NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 826 ส้าวส้วยมาช่วยแล้ว

บทที่ 826 ส้าวส้วยมาช่วยแล้ว

ขณะที่รถกำลังใกล้จะถึงหน้าประตูทางเข้าบ้านหลังนั้น ล้อทั้งสองของรถก็ถูกมือปืนซุ่มยิงได้ยิงยางล้อจนระเบิด รถจึงลื่นไถลวิ่งขวางไปตามทางห่างออกไปหลายเมตรแล้วจึงหยุดลง

“คุ้มกันพวกเธอลงรถ!”

คนขับรถตะโกนบอกลูกน้องสองคนในรถ ใช้ขาถีบประตูรถออกแล้วกระโดดออกไป

โป้ง!

กระสุนปืนของมือปืนซุ่มยิงพุ่งทะลุกระจก เข้าไปตรงตำแหน่งของคนขับรถ

คนขับรถคนนี้ก็เป็นคนที่มีประสบการณ์แก่กล้า รู้ว่าหลังจากที่รถวิ่งแฉลบจนรถขวางถนนแล้วตำแหน่งคนขับของตัวเองก็ถูกเปิดเผยสู่สายตามือปืนซุ่มยิง ขืนขับรถต่อไปอีกก็จะทำให้ศีรษะตัวเองถูกระเบิดกระจุยอย่างแน่นอน

ในอีกด้านหนึ่ง เหมิงเหมิงและลู่หลุ่ยถูกลูกน้องผลักลงจากรถ แล้วหมอบไปลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว

เอี๊ยด———

ขณะที่พวกลูกน้องทั้งหลายคิดว่าหมดหวังที่จะได้เข้าไปในห้องโถงชั้นหนึ่งของคฤหาสน์แล้วนั้น ก็ปรากฏมีรถออดี้สีดำคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วจอดขวางตรงหน้าพวกเขาพอดี

“อย่าขยับ ฟังคำสั่งฉัน!”

ร่างของหลี่ฝางก็มุดออกมาจากหน้าต่างรถ อีกมือก็ลากศพที่หมดลมหายใจแล้ว เกือบจะทำให้ลู่หลุ่ยที่กำลังจะโผล่เข้าหาหลี่ฝางตกใจแทบช็อกตาย

เสียงปืนที่อยู่ข้างนอกประตูทางเข้าโรงพยาบาลค่อยๆเบาลง หลี่ฝางรู้ว่าพวกลูกน้องที่ตัวเองเรียกมานั้นคงถูกสังหารตายไปหมดแล้ว

หลี่ฝางสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ในมือก็ลากศพออกมา ยื่นศีรษะเขาไปข้างหน้ารถ

โป้ง!

เป็นไปตามที่หลี่ฝางคาดเดาไว้ กระสุนของมือปืนซุ่มยิงก็พุ่งเข้ามาทันที ทำให้คอของลูกน้องที่ตายไปแล้วถูกยิงจนขาดไปครึ่งหนึ่ง เลือดสาดกระเซ็นกระจายไปเต็มพื้น

โอ๊ย!

ลู่หลุ่ยและเหมิงเหมิงกรีดร้องเสียงดังอีกครั้ง ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

“ถอยเร็ว!”

หลี่ฝางโยนศพที่ไร้หัวทิ้งไป กัดฟันลุกขึ้นยืนแล้วเล็งยิงไปยังตำแหน่งของมือปืนซุ่มยิง เพื่อคุ้มกันลู่หลุ่ยให้ถอยร่นออกไป

มือปืนซุ่มยิงเปลี่ยนซองกระสุนค่อนข้างช้า ในช่วงสองสามวินาทีก็เพียงพอที่จะให้หลี่ฝางยิงตอบโต้มือปืนซุ่มยิงได้อีกครั้งหนึ่ง

ที่เหลืออีกสามคนทั้งจูงทั้งลาก พยายามดึงตัวเหมิงเหมิงและลู่หลุ่ยขึ้นมาจากพื้น แล้วรีบวิ่งไปยังประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่อย่างไม่คิดชีวิต

หลี่ฝางยิงไปถอยไป ขณะที่จวนจะถึงประตูทางเข้านั้น กระสุนปืนในมือก็หมดเสียก่อน จึงต้องโยนปืนทิ้งไป แล้ววิ่งตรงไปยังลู่หลุ่ยพวกเขา

โป้ง!

เสียงปืนสไนเปอร์ดังขึ้น หลี่ฝางพุ่งตัวไปข้างหน้าสุดแรงก่อนที่เสียงปืนดังขึ้นเพียงเสี้ยววินาที

“อุ้ย!”

หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมา ไหล่ซ้ายถูกยิงแล้ว

ยังโชคดีที่กระสุนไม่ได้ทะลุเข้ากระดูก ไม่เช่นนั้นแล้วไหล่ซ้ายของเขาคงต้องพิการแน่นอน

ถ้าหากย้อนเวลาก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือน เขาจะไม่สามารถที่จะหลบกระสุนปืนนัดนี้ได้อย่างแน่นอน แต่ว่าความรู้สึกสัมผัสที่หกนั้นก็ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ได้อีกครั้งหนึ่ง

“หลี่ฝาง!”

ลู่หลุ่ยตะโกนเรียกด้วยความตื่นตกใจ กลัวจนน้ำตาไหลออกมา

“รีบหนีเร็ว!”

หลี่ฝางไม่ทันที่จะตรวจดูบาดแผลของตัวเอง กอดลู่หลุ่ยไว้แล้วกลิ้งตัวไปยังห้องโถงใหญ่อีกครั้งหนึ่ง จนกลิ้งไปหลบอยู่หลังกำแพง

โป้ง!

เสียงปืนสไนเปอร์ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ลูกน้องคนหนึ่งที่กำลังจะไปแอบหลังกำแพงถูกยิงล้มลง เลือดกระเด็นออกจากหน้าอกของเขา กลิ่นคาวเลือดแห่งความตายแผ่ซ่านออกไปทั่ว

ช้าเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เขาก็จะสามารถหลบพ้นจากความตายได้แล้ว

แต่ว่าโชคชะตาก็ชอบล้อเล่นกับคนเราเช่นนี้เสมอ มักจะทำให้สิ้นหวังในขณะที่คนเรากำลังมีความหวัง

“ขอโทษ ขอโทษ………..”

ลู่หลุ่ยที่อยู่ข้างกายหลี่ฝางคลานลุกขึ้นมา มองดูหลี่ฝางที่เต็มไปเลือดทั้งตัว

ตอนนี้ เธอนอกจากพูดคำว่าขอโทษ แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรได้อีก

“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่เป็นไร คนที่ต้องพูดคำว่าขอโทษควรจะเป็นฉัน ฉันเป็นต้นเหตุที่ดึงพวกคุณเข้ามาเอง”

หลี่ฝางทนฝืนยิ้มแล้วนั่งตัวตรงขึ้นมา คิดอยากจะโอบกอดลู่หลุ่ยเพื่อปลอบใจเธอ แต่เห็นว่าตัวเองเปื้อนเลือดไปทั้งตัว จึงล้มเลิกความคิดไป

“คุณชาย ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”

ลูกน้องที่เหลืออีกสองคนก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ทุ่มเทความหวังทั้งหมดไว้กับหลี่ฝางที่เพิ่งแสดงแสนยานุภาพออกมาในวันนี้

“พวกแกสองคนระวังป้องกันภัยไว้ ตรวจดูสิว่าในตึกยังมีนักฆ่าอื่นแอบแฝงอยู่หรือเปล่า จากนั้นก็ไปหาที่ที่ปลอดภัยซ่อนตัวไว้ก่อน”

หลี่ฝางเริ่มตรวจดูบาดแผลของตัวเอง มันน่าแปลกใจมาก บาดแผลในร่างกายของเขาที่ถูกยิงนั้น ดูเหมือนน่าเกลียดน่ากลัวมาก ความเจ็บปวดก็ค่อยๆเพิ่มพูนมากขึ้น แต่ว่าสีหน้าของเขากลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย ความรู้สึกเช่นนี้ก็เหมือนวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว เหมือนบุคคลที่สามที่เฝ้ายืนสังเกตอาการอยู่ข้างๆ สงบเยือกเย็นจนในใจตัวเองก็รู้สึกหวั่นกลัว

เมื่อได้ยินว่าภายในนี้อาจจะมีนักฆ่าคนอื่นอยู่ ทำให้ลูกน้องสองคนนั้นตกใจกลัวจนแทบจะอุจจาระราดออกมา รีบยกปืนขึ้นมาส่องกราดไปรอบๆด้าน

“พวกแกยังเหลือลูกกระสุนอีกเท่าไหร่?”

หลี่ฝางสำรวจภายในร่างตัวเอง เห็นว่าไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ตัวเขาเองตอนที่ออกมาก็มาด้วยความรีบเร่ง แทบจะไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย

“ฉันยังมีกระสุนสิบนัด” ลูกน้องคนหนึ่งตอบด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“ฉันยังมีห้านัด” ลูกน้องอีกคนก็แสดงความกังวลออกมา กระสุนปืนเพียงแค่นี้ ต่อให้ยิงศัตรูถูกทุกนัด ก็ไม่สามารถจะสังหารคนจำนวนทั้งหมดได้เลย

หลี่ฝางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ถามอะไรอีกต่อไป ลากศพของลูกน้องที่ตายไปแล้วที่อยู่หลังกำแพง ใช้วิธีเดิมเอาศีรษะของศพนั้นยื่นล่อออกไปนอกประตูเล็กน้อย

โป้ง!

กระสุนปืนของมือปืนซุ่มยิงก็ยิงเข้ามาอย่างไม่รีรอ ศีรษะของศพนั้นก็แตกกระจายทันที

ศัตรูไม่ใช่โหดเหี้ยมธรรมดา แต่เป็นโหดเหี้ยมอำมหิตมากทีเดียว หากไม่ได้รับการแจ้งเตือนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นศัตรูในจินตนาการเข้ามาปรากฏในเลนส์กล้องของเขา ก็ต้องถูกสังหารทั้งนั้น

ถึงแม้นี่อาจจะเป็นการติดกับดักของศัตรูก็ตาม แต่มือปืนซุ่มยิงพวกนี้จะยอมยิงพลาดไปพันครั้งก็ไม่ยอมปล่อยให้หลุดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว

“คุณชาย ทำยังไงดี? ขึ้นไปหลบชั้นบนไหม?”

“หนีลงข้างล่างดีกว่า ชั้นบนมีห้องผู้ป่วยมากขนาดนั้น ไม่แน่ก็อาจจะมีคนแอบซุ่มอยู่ข้างในก็ได้ ฉันจำได้ว่าชั้นล่างโรงพยาบาลนี้เป็นห้องเก็บศพ ถ้าหากไม่ไหวจริงๆ พวกเราอาจจะต้องแกล้งตายเป็นศพไม่แน่อาจจะรอดสายตาไปได้”

หลี่ฝางยิ้มพลางจูงลู่หลุ่ยไว้ เตรียมพร้อมที่จะลุยเต็มที่

ในขณะนั้นเองมือถือของเขาก็ดังขึ้นมาทันที

“เป็นยังไงบ้าง ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?” เสียงที่หนักแน่นเชื่อถือได้มาโดยตลอดนั้นดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ทางนั้น

“ส้าวส้วย ในที่สุดแกก็มาถึงแล้วเหรอ?” หลี่ฝางดีใจขึ้นมาทันที

“ดูเหมือนว่าสถานการณ์พวกแกนี้ยังไม่เลวเลย หลบต่อไปสักพัก ไม่ต้องไปฝืนสู้ตายกับศัตรู ฉันกำลังจะมาถึง” ส้าวส้วยพูดจบก็วางสายไป

จากนั้น หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากข้างนอก

“ดีจังเลย คนที่ช่วยพวกเรามาถึงแล้ว!” ทุกคนต่างก็ดีใจ เมื่อครู่หลายคนยังมีอาการหมดอาลัยตายอยากอยู่เลย อีกนิดเดียวก็อาจต้องสูญเสียชีวิตไป ตอนนี้ความรู้สึกที่เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เช่นนี้ย่อมทำให้ทุกคนรู้สึกตื้นตันเป็นที่สุด

“อย่าเพิ่งชะล่าใจ ดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้ถึงวินาทีสุดท้ายแล้วต้องตายตอนจบล่ะ” หลี่ฝางรีบพูดเตือนสติทุกคน หากตายก่อนที่จะได้เห็นแสงอรุณรุ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง

ในไม่ช้า เสียงข้างนอกก็เงียบสงบลงอย่างสนิท เสียงของส้าวส้วยดังมาจากข้างนอก “เสี่ยวฝาง ออกมาเถอะ”

ในที่สุดหลี่ฝางก็โล่งอก พาพวกลู่หลุ่ยเหมิงเหมิงและลูกน้องที่เหลืออีกสองคนเดินออกมา ก็ได้เห็นส้าวส้วยยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า พวกคนที่อยู่ข้างนอกกำลังเก็บกวาดสถานที่อย่างขมีขมัน

“แกบาดเจ็บเหรอ?” เมื่อเห็นท่าทางหลี่ฝางผิดปกติ ส้าวส้วยถามพลางขมวดคิ้ว

“ไม่มีอะไรหรอก ไม่ระวังถูกปืนยิงเข้าหนึ่งนัด” หลี่ฝางยิ้ม เมื่อครู่ยังไม่มีความรู้สึกอะไร แต่ตอนนี้ผ่อนคลายลงแล้ว ความเจ็บปวดก็เหมือนคลื่นซัดถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เจ็บปวดจนเขาฉีดปากกัดฟัน

“ที่นี่ไม่สะดวกในการพูดคุยกัน ขึ้นรถก่อน ออกไปจากที่นี่กันเถอะ ไม่อย่างนั้นแล้วเดี๋ยวจะออกไปลำบากขึ้น”

“งั้นพวกเราจะไปไหนกันล่ะ?” หลี่ฝางฉงนเล็กน้อยไปสักครู่

“กลับไปสถานตากอากาศก่อน” ส้าวส้วยพูดอย่างไม่ลังเล

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท