NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 777 ความในใจของท่านจวน

บทที่ 777 ความในใจของท่านจวน

หม่าเฟิงมองไปยังหวางเชาที่อยู่บนพื้น

ถ้าหากมีแต่ตัวเขาคนเดียว หม่าเฟิงก็จะไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้น เขาจะต้องใช้ความตายพิสูจน์ตัวเองแล้ว

“พี่ใหญ่ ยังจำคำพูดพวกเราก่อนออกมาไหม? พวกเราสี่คนพี่น้องไม่ขอเกิดในวันเดือนปีเดียวกัน แต่ขอตายพร้อมกันในวันเดือนปีเดียวกัน จางหลงกับเฉินเสี่ยวก็ตายไปแล้ว พวกเราสองคน อยู่ต่อไปจะมีความหมายอะไรอีกล่ะ?”

หวางเชาพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส ไม่สะทกสะท้านต่อความเป็นความตายนานแล้ว

“อีกอย่างหนึ่งคือ ต่อให้พวกเขาปล่อยพวกเราไป พวกเราจะมีทางไหนให้เดินได้อีกล่ะ?”หวางเชาพูด

พวกเขาติดตามท่านจวนมาชั่วชีวิตแล้ว ตอนนี้ ข้อเสนอของลุงเฉียนที่จะไว้ชีวิตพวกเขา ก็คือไม่ให้พวกเขาทำงานถวายชีวิตท่านจวนอีกต่อไป

งั้นพวกเขายังเหลือทางเดินอะไรให้เดินได้อีก?

ออกไปจากเมืองเอกเหรอ?

แน่นอนด้วยความสามารถของพวกเขาสองคน ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้ทั้งนั้น

เพียงแต่ว่าท่านจวนจะปล่อยพวกเขาไปไหม?

ถ้าหากพวกเขาหนีไป ก็เป็นการลี้ภัยแล้ว ยังต้องพาครอบครัวไปด้วย……..

หม่าเฟิงถอนหายใจ มองหน้าลุงเฉียน “ฆ่าพวกเราเสียเถอะ”

สีหน้าลุงเฉียนรู้สึกเสียดาย สำหรับหม่าเฟิงคนนี้ก็ไม่ใช่เป็นคนเลว พูดตามจริงแล้ว ก็คือติดตามผิดคนเท่านั้นเอง”

“ใช่แล้ว จำไว้อย่าพูดกับหลอซ่า เรื่องที่ฉันยังมีชีวิตอยู่”

หม่าเฟิงพูดขึ้นกะทันหัน ราวกับว่าเป็นคำสั่งเสียของตัวเอง

ลุงเฉียนโบกมือ ดูเหมือนเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย ในขณะที่โหจื่อกำลังเตรียมพร้อมจะยิงปืนออกไปนั้น ฝูงชนจำนวนมากมาย บุกขึ้นมาจากไหล่เขาข้างล่าง

พวกเขา พวกเขาคงรออยู่นานแล้ว

เมื่อคนกลุ่มนี้มาถึงตรงหน้าลุงเฉียนแล้ว พวกเขาก็หยุดเดิน จากนั้นก็แหวกเป็นเส้นทางเดินออกมา

ส่วนท่านจวนนั้น มือถือคฑาหัวมังกร ค่อยๆเดินขึ้นมาข้างหน้า

“ท่านจวน…….”

เมื่อเห็นท่านจวนแล้ว หม่าเฟิงและหวางเชาก็พูดทักทายขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งสองคนก้มหน้าลง สีหน้าเหมือนคนที่ทำความผิดไว้

พวกเขาไม่ได้ทำหน้าที่ที่ท่านจวนมอบหมายให้สำเร็จ ในใจก็ย่อมรู้สึกละอายแก่ใจเป็นธรรมดา

ท่านจวนตอบรับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วพูดว่า “ถอยออกไปเถอะ”

“ท่านจวน พวกเราสมควรตาย ไม่ได้ทำหน้าที่ตามที่ท่านมอบหมายมาให้สำเร็จ” หม่าเฟิงพูด

ท่านจวนพูดด้วยสีหน้าไม่ติดใจว่า “พวกแกก็ทำสุดฝีมือแล้ว พวกเราฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ ไม่มีอะไรที่จะต้องกล่าวโทษกัน พวกแกก็ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก อย่างน้อยการแพ้ชนะก็เป็นเรื่องธรรมดาของนักรบอยู่แล้ว”

“เขาเอาศพของจางหลงและเฉินเสี่ยวกลับไป ทำพิธีฝังอย่างมีเกียรติ”

“อีกอย่าง ไปหาหมอมารักษาหม่าเฟิงด้วย”

ท่านจวนพูดจบก็เดินมาข้างหน้า มองดูลุงเฉียน “เจ้าเฉียน แกออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้ งั้นท่านลู่จะทำยังไงล่ะ?”

ลุงเฉียนหรี่ตายิ้ม “ฉันเข้าใจดี เป้าหมายครั้งนี้ของแก ก็คือทำเรื่องวุ่นวายไปทั่ว ส่งหม่าเฟิงพวกเขามาจัดการพวกเรา ความจริงแล้ว เป้าหมายที่แท้จริงของแก ไม่ใช่เพื่อมาฆ่าพวกเรา แต่ว่าจะล่อให้พวกเราออกมา จากนั้นก็ส่งคนเข้าไปช่วยท่านลู่ออกมาใช่ไหมล่ะ?”

“ระเบิดประตูทางเข้าของสถานตากอากาศ ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น แกรู้ว่าฉันจะต้องออกมาแน่นอน”

ลุงเฉียนพูดว่า “เพียงแต่ฉันอยากจะถามแกหน่อย แกทำสำเร็จหรือยังล่ะ?”

ท่านจวนหยิบมือถือออกมา จากนั้นก็กดหมายเลขโทรศัพท์ หลังจากโทรติดแล้ว ท่านจวนก็ถามว่า “ช่วยคนออกมาได้หรือยัง?”

“ท่านจวน พวกเราหลงกลแล้ว ในถ้ำใต้ดินนี้ มีแต่กับดักเต็มไปหมด คนที่พวกเราพาเข้ามาตอนนี้ก็ตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว”

เสียงอึกทึกดังแว่วออกมาจากทางฝ่ายนั้น

“มันเรื่องอะไรกันแน่? พวกเขาไม่มีคนอยู่ในนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมพวกแกยัง……..”

ไม่ทันรอให้ท่านจวนจบ ฝ่ายนั้นก็พูดว่า “พวกเขาไม่ใช่คน พวกเขา……..พวกเขาคือปีศาจ”

พูดจบ ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากโทรศัพท์ทางฝ่ายนั้น

เสียงร้องโหยหวนยังดังไม่หยุด

สีหน้าท่านจวน รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เขามองดูลุงเฉียน แล้วถามว่า “แกเลี้ยงสัตว์ประหลาดอะไรไว้ในถ้ำกันแน่”

พวกเขาเป็นคนทั้งนั้น เพียงแต่ว่าสมองของพวกเขา ถูกเผาจนเสียหายไปแล้ว แทบจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง อีกทั้งยังกระหายเลือดด้วย”

“ถ้ามีใครบุกเข้าไปในถิ่นของเขา พวกเขาก็ต้องปกป้องรักษาไว้อย่างดี”

ลุงเฉียนพูด

ท่านจวนวางสายโทรศัพท์แล้วพูดว่า “ในเมื่อคนของฉันบุกเข้าไปไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้น้องเฉียนช่วยกรุณาหน่อย ช่วยพาทางลู่ออกมาให้หน่อย”

ลุงเฉียนหัวเราะเสียงดัง ถามกลับไปว่า “ท่านจวน แกคงไม่ใช่แก่จนเลอะเลือนแล้วนะ ฉันไม่ได้เป็นลูกน้องแกมานานแล้ว ตอนนี้ทำไมจะต้องฟังคำสั่งแกด้วยล่ะ”

“ก็อาศัย………”

ท่านจวนหัวเราะ จากนั้นก็ปรากฏฝูงชนจำนวนมาก เดินแถวหน้ากระดานตรงเข้ามาทีละก้าว

“แกคิดว่า แกกับโหจื่อ สามารถที่จะรับมือไหวเหรอ?”

ท่านจวนพูดว่า “นี่คือพวกที่ฉันเชิญมาจากเซราฟิม นักฆ่าจำนวนหกสิบกว่าคน”

“ถ้าแกไม่ส่งท่านลู่ออกมาละก็ งั้นนักฆ่าทั้งหมดหกสิบกว่าคนนี้ก็จะบุกเข้าไปหาพวกแก ลำพังพวกแกแค่สามคน ฮ่าๆๆ…….”

ลุงเฉียนพูดไปครึ่งหนึ่ง ก็ไม่ได้ต่อไปอีกแล้ว สถานการณ์ที่บีบคั้นเช่นนี้ ก็เข้าใจได้ชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบายแล้ว

ถ้าหากว่านักฆ่าทั้งหกสิบกว่าคนนี้ บุกเข้ามาพร้อมกันแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกหลี่ฝาง ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานได้อย่างแน่นอน

“หรือว่าแกกับโหจื่ออาจจะอาศัยความสามารถของตัวเอง หลบหนีไปจากการไล่ล่าของพวกนักฆ่าได้ แต่ลูกชายของหลอซ่า หลี่ฝางล่ะ?” มองดูหลี่ฝาง ท่านลู่หรี่ตาแล้วหัวเราะ

“เดิมทีก่อนหน้าที่ข่าวการตายของหลอซ่ายังไม่ได้ลือสะพัดออกมา ฉันก็ไม่คิดจะลงมือกับลูกชายเขาหรอก แต่ว่าพวกแกบีบบังคับฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ฉันโกรธแค้น ดังนั้น ฉันก็เลยปล่อยวางความอดกลั้นของตัวเองลง”

ท่านจวนพูดอย่างเยือกเย็น

หลี่ฝางขมวดคิ้ว หยิบมือถือขึ้นมา กำลังเตรียมจะส่งข้อความให้ซุนจิ้น ท่านจวนกลับพูดขึ้นมาขณะนั้นว่า “ไม่ต้องเสียเวลาคิดแก้ปัญหาแล้ว ในเวลานี้ไม่มีใครสามารถช่วยแกได้หรอก นอกจากพ่อแกหลอซ่าจะกลับมาทันในเวลานี้”

สีหน้าของลุงเฉียนสงบนิ่งยิ่งมาก ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

นี่ก็เป็นคำตอบที่ให้กับท่านจวนอย่างไม่ต้องสงสัย เขาไม่ตกลงที่จะพาท่านลู่ออกมา

“ดูเหมือนว่า แกไม่คิดจะประนีประนอมกับฉันเลย” ท่านจวนส่ายหัวอย่างผิดหวัง

“นี่เป็นลูกชายของหลอซ่าเชียวนะ ส่วนท่านลู่เป็นเพียงแค่วัตถุโบราณชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง ในใจของแกพวกเขาทั้งสองคนใครมีความสำคัญมากกว่ากัน ฉันนึกว่าแกไม่น่าจะต้องเลือกแล้ว หารู้ไม่ว่า…….”

ท่านจวนพูดพลางมองลุงเฉียน “แกถึงกับยอมละทิ้งชีวิตลูกชายหลอซ่าอย่างไม่ไยดี นี่ถ้าหลอซ่ารู้แล้วละก็ หลอซ่าจะต้องเสียใจมากขนาดไหน?”

“แน่นอน หลอซ่าอาจจะไม่มีโอกาสเสียใจแล้วก็ได้” ใบหน้าท่านจวนส่องประกายความโหดร้ายออกมา

คำพูดของท่านจวนนี้ เป็นการสาปแช่งหลอซ่าให้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย

หลี่ฝางในเวลานี้ กำหมัดไว้แน่น มองหน้าท่านจวนอย่างเยือกเย็น “พ่อฉันกับแกไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน ก่อนหน้านั้นยังช่วยทำงานถวายชีวิตให้แก ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติพัสถานเกือบครึ่งที่แกมีอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะว่าพ่อฉันทำไว้แก ในเมื่อแกไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ งั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเหยียบย่ำซ้ำเติมกันเลย?”

“แล้วทำไมแกจะต้องมาสาปแช่งให้พ่อฉันตายด้วย?”

หลี่ฝางมองดูท่านจวน ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“แม้งแกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะต้องพูดคำหยาบ

“ฮ่าๆ ในยุทธภพนี้ ไม่มีใครรำลึกถึงบุญคุณกันหรอก หลอซ่าทำงานให้ฉัน ฉันก็ตอบแทนเขาด้วยความร่ำรวยเงินทอง มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมอยู่แล้ว แต่ว่าหลอซ่าเขาทำอะไรไว้บ้างล่ะ? เขาเป็นแค่ลูกน้อง แต่กลับไปซื้อใจผู้คนตลอดเวลา เพื่อมาเสริมอำนาจบารมีให้กับตัวเอง นอกจากพวกเจ้าเฉียน ส้าวส้วยคนพวกนี้แล้ว แม้กระทั่งมือปืนคนสนิทของฉัน เขาก็ยังจะมาชักจูงไปเลย”

“ถึงแม้ฉันจะรู้ดีว่า เขาไม่มีใจที่จะคิดคดทรยศฉัน แต่ว่าพฤติกรรมของเขา มันก็คือการทรยศหักหลังแบบหนึ่งแล้ว เมื่อฉันสั่งให้เขาทำงาน เขามักจะต้องเสนอความคิดเห็นเสมอ เวลาที่เขาตอบโต้วิจารณ์ถูกผิดกับฉัน ฉันก็เกิดความคิดที่จะกำจัดเขาแล้ว”

“เขาเป็นเพียงแค่ทหารตัวเล็กๆคนหนึ่ง เขาควรจะทำตามคำสั่งของฉัน ไปทำงาน แต่ไม่ใช่มีความคิดเห็นของตัวเอง มีหลักการบ้าบออะไรมากมายของเขา”

ท่านจวนพูดอย่างเยือกเย็นว่า “เขาทำตัวเป็นเหมือนแม่พระ พูดกับฉันว่าการค้าอย่างนี้ทำไม่ได้ อย่างนั้นทำได้ ตอนนั้นฉันฟังแล้วอยากจะอ้วก ฉันเป็นคนที่อยู่ในวงการสีเทา เดิมทีหากำไรมาจากเงินที่ไม่สะอาดอยู่แล้ว แต่ว่าเขาล่ะ? กลับไล่เทพเจ้าแห่งความร่ำรวยของฉันออกไปหมด สุดท้ายแล้ว เทพเจ้าแห่งความร่ำรวยก็ไปหาลูกพี่หลินเสียแล้ว ลาภก้อนโตที่อยู่ในมือนั้น กลับหลุดไปอยู่ในมือของลูกพี่หลินจนได้”

“ตอนนั้นหลอซ่า เหิมเกริมมากเกินไป เหิมเกริมจนกระทั่งในสายตาไม่มีลูกพี่ใหญ่อย่างฉันแล้ว แม้แต่ใครเป็นเจ้านายก็ยังจำไม่ได้แล้ว

สายตาท่านจวนเลือดเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “คนอย่างนี้ มีลูกพี่คนไหนสามารถยอมรับเขาได้ล่ะ?”

“ดังนั้น แกก็เลยต้องทำร้ายพวกเราใช่ไหม? ทำร้ายพวกเราคนที่เคยช่วยสร้างอาณาจักรฐานะให้แกงั้นเหรอ?” ลุงเฉียนมองดูท่านจวน แล้วเถียงด้วยน้ำเสียงเย็นชา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน