับชีวิตของพวกมดแมลงทำไมกันล่ะ?”

“ขอให้แกจำไว้ให้ดีว่า คนแบบไหนที่สมควรฆ่า คนแบบไหนที่ไม่สมควรฆ่า เท่านั้นก็พอแล้ว”

ลุงเฉียนพูดว่า “คืนนี้แกฆ่าคนไปแล้วสองคน คนหนึ่งคือไอ้เด็กซน ส่วนอีกคนนั้นก็เป็นสุนัขรับใช้ข้างกายของท่านจวน ทั้งสองคนนี้ล้วนแต่ทำความชั่วมากมายมาแล้วทั้งนั้น ต่อให้แกไม่ฆ่าพวกเขา สักวันหนึ่งพวกเขาก็จะต้องถูกกฎหมายลงโทษอย่างแน่นอน”

“แกไม่ได้ทำผิดอะไร เพียงแต่ว่า ต่อไปต้องระวังหน่อยก็แล้วกัน” ลุงเฉียนพูด

หลี่ฝางถามอีกครั้งว่า “ทำไมฉันถึงได้เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ ถังหยู่ซวนถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นก็จริง แต่เมื่อเทียบกับฉันแล้วยังห่างไกลกันมากเลย ตอนนี้ฉันมีความรู้สึกว่าสามารถสู้กับโหจื่อได้แล้ว”

“ฮ่าๆ ตอนนี้แกยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโหจื่อหรอก แต่ว่าอีกไม่นานแกก็สามารถที่จะล้ำหน้าเกินเขาไปได้แล้ว” ลุงเฉียนพูด

หลี่ฝางทำตาโต มองไปยังลุงเฉียน

อีกไม่นานก็จะล้ำหน้าเกินโหจื่อแล้วเหรอ?

เรื่องแบบนี้ ก่อนหน้านั้นหลี่ฝางไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลย แต่ในเวลานี้ หลี่ฝางเชื่อแล้ว

เพราะว่าหลี่ฝางรู้ว่า ตอนนี้ในร่างกายตัวเองเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาลอยู่ภายในขอเพียงรู้จักนำออกมาใช้ งั้นตัวเอง……

หลี่ฝางไม่กล้าที่คิดต่อไปอีก ตอนนี้หลี่ฝาง ถึงแม้ยังไม่รู้จักวิธีการใช้พลังพวกนี้ แต่ว่าก็สามารถจัดการกับคนจำนวนมากให้ล้มลงกับพื้นได้ หากว่ารู้จักวิธีใช้แล้ว งั้นก็คงยอดเยี่ยมไปเลยไม่ใช่เหรอ?

หลี่ฝางมองดูลุงเฉียน แล้วถามว่า “ลุงเฉียน ลุงให้ฉันกินอะไรเข้าไปกันแน่? ทำไมถึงได้ก้าวหน้าได้เร็วขนาดนี้? มันไม่ถูกหลักวิทยาศาสตร์เลย”

หลี่ฝางมองดูลุงเฉียนอย่างตกตะลึง เทคโนโลยีพวกนี้ ถ้าหากมีมันมีอยู่จริง งั้นลุงเฉียนก็จะสามารถสร้างยอดฝีมือขึ้นมาได้อีกมากมายไม่ใช่เหรอ?

ถ้าเป็นเช่นนั้น อย่าว่าแต่สี่ตระกูลใหญ่เลย ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่นับร้อย ตระกูลหลี่ก็ไม่เกรงกลัวทั้งนั้น

แต่หลี่ฝางก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เรื่องที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ที่จริงมันควรจะปรากฏอยู่บนหน้าจอภาพยนตร์เท่านั้น แต่ทำไมมาเกิดขึ้นกับตัวเองเช่นนี้ได้

ส่วนสีหน้าของลุงเฉียน ก็เปลี่ยนเป็นไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่นัก “ถ้าแกคิดจะขอบคุณ ก็ต้องไปขอบคุณลูกพี่ใหญ่แล้วกัน”

หลี่ฝางตกตะลึงสักครู่ มองดูลุงเฉียนแล้วถามว่า “ลุงหมายถึงพ่อฉันเหรอ? หรือว่าความก้าวหน้าของฉัน จะเกี่ยวข้องกับพ่อฉันด้วยเหรอ?”

ลุงเฉียนพยักหน้า แล้วพูดว่า “ไม่ผิดหรอก ถึงแม้ก่อนหน้านี้ลูกพี่ใหญ่บอกฉัน อย่าพูดเรื่องทั้งหมดนี้ให้แกรู้ แต่ฉันคิดดูแล้วว่า แกมีสิทธิ์ที่จะต้องได้รับรู้เรื่องนี้ ต้องรู้ว่าพ่อของแกได้ทุ่มเทขนาดไหน แกได้รับความลำบากมาถึงสามปี ลูกพี่ใหญ่รู้สึกผิดต่อแกมาตลอด ที่ไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดี ดังนั้นช่วงเวลาก่อนหน้านั้น เขาก็เริ่มเอาเลือดในร่างกายตัวเองออกมา แล้วฝากไว้กับฉันที่นี่ ให้ฉันช่วยเก็บรักษาเอาไว้ให้ดี”

“ฉันคิดว่า แกน่าจะจำได้ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ลูกพี่ใหญ่กระอักเลือดออกมาใช่ไหม?”

ลุงเฉียนส่ายหน้า แล้วพูดว่า “การกระอักเลือดครั้งนั้น ไม่ใช่เพราะว่าลูกพี่ใหญ่ฝึกวรยุทธ์จนธาตุไฟเข้าแทรก และไม่ใช่เพราะว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป แค่อาศัยคนพวกนั้นไม่ถึงกับทำให้ลูกพี่ใหญ่กระอักเลือดได้หรอก ความจริงแล้ว เหตุผลที่แท้จริงก็คือ เป็นเพราะว่าลูกพี่ใหญ่เพิ่งจะเอาเลือดออกมา เลือดลมในร่างกายยังไม่ฟื้นกลับคืนมาเหมือนเดิม”

“วันนั้น ฉันสูบเลือดเกือบครึ่งหนึ่งจากร่างกายของแก หลังจากนั้น ฉันก็ใช้เลือดของลูกพี่ใหญ่ที่เก็บไว้ก่อนหน้านั้น มาฉีดเข้าไปในร่างกายของแก ตอนนี้ในร่างกายของแก มีเลือดครึ่งหนึ่งเป็นของลูกพี่ใหญ่ ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเป็นของตัวแกเอง หลังจากที่สองส่วนมารวมตัวกันแล้ว เลือดของแก ก็ถูกดัดแปลงเรียบร้อยแล้ว”

“คิดว่าแกก็คงรู้ว่า ลูกพี่ใหญ่ได้ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมมาแล้ว อีกทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้น ตอนนี้แกก็ได้ดัดแปลงพันธุกรรมทั่วร่างไปแล้ว ในเวลาหนึ่งวันครึ่งนี้ ฤทธิ์ของสารกระตุ้นสเต็มเซลล์ ก็ได้ชะล้างกระดูก กระแสเลือด เส้นเอ็น ทั่วร่างกายของแกจนหมด เชื้อโรคพวกไข้หวัดธรรมดาพวกนั้น ไม่สามารถที่จะแทรกซึมเข้าไปในร่างกายแกได้อีกแล้ว”

“พูดได้ว่า ร่างกายของลูกพี่ใหญ่ ร่างกายของส้าวส้วย แล้วยังมีแก ก็จะกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์ในประวัติศาสตร์วงการแพทย์ต่อไปในอนาคต” ลุงเฉียนพูด

ขณะที่หลี่ฝางกำลังเคลิบเคลิ้มกับความอัศจรรย์นั้น ก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงพ่อของเขาขึ้นมา

หลี่ฝางมองดูลุงเฉียน แล้วพูดว่า “งั้นพ่อของฉันจะเป็นอะไรหรือเปล่า? เขาให้เลือดฉันมากมายขนาดนั้นแล้ว งั้นร่างกายของเขา……”

“หรือว่าแกไม่เคยสังเกตเลยเหรอ? ตั้งแต่ที่ได้พบกับลูกพี่ใหญ่ในเวลานั้น จนถึงตอนนี้ เขาซูบผอมไปมากขนาดไหน? อีกทั้งเลือดลมก็ไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ใบหน้าก็ดูเหมือนจะแก่ชราลงไปหลายปี พวกนี้ล้วนเป็นอาการที่เกิดจากผลข้างเคียงทั้งนั้นเลย”

ลุงเฉียนมองดูหลี่ฝาง ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ชั่วชีวิตนี้ เรื่องที่ทำให้ลูกพี่ใหญ่รู้สึกสำนึกผิด ก็มีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกก็คือ เขาไม่สามารถปกป้องชีวิตของพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกันมาได้ เรื่องที่สองก็คือแก”

หลี่ฝางรู้สึกอึ้งขึ้นมาทันที

แต่เดิม ตอนที่หลี่ฝางได้รับพละกำลังมหาศาลพวกนี้ ก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง แต่ว่าตอนนี้ ในใจของหลี่ฝาง กลับรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ต่อให้ตัวเองกลายเป็นเศษขยะก็ตาม ต่อให้ตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว ตัวเองก็ไม่อยากจะได้รับการสืบทอดพละกำลังจากพ่อเช่นนี้

อย่างน้อย พ่อของตัวเอง ต้องการพลังพวกนี้มากกว่าตัวเองเสียอีก

หลี่ฝางมองดูลุงเฉียน แล้วถามว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นล่ะก็ เป็นเพราะฉัน ความหวังที่พ่อฉันจะมีชีวิตอยู่ ก็ลดลงไปหลายส่วนแล้วใช่ไหม?”

ลุงเฉียนถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ฉันไม่อยากจะบอกความจริงกับแก ก็เพราะเป็นห่วงว่าแกจะคิดแบบนี้แหละ”

“จำไว้นะ พวกแกเป็นพ่อลูกกัน ไม่มีใครติดค้างใครทั้งนั้น” ลุงเฉียนพูดพลางมองหน้าหลี่ฝาง

หลี่ฝางจับแขนของลุงเฉียนไว้ แล้วพูดว่า “ลงเฉียน ฉันอยากจะขอร้องลุงเรื่องหนึ่ง”

“ฉันรู้ว่าแกคิดจะขอร้องฉันเรื่องอะไร แกคิดจะขอให้ฉัน ส่งแกไปอยู่กับพ่อของแกทางนั้น ใช่ไหมล่ะ?” ลุงเฉียนพูดจบ แล้วส่ายหน้า

“ฉันจะไม่ตกลงกับแกหรอก เพราะว่าฉันตกลงกับลูกพี่ใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม ก็จะไม่ส่งแกไปอย่างเด็ดขาด อีกอย่างฉันก็จะไม่ไปทางนั้นด้วย”

“ฉันจะอยู่เคียงข้างแก คอยคุ้มครองปกป้องแกตลอดไป” ลุงเฉียนพูดพลางมองดูหลี่ฝาง

หลี่ฝางส่ายหัว ร้องตะโกนสุดเสียงว่า “ฉันไม่อยากให้ลุงมาปกป้องฉัน ถึงแม้จะต้องการคุ้มครอง ก็จะต้องเป็นพ่อฉันที่มาปกป้องฉัน”

“เสี่ยวฝาง แกโตแล้วนะ ก่อนที่จะทำอะไรลงไป อย่าตัดสินด้วยอารมณ์ ถ้าการไปหาพ่อแกเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ฉันก็จะฝ่าฝืนข้อตกลงที่มีต่อพ่อของแก จะพาแกไปหาเขา แต่ว่า นั่นเป็นสถานที่อะไร ดินแดนของพวกผีปีศาจ มนุษย์เข้าไปแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะมีชีวิตรอดออกมาได้”

ลุงเฉียนพูดว่า “เอาเถอะ แกกลับไปนอนได้แล้ว”

พอสิ้นเสียงพูดของลุงเฉียน ข้างนอกมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ส่วนโหจื่อก็บุกเข้ามาในห้องของลุงเฉียนหลังจากนั้นไม่กี่สิบวินาที

“ลุงเฉียน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” โหจื่อพูดอย่างร้อนรน

ลุงเฉียนค้อนใส่โหจื่อ “มีเรื่องอะไรทำให้แกถึงลุกลี้ลุกลนขนาดนั้น ยังไม่ทันเคาะประตู ก็เข้ามาแล้ว แกยังมีมารยาทอยู่หรือเปล่า?”

“ฉันเคยบอกแกหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเผชิญกับปัญหาเรื่องอะไร ก็ต้องสงบสติอารมณ์ ในการที่จะเผชิญปัญหาไงล่ะ”

“พูดมา เกิดเรื่องอะไรกันแน่” หลังจากที่ลุงเฉียนต่อว่าโหจื่อแล้ว ก็ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

โหจื่อกระหืดกระหอบ พูดอย่างเศร้าใจว่า “สถานตากอากาศ ถูกคนระเบิดแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน