NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่843 มาเชิญถึงที่

บทที่843 มาเชิญถึงที่

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

ฟ้าเริ่มสว่าง บนถนนอันกว้างใหญ่เริ่มมีคนมาวิ่งยามเช้า

หลี่ฝางก็เป็นหนึ่งในคนที่วิ่งยามเช้านี้ ช่วงนี้เจอเรื่องเยอะมาก นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฝางตั้งใจตื่นเข้ามาออกกำลังกาย

สำหรับหลี่ฝางที่กลับเนื้อกลับตัวใหม่แล้วนั้น แม้การออกกำลังกาย เรื่องผลลัพธ์ไม่ต้องไปนึกถึงเลย แต่กลับทำให้อยู่ในสภาพจิตใจที่ดีได้

สำหรับศิลปะการต่อสู้แล้ว สภาพจิตใจที่ดีได้ถือว่าสำคัญมาก บางครั้งถึงกับส่งผลกระทบ ถึงระดับการแสดงความสามารถของนักศิลปะต่อสู้คนหนึ่งได้เลย

เรื่องที่ประสบอย่างไม่ขาดสายในช่วงนี้ ทำให้หลี่ฝางรู้สึกกดดันมาก แม้เป็นการผ่อนคลายจิตใจ หลี่ฝางก็เลือกที่จะลุกมาวิ่ง

ถนนสายนี้ที่หลี่ฝางเลือกมาวิ่งยามเช้า ไม่ไกลกับสถานตากอากาศมากนัก ที่นี่เป็นที่ที่สงบที่สุดและรถน้อยที่สุดในถนนละแวกนี้

คนที่วิ่งยามเช้าแถวนี้ ส่วนมากจะเลือกมาออกกำลังกายถนนสายนี้

รอบๆหลี่ฝาง มีคนโดนหลี่ฝางวิ่งนำไปเป็นระยะๆ

แม้สามารถชะลอความเร็วได้ แต่ความเร็วของหลี่ฝางนั้นเร็วไปหน่อย คนทั่วไปแม้ใช้แรงทั้งหมด ก็ยากที่จะตามความเร็วของการวิ่งช้าๆของหลี่ฝางได้

แน่นอนว่ามันมีเรื่องที่คาดไม่ถึง

เช่น ชายหนุ่มที่วิ่งข้างหลี่ฝางมาตลอดคนนี้

เขามีทรงผมสั้นที่สะอาด ร่างกายคล่องแคล่วแข็งแรง มีเส้นกล้ามเนื้อเต็มตัว บวกกับชุดออกกำลังกาย ยิ่งขับให้ดูเด่นเข้าไปอีก เทียบกับหลี่ฝางแล้วแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย

แน่นอน หลี่ฝางที่เปลี่ยนใจมาวิ่งตอนเช้าชั่วคราว ไม่ได้เตรียมชุดออกกำลังกายมา ใส่แค่เสื้อยืดธรรมดาแล้วออกมาเลย ดูแล้วเหมือนจะด้อยกว่าชายหนุ่มคนนั้นเล็กน้อย

“เห้!เพื่อน วิ่งได้ไม่เลวนี่!สนใจเป็นนักกีฬาไหม?”

หลังจากวิ่งนำคนที่อยู่ด้านหน้าไปได้อีก2-3คนติดต่อกัน ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น

หลี่ฝางหันไปมองเขาด้วยความเรียบเฉย ไม่พูดอะไร

แต่ชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่หยุดปาก วิ่งข้างๆหลี่ฝาง ถามโน่นถามนี่ไม่หยุด

ด้านหลังหลี่ฝางไม่ไกล มีหญิงสาวที่มาออกกำลังกายยามเช้าเช่นกันสองคน เธอเพิ่งโดนหลี่ฝางวิ่งแซงไปไม่ทันถึง5วินาที

“โห!เขาวิ่งเร็วขนาดนั้นไปทำไม!ไม่รู้หรือไงว่าการวิ่งยามเช้าเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ!”

หญิงผมสั้นรู้สึกได้ถึงหยดน้ำทั้งสองพัดผ่านไป ทำให้เธอมีความสุขการสุขใจ และในขณะเดียวกันเธอก็ประหลาดใจที่หลี่ฝางและอีกคนวิ่งแซงไป

เธอไม่เคยเห็นคนที่ตื่นเช้ามาวิ่ง แล้ววิ่งอย่างดุเดือดขนาดนี้

สำหรับเธอความเร็วของหลี่ฝางและผู้ชายข้างเขา คือการวิ่งอย่างบ้าระห่ำ

“นี่!เสี่ยวเชี่ยน ดูคนที่ใส่ชุดกีฬาด้านซ้ายคนนั้นสิ ใช่ป๋ายเสี่ยวป่อที่เป็นดารานักกีฬาหรือเปล่า?”

ทันใดนั้นผู้หญิงผมยาวอีกคนชี้ไปยังผู้ชายข้างหลี่ฝางพลางพูดขึ้น

สำหรับคนที่ไม่ค่อยสนใจกีฬา ป๋ายเสี่ยวป่ออาจไม่ได้ดังขนาดนั้น แต่สำหรับคนที่ชอบกีฬาอย่างพวกเธอ ป๋ายเสี่ยวป่อถือว่ามีชื่อเสียงมาก

ยังไงก็เป็นถึงผู้คว้าแชมป์การแข่งขันวิ่งระยะยาวระดับประเทศ ชื่อเสียงถือว่าค่อนข้างกว้างขวาง

“เหมือนจะเป็นป๋ายเสี่ยวป่อจริงๆด้วย!มิน่าละถึงวิ่งเร็วขนาดนั้น”

ถ้าเป็นคนปกติธรรมดา เสี่ยวเชี่ยนคงคิดว่าวิ่งเพื่อสร้างความสนใจ แต่หลังจากเห็นว่าคนที่วิ่งแซงเธอเป็นดารานักกีฬาป๋ายเสี่ยวป่อ ความคิดก็ต่างไปทันที

“ผู้ชายข้างๆป๋ายเสี่ยวป่อเป็นใครกัน?เหมือนจะไม่เคยเห็น คงไม่ใช่นักกีฬาหรอกใช่ไหม!แต่ทำไมฉันรู้สึก……ป๋ายเสี่ยวป่อวิ่งตามเขาอย่างยากลำบากเลยล่ะ?”

ขณะพูดสีหน้าเสี่ยวเชี่ยนก็เกิดความประหลาดใจ

เธอรู้ว่านั่นเป็นถึงผู้คว้าแชมป์วิ่งระยะยาวระดับประเทศ สามารถแสดงฝีมือจากคนจำนวนมากขนาดนั้นได้ ป๋ายเสี่ยวป่อต้องมีความสามารถมากแน่นอน ทว่าตอนนี้กลับตามกะอิแค่คนธรรมๆไม่ได้หน่ะเหรอ?

ด้านหน้า ป๋ายเสี่ยวป่อวิ่งพลางหอบหายใจอยู่ข้างๆหลี่ฝางไม่หยุดหย่อน

“ผมว่า……เพื่อน คุณ……ช้าหน่อย คุณวิ่งแบบนี้ไม่ได้นะ วิ่งยามเช้าเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ วิ่งเร็วขนาดนี้ไม่เพียงไม่เป็นผลดี อีกทั้งอาจได้รับบาดเจ็บด้วย”

ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรที่ป๋ายเสี่ยวป่อตามทัน แค่มีคนวิ่งเป็นเพื่อนเพิ่มมาคนหนึ่ง และความเร็วก็ม่ค่อยช้า ไม่ถือว่าน่าเบื่อนัก

แต่วิ่งไปมาวิ่ง เขาก็พบว่าเหมือนตนตามหลี่ฝางไม่ทันแล้ว โดนหลี่ฝางวิ่งสลัดไปด้านหลังอยู่หลายครั้ง

ไม่มีทางอื่น ทำได้เพียงเพิ่มความเร็วอีก แต่ทุกครั้งที่ตามทันหลี่ฝาง พูดได้ไม่กี่คำ หลี่ฝางก็เพิ่มความเร็วขึ้นอีก

เป็นแบบนั้นติดต่อกันหลายครั้ง ป๋ายเสี่ยวป่อก็สู้ไม่ไหวแล้ว ด้วยร่างกายนักกีฬาชั้นยอดระดับประเทศของเขา ก็รับความเร็วขนาดนี้ไม่ได้

แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ภายใต้ความเร็วและวิ่งมาไกลแบบนี้ของหลี่ฝาง แต่กลับดูเหมือนไม่เป็นอะไรเลย

ในที่สุดป๋ายเสี่ยวป่อก็ตามหลี่ฝางทันได้อีกครั้ง

ครั้งนี้เขาไม่ใช้คำพูดเกลี้ยกล่อมหลี่ฝางอีกต่อไป เขายกมือขึ้นหวังจะจับหลี่ฝาง ทว่าพอยืนมือออกไปกลับคว้าได้แค่อากาศ

พามองไปกลับพบว่าหลี่ฝางวิ่งออกไปไกลแล้ว ไม่เหลือความหวังอะไรให้เขาตามทันเลย

บนถนนที่ไม่รู้ว่าไกลจากสถานตากอากาศแค่ไหน หลี่ฝางผู้มีผมทั้งศีรษะหยุดยืนตรงไฟจราจร มองดูสภาพแวดล้อมรอบข้างที่ไม่คุ้นเคย

เขาค่อนข้างโมโหชายหนุ่มที่วิ่งมากลางคันคนนั้น แค่วิ่งก็ให้วิ่งอย่างสบายๆไม่ได้ เอาแต่พูดปาวๆๆข้างๆอย่างไม่หยุดไม่หย่อน โมโหทำเอาเขาวิ่งอย่างบ้าระห่ำ ไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งมาไกลแค่ไหนแล้วเนี่ย

ขณะที่เขากำลังจะโทรเรียกให้คนมารับกลับ ทันใดนั้นก็มีรถLand Roverสีดำคันหนึ่งมาจอดข้างทาง และมีชายสวมชุดสูทสีดำลงมาจากรถ

“สวัสดีครับ!ไม่ทราบว่าใช่คุณหลี่ หลี่ฝางไหมครับ?”

ชายคนนั้นมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน ลงจากรถก็ตรงมาถามหลี่ฝางทันที

“ใช่!”

จ้องอีกฝ่ายครู่หนึ่ง หลี่ฝางพบว่าตนไม่ได้รู้จักชายตรงหน้า

“เจ้านายของเราอยากพบคุณเย่ ตั้งใจให้ผมมารับคุณโดยเฉพาะ”

สายตาที่ชายคนนั้นมองหลี่ฝาง แฝงไปด้วยความประหลาดใจ

เขาหาหลี่ฝางเจอนานแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆหลี่ฝางถึงวิ่งเร็วขนาดนั้น วิ่งเร็วถึงขนาดเขาขับรถตามไม่ทัน

จนกระทั่งหลี่ฝางหยุดวิ่ง ชายคนนั้นถึงค่อยๆตามทัน

ถ้ามองแค่ความเร็วขนาดนี้ ชายคนนั้นสามารถบอกได้ว่า ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นฝีมือไม่ธรรมดา ผู้ชายที่เดิมทีค่อนข้างดูถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณชายของตระกูลหลี่ ตอนนี้ค่อยๆเปลี่ยนความคิดแล้ว

“เจ้านายของพวกคุณ?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว:“ใคร?”

“ไปแล้วคุณจะรู้เองครับ”ชายคนนั้นพูดด้วยความสุภาพสุดๆ แต่ก็ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล

“ผมไม่ไป”หลี่ฝางแทบจะทั้งโกรธและขำ ที่เมืองนี้ยังมีคนกล้าให้หลี่ฝางไปพบเขา กลับไม่บอกชื่อเอง

หรือเป้นคนจากเบื้องบน?

“คุณหลี่ คุณไปจะดีกว่า อย่าทำให้พวกเราลำบากเลยครับ”ชายชุดสูทขมวดคิ้ว พลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท