NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่781 ปรมาจารย์มากันมากขึ้น

บทที่781 ปรมาจารย์มากันมากขึ้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง
บทที่781 ปรมาจารย์มากันมากขึ้น
ปรมาจารย์ลงมือ ใครจะไปกล้าต่อสู้ด้วย?

คนแบบนี้ ทั้งประเทศก็มีแค่ไม่กี่คน

ถึงแม้อายุของหลี่ฝางจะยังน้อย แต่พลังอันน่าทึ่งที่ปล่อยออกมา กลับทำให้ทุกคนต้องถดถอย

คนที่ฝึกยุทธก็ยิ่งรู้สึกละอาย เด็กคนนี้ดูแล้วน่าจะแค่ยี่สิบต้นๆ ดันฝึกกำลังภายในได้ แต่ตัวเองล่ะ?

แค่วิธีการของกำลังภายในก็ไม่อาจจะบรรลุได้?

หม่าเฟิงฆ่าตัวตาย ก็ทำให้คนหลายๆคน ลึกๆแล้วไม่กล้าสู้กับหลี่ฝาง

หลี่ฝางก็คิดไม่ถึงว่า วิธีการแบบนี้ ดันสามารถสยบคนจำนวนมากขนาดนี้ได้

เมื่อครู่ตอนที่หลี่ฝางรับมือกับหวางเชา แค่อยากสู้กับเขาเท่านั้น

คุณต่อยผมหนึ่งหมัด ผมก็จะต่อยคุณหนึ่งหมัด ดูสิว่าใครจะล้มก่อน……

ส่วนหม่าเฟิง กลับละทิ้งความคิดที่มีอยู่โดยสิ้นเชิง

หมัดเมื่อกี๊ของหลี่ฝาง หม่าเฟิงมีความสามารถที่จะป้องกัน หรือว่าหลบได้ ……

แต่ว่า เขาไม่ทำอะไรเลย ได้แต่ปล่อยให้หลี่ฝางทำร้ายเขา……

หม่าเฟิงตายไป พวกฆาตกร มือปืนพวกนี้ ก็ยิ่งไม่กล้าบุ่มบ่าม

กำลังภายในที่อยู่ในตำนานนั้น สามารถหลบกระสุนได้

เวลาเพียงไม่กี่วินาที หลี่ฝางก็ได้มาถึงตรงหน้าของท่านจวนแล้ว และทำการข่มขู่

ถ้าบอกว่า ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นท่านจวนที่เล่นตุกติกอยู่เบื้องหลัง

งั้น ท่านจวนก็สมควรถูกฆ่า

หากหลอซ่าทำไม่ลง หลี่ฝางก็อยากทำแทนพ่อเขา

สีหน้าของท่านจวนตื่นตระหนกหน่อยๆ ครั้งที่แล้วตอนที่เจอกัน ท่านจวนยังไม่กลัวหลี่ฝาง……

หลี่ฝางเมื่อครั้งที่แล้ว แค่คนไม่เอาไหนคนหนึ่ง ถึงแม้ท่านจวนจะแก่แล้ว แต่เมื่อหลายปีก่อน ก็เคยฝึกศิลปะการต่อสู้ สองสามปีนี้ ถึงแม้จะปล่อยไว้ไม่ได้ใช้ไปบ้างแล้ว แต่รับมือกับเด็กอมมือคนหนึ่ง ก็สบายมาก

แต่ว่า หลี่ฝางในตอนนี้ ยังเป็นเด็กอมมือที่ธรรมดาๆอยู่ที่ไหนกันล่ะ?

นี่เป็นถึงปรมาจารย์คนหนุ่มที่ฝึกกำลังภายในเชียวนะ

และก็ ที่น่ากลัวที่สุด สายตาของหลี่ฝางเมื่อก่อนยังคงสดใส แต่ตอนนี้ ในสายตากลับมีแต่ความอาฆาตไปหมด

ความโหดเหี้ยมที่ออกมาจากตัวหลี่ฝาง ทำให้ท่านจวนกลัวขึ้นมา

ท่านจวนรู้สึกได้ว่า หลี่ฝางมาครั้งนี้ จะฆ่าตัวเองทิ้งอย่างชัดเจน

ท่านจวนรู้สึกถึงความกดขี่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เขามองหลี่ฝาง ใบหน้ายังคงพยายามนิ่งเฉยไว้:“คุณกำลังขู่ผม?”

“คุณลืมไปเหรอไง พลซุ่มยิงของผมยังอยู่บนที่สูง ถ้าคุณกล้าบุ่มบ่าม……”

ท่านจวนยังไม่ทันพูดจบ หลี่ฝางก็หัวเราะออกมา:“คุณคิดว่า กระสุนของพวกเขาไว หรือว่าผมไว?”

พลซุ่มยิงอยู่ห่างไปหลายร้อยเมตร ส่วนหลี่ฝางล่ะ?

ระยะห่างกับท่านจวน ไม่ถึงครึ่งเมตร

หลี่ฝางอยากฆ่าท่านจวน แม้แต่พลซุ่มยิงพวกนั้น ก็ห้ามไม่ได้

มากไปกว่านั้น ก็ยังมีกฎไว้ก่อนแล้วด้วย ห้ามใครใช้อาวุธ

“ฆ่าผม พวกคุณทุกคน ก็จะไม่มีชีวิตรอดสักคน”สีหน้าของท่านจวนเย็นชาลง

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ พูดว่า:“แต่ว่า คุณก็ไม่เคยคิดจะปล่อยพวกเขาสินะ?ใช่ไหม?คุณท่านจวน”

ในตอนนี้เอง ใต้เขา ก็มีเสียงฝีเท้าปังปังเข้ามา

ร่างหลายร่างผ่านป่าเข้ามา ส่งเสียงดังกรอบแกรบ

หลี่ฝางได้ยิน ท่านจวนก็ได้ยิน

ในใจท่านจวนก็มีความหวังขึ้นมา พูดอย่างร่าเริงขึ้นมาทันที:“มาแล้ว”

จากความเร็วนี้ หลี่ฝางก็วิเคราะห์ออกมาว่า คนสองสามคนนี้ที่มา กังฟูจะต้องแข็งแกร่งแน่

มู่หรงฉางเฟิงเพิ่งจากไปแค่เวลาสั้นๆอย่างนี้ ก็ได้เชิญปรมาจารย์แบบนี้มาได้

หลี่ฝางขมวดคิ้ว รายละเอียดของสี่ตระกูลใหญ่ แข็งแกร่งมากขนาดไหนกันแน่?

ตอนที่หลี่ฝางเอาความสนใจไปไว้ที่ปรมาจารย์พวกนั้นที่กำลังมาถึง ทันใดนั้น ในสายตาของท่านจวน ก็มีความร้ายกาจเล็กน้อย

มือท่านจวนขยับ นิ้วหัวแม่มือกดไปที่บนไม้เท้าของตัวเอง

เสียงดังปังขึ้นมา ไม้เท้านี้มีแสงไฟออกมา

กระสุนลูกหนึ่ง ยิงออกมา

“จะเป็นไปได้ไง?”

ท่านจวนตาเบิกโต เดิมทีเขาคิดว่า กระสุนนี้ ถึงเอาชีวิตของหลี่ฝางไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถโจมตีเขาได้อย่างง่ายดาย

ใครจะไปรู้ว่า หลี่ฝางกลับหลบได้อย่างง่ายดาย

หลี่ฝางมองท่านจวน หัวเราะเบาๆ:“เมื่อกี๊ผมไม่ได้บอกแล้วหรือไง ปรมาจารย์กำลังภายใน ความเร็วนั้นเร็วเท่าจะหลบกระสุนได้”

ที่จริงแล้ว หลี่ฝางก็ตระหนักได้อยู่แล้วว่าท่านจวนจะแอบโจมตีตัวเอง ดังนั้น หลี่ฝางจึงไม่ได้ลดละการป้องกันตัวเองออก

ก่อนหน้านี้ หลี่ฝางเคยเห็นมู่เจิ้งถังถือไม้เท้านี้ไว้ และตอนนั้น โหจื่อก็มองออกแล้วว่า ในไม้เท้าของมู่เจิ้งถังมีปืนกระบอกหนึ่งซ่อนไว้

หลี่ฝางในตอนนี้ ยังคงจำได้ชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดเร็วๆนี้

ขณะเดียวกัน หลี่ฝางก็สงสัยว่าไม้เท้านี้ของท่านจวนจะต้องแอบทำอะไรแน่

ถึงแม้ปืนนี้ ไม่ได้โจมตีเข้ามาถึงจุดประตูชีวิตของตัวเอง แต่ถ้ายิงโดน ขาของตัวเอง จะต้องเคลื่อนไหวตัวไม่สะดวกแน่

มีการป้องกันนานแล้ว บวกกับปฏิกิริยาตอบสนองที่ว่องไว จึงทำให้หลี่ฝางมีความสามารถของการหลบกระสุนได้

แต่ว่า ท่านจวนกลับไม่คิดแบบนี้……

เขายังคิดว่า หลี่ฝางมีความว่องไวได้จริงๆ หลบกระสุนได้ แล้วยังว่องไวกว่ากระสุนด้วย

มือหลี่ฝางบีบคอของท่านจวน แล้วยกขึ้นมาโดยตรง

หลี่ฝางในตอนนี้ ถึงแม้ยกก้อนหินขึ้นมา ก็ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง นับประสาอะไรแค่คนแก่ๆคนหนึ่ง?

หลี่ฝางก้าวไปข้างหน้า เอาตัวของท่านจวน กดไปที่ต้นไม้ใหญ่

หลี่ฝางมองไปที่ท่านจวน พูดอย่างเย็นชา:“ในเมื่อคุณอยากตายขนาดนั้น งั้นผมก็จะจัดให้”

พูดไป หลี่ฝางหยิบมีดออกมา จ่อไปที่คอของท่านจวน แล้วแทงไป

และตอนนี้เอง สิ่งของที่ส่องประกายออกมา จู่ๆก็ปาดเข้ามาทางหลี่ฝาง

หลี่ฝางรีบร้อนหน่อยๆ รีบปล่อยท่านจวน แล้วถอยออกไปหลายก้าว

พอหลี่ฝางทรงตัวได้มั่นคงแล้ว ตรงหน้าของเขา ก็ปรากฏคนสองสามคน

คนไม่กี่คนพวกนี้ ต่างยืนอยู่ไม่ห่างจากท่านจวน สายตาของพวกเขา ต่างจ้องไปที่หลี่ฝาง เหมือนกับจ้องเป้าหมายของตัวเอง

“หมาป่าขาว เด็กคนนี้ผมเห็นก่อน”

ผู้ชายที่ทั้งตัวมีกล้ามเนื้อ พูดกับคนที่อยู่ข้างๆ

ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าหมาป่าขาว มาพร้อมกับความร้ายกาจไปทั้งร่างกาย ใบหน้าของเขา ถูกวาดไปมา หลากหลายสีสัน

มองไปแล้วแปลกมาก และก็ดูโง่สุดๆ

ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

ลุงเฉียนมองเห็นการปรากฏตัวของสามคนนี้ ก็เปลี่ยนเป็นกังวลขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่า ตัวตนสามคนนี้จะไม่ธรรมดา ลุงเฉียนที่ดูนิ่งๆใจเย็นมาตลอด ก็ยืนหยัดไม่อยู่อีกแล้ว เขารีบก้าวเข้าไป วิ่งเข้ามาที่หลี่ฝาง

“ระวังหน่อย สองคนนี้ เป็นนักฆ่าอันดับต้นๆของประเทศ”

ลุงเฉียนเคยได้ยินชื่อของพวกเขา แต่สำหรับหน้า เป็นครั้งแรกที่ได้เจอ

เขารู้แค่ว่าหนึ่งในนั้นที่ชื่อหมาป่าขาว ทุกครั้งที่ออกมา ก็จะวาดไปที่ใบหน้า การกระทำแปลกสุดๆ ทำให้คาดเดาไม่ออก

ส่วนอีกคน ที่ชื่อเหยโก่ว ฟันทั้งปากของเขา ก็คมสุดๆ

เหยโก่วไม่มีลักษณะพิเศษอะไร แต่แค่ปาก ก็จำได้

ฟันของเขา ยาวเป็นพิเศษ และขนาดก็ยังไม่เสมอกัน

“หมาป่าขาวกับเหยโก่ว ว่ากันว่าตอนที่ทั้งสองคนปฏิบัติหน้าที่ จะเป็นเหมือนเงาตามตัวไม่แยกจากกัน”ลุงเฉียนพูดด้วยสีหน้าอันหนักอึ้ง

ประโยคเหล่านี้ ได้ยินเข้าหูของอีกฝ่าย

เหยโก่วยิ้มยิงฟันออกมาอย่างน่ากลัว หัวเราะหึหึ แต่ที่ใบหน้ากลับดูอวดดี

“หมาป่าขาว ดูเหมือนชื่อของพวกเราจะดังมากเลยนะ แม้แต่ตาแก่คนนี้ ก็ยังเคยได้ยินชื่อของพวกเรา”เหยโก่วพูดด้วยใบหน้าภูมิใจ

หมาป่าขาวก็เอาแต่จ้องหลี่ฝาง ตาไม่ขยับ

เหยโก่วผลักหมาป่าขาวเล็กน้อย พูดว่า:“ผมว่านะหมาป่าขาว คุณคงไม่ได้ชอบใจเด็กนี่หรอกใช่ไหม?ถ้าคุณชอบใจเขาล่ะก็ เด็กคนนี้ก็จะเป็นของคุณ”

“เด็กคนนี้แปลกไปหน่อย”

หมาป่าขาวกลอกตาใส่เหยโก่ว พูดว่า:“คุณมองไม่เห็นหรือไง?”

“ดูออกว่า แม้แต่ลูกดอกของคุณก็ยังหลบได้ ความเร็วของเด็กคนนี้ ไม่ธรรมดา อายุยังน้อย ก็มีความเร็วที่ว่องไวอย่างนี้แล้ว เหอะเหอะ นี่ถ้าให้เขาโตขึ้นอีกสักปีสองปี จะน่ากลัวแค่ไหนกันเชียว?”

“พวกเราจะต้องรีบทำลายเขาตอนที่เขายังควบคุมเราไม่ได้ วันนี้เจ้าเด็กคนนี้ พวกเราจะต้องกำจัดทิ้ง”เหยโก่วหัวเราะหึหึ ความอาฆาตในดวงตาก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

หมาป่าขาวพยักหน้า เหมือนว่าจะหมายความเช่นนี้

ก่อนที่หลี่ฝางจะเติบโตนั้น กำจัดเขาทิ้ง เหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่เลว

และตรงหน้าของหมาป่าขาวกับเหยโก่ว ก็มีคนยืนอีกหนึ่งคน คนๆนี้น่าจะประมาณสี่สิบปี ใบหน้าของเขานิ่งสงบ มองอะไรไม่ออกเลย

เหมือนกับน้ำใสสะอาด ที่ไม่มีคลื่นใดๆ

และคนๆนี้ หากมาที่นี่กับหมาป่าขาวและเหยโก่วได้ ความแข็งแกร่งนั้นจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด

สถานการณ์ ก็ยิ่งรับมือยากขึ้นเรื่อยๆ ……

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท