NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่787 ส้าวส้วยกลับมา

บทที่787 ส้าวส้วยกลับมา

ชีซา หมาป่าละโมบ หยุดพร้อมกัน

ห่างแค่เมตรเดียว พวกเขาก็จะเอามีด กริชในมือ เสียบเข้าไปในร่างกายของหลี่ฝาง

แต่ว่า ในช่วงสำคัญนี้เอง พวกเขากลับหยุดลง

ไม่ใช่เพราะว่าเขา แต่เพราะคนตรงหน้าคนนี้ ทำให้พวกขารู้สึกกลัวมาก

ปรากฏตัวอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า ……

ความรวดเร็วที่มากกว่าคนทั่วไป……

แล้วก็ เขาสามารถกดหลี่ฝางที่ตกอยู่ในบ้าระห่ำไว้ได้ในพริบตา ก็เพียงพอที่จะพูดได้ว่า คนตรงหน้านี้ เป็นผู้ชายที่น่ากลัวที่สุด

อย่างน้อย เขาก็น่ากลัวกว่าหลี่ฝางที่ระเบิดออกมา

กำลังภายในของคนอายุน้อยที่ระเบิดออกมา อย่าว่าแต่ชีซากับหมาป่าละโมบเลย ถึงพวกเขาสามคนร่วมมือกัน ก็ไม่อาจจะยับยั้งเขาได้ ……

หลี่ฝางที่อยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ หากเป็นคนทั่วไปก็ได้แต่เลือกที่จะหลบหนี

และคนๆนี้ ก็เอามือข้างหนึ่งพาดไปที่ไหล่ของหลี่ฝาง ทำการควบคุมให้อยู่ใต้อำนาจ

นี่คือความแข็งแกร่งอย่างไร?

ชีซากับหมาป่าละโมบมองหน้ากัน จากนั้นก็ถามคนๆนี้:“นี่คือใคร?”

ส้าวส้วยไม่สนใจสองคนนี้ แต่มือข้างหนึ่ง วางไว้บนไหล่ของหลี่ฝาง ใช้พลังอันมหาศาลของตัวเอง กดเขาไว้

“ถึงแม้ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมา ถึงทำให้คุณบ้าคลั่ง ……แต่คุณจะต้องฟื้นขึ้นมา”

เวลานี้ ถ้าหลี่ฝางฟื้นมาไม่ได้ อนาคต น่าจะกลายเป็นคนเสียสติไป

นี่คือสิ่งที่ส้าวส้วยไม่อยากจะเห็น

เวลาผ่านไปหลายนาที ไม่มีใครกล้าขยับ

ดวงตาของหลี่ฝาง ค่อยๆได้สติคืนมา

ตอนที่หลี่ฝางลืมตามาเห็นส้าวส้วย ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับฝันไป

ทุกอย่างตรงหน้านี้ ไม่ใช่ความจริงเลย

“ผม……ผมเป็นอะไรไป?”

หลี่ฝางดูสับสน จำทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊ไม่ได้

ส้าวส้วยมาอยู่ข้างกายตัวเองได้ไง หลี่ฝางจำไม่ได้ เขาจำได้แค่ว่า เขาอยากหนี แต่ถูกล้อมไว้

“โหจื่อกับลุงเฉียน……พวกเขา……”

หลี่ฝางมองส้าวส้วย พูดด้วยใบหน้าร้อนใจ:“พวกเขา……”

“ผมเห็นแล้ว”

ส้าวส้วยมองโหจื่อ ในดวงตาดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา:“โหจื่อยังไม่ตาย”

อยู่ห่างกันไกลมาก ส้าวส้วยก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่อ่อนแรงของโหจื่อ

ส้าวส้วยหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรออกไปเบอร์หนึ่ง

“ออกมา”ส้าวส้วยพูดอย่างง่ายๆ

แป๊บเดียว ผู้ชายที่สวมแว่น ก็ค่อยๆออกมาจากสถานตากอากาศ

เขาคือหมอของสถานตากอากาศ มองเห็นคนนี้ โพ่จุนก็ขมวดคิ้ว

ก่อนออกมา โพ่จุนกับหมาป่าละโมบ ก็ดูทั่วสถานตากอากาศไปรอบหนึ่งแล้ว หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครรอด พวกเขาถึงออกมา

“ส้าวส้วย คุณกลับมาแล้วเหรอ”

หมอมองส้าวส้วย ใบหน้าปรากฏความไร้ชีวิตชีวา:“คุณกลับมาแล้ว สถานตากอากาศก็จะมีคนช่วยแล้ว”

“โหจื่อ แล้วก็ลุงเฉียน……”

ส้าวส้วยขมวดคิ้ว:“พาพวกเขากลับไป”

“โอเค”

หมอไม่พูดไร้สาระอะไร ก็เดินไปทางโหจื่อเลย เขาเห็นบาดแผลของโหจื่อ แล้วส่ายหน้า:“เห้อ แบบนี้แล้วยังรอดอีก ชีวิตของคุณนี่ถึกจริงๆ”

ถูกกระบี่อ่อนแทงเข้าร่างกาย แล้วยังถูกดึงออกมา เลือดเต็มพื้นไปหมด แต่ยังหายใจรวยริน

นอกจากจะเกิดขึ้นได้ยากแล้ว ก็ยังแสดงได้เห็นว่าโหจื่อยังมีความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป อย่างแข็งแกร่ง

หมอหยิบผงสีเหลืองออกมาจากอ้อมแขนกำหนึ่ง กดไปที่แผลตรงหน้าอกของโหจื่อ จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องเบาๆของโหจื่อ

“เหอะเหอะ รู้ว่าเจ็บก็ดี”

เห็นการตอบสนองของโหจื่อ หมอก็ยกมุมปากนิดๆ หมายความว่า ความหวังที่จะรอดนั้นมีมาก

อุ้มโหจื่อขึ้นมาเบาๆ จากนั้นหมอก็มาอยู่ตรงหน้าของลุงเฉียน

ลุงเฉียนในตอนนี้ นอนอยู่ที่พื้น ไม่ขยับ ที่ตัวไม่มีลมหายใจใดๆ

“ตายแล้ว?”

หมอขมวดคิ้ว จู่ๆอารมณ์ก็หม่นลง:“พาคุณกลับไปดีกว่า”

หมอแบกลุงเฉียนขึ้นมา ตอนที่กำลังจะไป หมาป่าละโมบก็เดินหน้าเข้ามาทันที ขวางทางไปของเขา

ร่างกายของโหจื่อ หมาป่าละโมบก็เคยเห็นมาแล้ว

ความแข็งแกร่งของเขาอยู่เหนือหมาป่าขาวกับเหยโก่ว สำหรับระยะห่างพวกเขาเจ้าสำนักใหญ่ทั้งสาม ก็ไม่ต่างมากนัก

ถ้าโหจื่อถูกช่วยชีวิตไว้ จะต้องเป็นภัยร้ายที่ซ่อนไว้ขนาดใหญ่ในอนาคตของเซราฟิมแน่

“คุณจะรั้งผมไว้?”

หมอหัวเราะเหอะเหอะ มองหมาป่าละโมบนิ่งๆ พูดอย่างดูถูก:“คุณคิดว่า คุณจะรั้งผมอยู่เหรอ?”

หมอไม่สนใจหมาป่าละโมบเลยสักนิด แล้วเดินไปข้างหน้าต่อ

หมอไม่มีความสามารถอะไร ถ้าเขามีความสามารถจริงๆ ก็ไม่เป็นคนขี้ขลาดแน่

ที่เขาเก่งที่สุด ก็คือปกปิดตัวเองไว้

ไม่ว่าจะมีการต่อสู้แบบไหน หมอก็จะหาสถานที่ปลอดภัยเจอเป็นอย่างแรก ปกป้องตัวเองไว้

แต่สำหรับกังฟูนั้น หมอกลัวว่าแค่นักฆ่าธรรมดาก็น่าจะยังรับมือไม่ได้

ที่หมอกล้าพูดคำที่บ้าระห่ำขนาดนี้ นั่นเพราะว่ามีส้าวส้วยอยู่

หมาป่าละโมบจะลงมือ ตอนที่จับหมอไว้ จู่ๆ ร่างหนึ่ง ก็เหมือนฟ้าแลบ มาอยู่ตรงหน้าเขา

หมาป่าละโมบขมวดคิ้ว เขายื่นมือออกไป จู่ๆก็กำหมัด แล้วปล่อยหมัดไปที่ส้าวส้วย

แต่ส้าวส้วย กลับแค่ยกแขนขึ้นเบาๆ แบฝ่ามือไป แล้วกันหมัดนี้ไว้

ดวงตาของหมาป่าละโมบ ก็ปรากฏความหวาดกลัวทันที

หมัดของเขานี้หนักมาก หมาป่าละโมบรู้ดีที่สุด

ส่วนส้าวส้วย กลับขวางไว้อย่างสบายๆแบบนี้ แสดงให้เห็นความน่ากลัวของเขา

“รีบพาพวกเขาไปรักษาแผล”

ส้าวส้วยพูดกับหมอ

หมอพยักหน้า พูดกับส้าวส้วย:“พวกเขา ฆ่าพวกเราไปหลายคน อย่าปล่อยพวกเขาไป”

สีหน้าส้าวส้วยนิ่งสงบ มองไม่ออกว่าโมโหแค่ไหน

แค่โหจื่อกับท่านจวนสองคน ก็เพียงพอที่จะทำให้ส้าวส้วยโกรธมากแค่ไหน

ก็แค่ ส้าวส้วยไม่ได้แสดงออกมาก็เท่านั้น

ส้าวส้วยมองหมาป่าละโมบแวบหนึ่ง มองกระบี่อ่อนในมือของเขา แล้วถามว่า:“โหจื่อ เป็นคุณที่แทงเหรอ?”

หมาป่าละโมบไม่ตอบ แต่ยกกระบี่อ่อนในมือขึ้นมา แล้วแทงเข้าไป

ร่างของส้าวส้วยไม่ขยับ ก็ยื่นสองนิ้วออกไปโดยตรง รับกระบี่อ่อนไว้ทันที

“คุณไม่ตอบก็ช่าง กลับกัน ไม่ว่าจะใช่คุณหรือไม่ วันนี้ ผมไม่คิดจะปล่อยคุณไป”ส้าวส้วยพูดเบาๆ

ส้าวส้วยพูดจบ ชีซากับโพ่จุน ก็วิ่งเข้ามาทันที

ความรู้สึกของพวกเขาสามคนพี่น้อง อยู่เกินความเป็นความตายไปนานแล้ว

ดังนั้น ไม่ว่าส้าวส้วยจะสุดยอดแค่ไหน หมาป่าละโมบตกที่นั่งลำบาก ชีซากับโพ่จุนก็ไม่นิ่งดูดาย

ส้าวส้วยออกแรง กระบี่อ่อนในมือของเขา ก็หักทันที

กระบี่อ่อนอันนี้ คมกริบมาก ไม่ใช่กระบี่ธรรมดาๆ แต่ว่าแข็งมาก แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังถูกส้าวส้วย หักออกได้อย่างง่ายดาย

หมาป่าละโมบเห็นตรงนี้ ก็เอากระบี่อ่อนในมือ ทิ้งไป แล้วถอยหลังไปหลายก้าว รวมตัวกับพี่ชายสองคนของตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นหมาป่าละโมบ หรือชีซา หรือว่าโพ่จุน พวกเขาสามคนมองสายตาของส้าวส้วย เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เผชิญหน้ากับแขกที่จู่ๆก็มาอย่างคาดไม่ถึง อารมณ์ของเขา ก็หม่นหมองขึ้นมาทันที

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท