NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 848 ให้หลิวฮุยช่วย

บทที่ 848 ให้หลิวฮุยช่วย

“ตามนิสัยของลูกพี่แล้ว จะยอมให้พวกเขาเห็นเป็นคนโง่ได้ยัง จึงได้มีปากเสียงกับพวกเขาขึ้นมา สุดท้ายคนที่ลูกพี่ช่วยเอาไว้ในตอนนั้นยังพูดกับลูกพี่อย่างหน้าด้าน ๆ ว่าเป็นลูกพี่เองที่ไม่รับน้ำใจ จะโทษที่พวกเขาไม่อยากช่วยไม่ได้ บุญคุณที่ลูกพี่ช่วยชีวิตเอาไว้ในตอนนั้นก็ถือว่าได้ทดแทนแล้ว

คุณรู้ไหม ตอนนั้นผมอยากจะยิงไอ้สารเลวนั่นให้ตายจริง ๆ ตอนนี้นึกขึ้นมาก็ยังรู้สึกขยะแขยงแทบทนไม่ได้ หุบเขาราชายาที่ว่า ก็แค่พวกคนเลวที่ใช้ชื่อเสียงเที่ยวแอบอ้างหลอกลวงคนอื่นเท่านั้นเอง คิดที่จะพึ่งพวกเขาให้ช่วยเหลือคน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริง ๆ”

หลังจากที่ได้ยินคำบรรยายจากโหจื่อ หลี่ฝางก็รู้สึกโกรธแค้นต่อความไม่เป็นธรรมนั่น และภายในใจของก็ได้เกิดความทรงจำที่ไม่ดีต่อหุบเขาราชายาขึ้นมา

แต่ว่าตอนนี้ชีวิตของลุงเฉียนได้แขวนอยู่บนเส้นด้าย ถ้าหากในมือของหุบเขาราชายามีวิธีที่สามารถช่วยชีวิตลุงเฉียนได้จริง ๆ แล้วหลี่ฝางควรจะทำยังไง?

เมื่อมองความคิดของหลี่ฝางออก โหจื่อก็ได้เอ่ยขึ้นมา: “หลี่ฝาง คุณเองก็อย่าให้ความหวังอะไรมากกับหุบเขาราชายา โลกใบนี้ได้เดินหน้าอยู่ตลอดเวลา โรคต่าง ๆ ที่คนเมื่อร้อยปีก่อนคิดว่ารักษาไม่หาย สำหรับคนสมัยนี้แล้วอาจเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ที่ซื้อยาแค่ไม่กี่บาดก็รักษาได้แล้ว

คนของหุบเขาราชายากอดของเก่า ๆ ที่สืบทอดกันมานับหลายร้อยปีนั่นไว้ไม่ยอมปล่อย เป็นพวกอนุรักษนิยมไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไข แล้วทักษะทางการแพทย์จะสูงส่งไปถึงไหนกันเชียว?”

หลี่ฝางทอดถอนใจ คิดว่าที่โหจื่อพูดก็มีเหตุผล

“เฮ้อ ตอนนี้จะมีใครล่ะที่สามารถช่วยลุงเฉียนได้?” ในขณะที่หลี่ฝางกำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้น จู่ ๆ แววตาก็เปล่งประกาย เขาพลันนึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา

หลิวฮุย

เขาเคยบอกว่าถ้าตัวเองมีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ก็สามารถไปหาเขาได้

ภายใต้ความคิดที่ว่าลองดูสักตั้ง หลี่ฝางก็ได้กดโทรศัพท์โทรหาหลิวฮุย

“มีอะไรเหรอ?” หลิวฮุยเอ่ยถามขึ้นมาทันที เป็นที่ประจักษ์ว่าเขารู้จักเบอร์ของหลี่ฝาง

“ที่ผมมีคนอยู่คนหนึ่ง กำลังจะสิ้นใจในไม่ช้า ไม่รู้ว่าคุณจะสามารถช่วยได้ไหม”

“อาการเป็นยังไง นายบอกผมมาหน่อยสิ”

จากนั้นหลี่ฝางก็ได้อธิบายอาการของลุงเฉียนไป

“อย่างนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าจะหนักไม่เบา ฉันเองก็ไม่มีความมั่นใจอะไร หากนายไม่มีวิธีอื่นแล้วจริง ๆ สามารถให้ฉันรับเอาไปลองดูได้” หลิวฮุยได้ให้คำตอบที่คลุมเครือกับหลี่ฝาง

หลี่ฝางลังเลอยู่สักพัก แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าลุงเฉียนอยู่ที่ก็เพียงแค่รอความตาย สู้พยายามอย่างเต็มที่จะดีกว่า จึงพยักหน้าพลางกล่าว: “ได้สิ”

“โอเค เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะส่งคนให้ไปรับเขา นายยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”

หลี่ฝางคิดแล้วคิดอีก จากนั้นจึงได้บอกเรื่องที่ตัวเองต้องเผชิญหน้ากับสำนักหยิ่งซาและ Dynasty (ราชวงศ์) พร้อมกันให้หลิวฮุยฟัง

คราวนี้หลี่ฝางได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เพียงได้ยินหลิวฮุยกล่าวขึ้น: “หลี่ฝาง นายนี่มันชอบหาเรื่องจริง ๆ”

หลี่ฝางยิ้มอย่างขมขื่นพลางกล่าว: “เรื่องนี้จะโทษผมไม่ได้ เซี่ยจือชิวคนนั้นพวกคุณก็น่าจะรู้จัก เขามาขอร้องให้ผมช่วยถึงที่ ผมก็ไม่อาจที่จะโยนเขาทิ้งออกไปใช่ไหมล่ะ”

อีกฝั่งของสายเงียบไปสักพัก ถึงได้ยินหลิวฮุยเอ่ยขึ้น: “จริง ๆ แล้วกองกำลังต่างชาติพวกนั้นพวกเราคิดอยากจะจัดการมานานแล้ว พวกมันทำเรื่องเลวร้ายบนแผ่นดินของพวกเราตามอำเภอใจโดยที่ไม่เกรงกลัวใคร ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ

พอดีเลย ถือโอกาสนี้ ฉันสามารถรวบรวมตระกูลเหล่านั้น ร่วมกันออกความคิดเห็น วางแผนปฏิบัติภารกิจ ให้พวกมันรู้ซะบ้างว่าหมัดใครจะแน่กว่ากัน!”

หลี่ฝางดวงตาเป็นประกายขึ้นมา เขารีบกล่าวทันที: “เป็นยังไงบ้าง ส่งคนมาที่ผมเยอะหน่อย ผมสามารถออกเงินสมทบภารกิจส่วนหนึ่งได้”

“นายอย่าคิดมากไป พวกเราไม่มีทางทำงานให้นายหรอก” หลิวฮุยเอ่ยต่อว่า: “แต่ว่าปัญหาทั้งฝั่งนายค่อนข้างจะหนักมากจริง ๆ แน่นอนว่าจะต้องส่งคนไปที่นั่นเยอะหน่อยอยู่แล้ว พอถึงตอนนั้นนายให้ความร่วมมือในการทำงานก็พอแล้ว อย่าทำอะไรมั่วซั่วเด็ดขาด”

“อะไรที่บอกว่าทำอะไรมั่วซั่วน่ะ พวกคุณรวบรวมกองกำลังประจำท้องถิ่นเพื่อร่วมมือปฏิบัติภารกิจไม่ได้เหรอ”

“อย่าพูดถึงเรื่องอะไรพวกนั้นเลย พวกเราไม่มีกองกำลังประจำท้องถิ่นหรอก เอาล่ะ เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะไปด้วยแล้วกัน เรื่องบางเรื่องค่อยคุยกับนายอย่างละเอียดอีกที”

หลังจากที่วางสายไป หลี่ฝางก็ได้เงยหน้าขึ้นปะทะกับสายตาที่ค่อนข้างเป็นกังวลของโหจื่อ

“เชื่อถือได้ไหม?” โหจื่อเอ่ยถาม

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในตอนนี้พวกเราไม่มีวิธีอื่นแล้ว” หลี่ฝางยิ้มอย่างขมขื่น

“ก็ได้” โหจื่อหงุดหงิดเล็กน้อย เขาลูบปืนที่อยู่บนตัวเบา ๆ : “ฝึกยิงปืนเป็นเพื่อนผมหน่อย ไม่ได้ลงมือมาหลายวัน กระดูกเปราะไปหมดแล้ว”

“คุณไหวหรือเปล่า อย่าเพียงแค่ยิงไม่กี่นัดก็ทำให้ข้อมือของตัวเองหักอีกล่ะ”

“ต่อให้มือของผมหักจริง ๆ ก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อการยิงปืนของผม”

ถึงแม้ทักษะการยิงปืนของหลี่ฝางจะพัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่เมื่อเทียบกับโหจื่อแล้วต่างกันราวฟ้ากับดิน การใช้ปืนของโหจื่อนั้นได้ถึงขั้นสุดยอดเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเขายิงปืนคุณไม่อาจรู้เลยว่าลูกปืนลอยมาจากมุมไหน แต่หลี่ฝางยิงปืนมีบางครั้งที่ยิงไม่โดนคนเลยด้วยซ้ำ

ช่วงบ่ายของวันนั้น รถยนต์หลายคันขับเข้ามายังสถานตากอากาศ หลิวฮุยกระโดดลงมาจากรถ แล้วสั่งให้ลูกน้องยกลุงเฉียนขึ้นไปบนรถ

“คุณจะพาเขาไปที่ไหนเหรอ?” หลี่ฝางมองดูลุงเฉียนที่ถูกวางเข้าไปในรถ

“ฐานปฏิบัติการลับแห่งหนึ่ง ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้”

“แล้วผมจะรู้ข่าวของลุงเฉียนได้ยังไง?”

“ถ้ามีข่าวคราวอะไรฉันจะแจ้งนายเอง”

“ถ้าหากไม่ใช่ข่าวดีล่ะ?”

“งั้นฉันก็ทำได้เพียงแค่เอ่ยทำขอโทษ”

หลี่ฝางจ้องมองหลิวฮุยอย่างแน่นิ่ง

“ผมไม่หวังว่าจะได้ยินคำขอโทษ”

“เรื่องนี้ฉันไม่สามารถรับปากนายได้ ฉันเคยพูดตั้งแต่แรกแล้ว ถ้านายไม่เชื่อใจฉัน จะไม่ให้ฉันพาเขาไปก็ได้”

หลี่ฝางไม่มีทางเลือก ในเวลานี้เขาทำได้เพียงเลือกที่จะเชื่อหลิวฮุย เพราะว่าเขาไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว

“อ้อใช่แล้ว ถือเป็นเงื่อนไขในการรักษาเพื่อนของนาย ฉันมีเรื่องหนึ่งที่ต้องให้นายไปจัดการ” ในเวลานี้เองหลิวฮุยกลับเอ่ยปากขึ้นมา

“คุณยังมีเงื่อนไขด้วยเหรอ?” หลี่ฝางถลึงตาอย่างอดไม่ได้

“นายคิดว่ายังไงล่ะ?” หลิวฮุยกล่าวอย่างเรียบ ๆ

ทั้งสองคนสบตากันราวสามวินาที สุดท้ายแล้วยังคงเป็นหลี่ฝางที่ยอมอ่อนข้อ: “คุณบอกมา”

“ฉันต้องการให้นายช่วยปกป้องคนคนหนึ่ง”

“ผม?” หลี่ฝางราวกลับได้ฟังเรื่องที่ตลกบางอย่าง: “พวกคุณมีพนักงานมืออาชีพมากมายขนาดนั้นกลับไม่ใช้ แต่กลับจะใช้มือสมัครเล่นย่างผมไปเป็นบอดี้การ์ด?”

“คนคนนั้นค่อนข้างจะพิเศษหน่อย และคนของฉันก็ไม่สามารถสับเปลี่ยนโยกย้ายได้ชั่วคราว ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องให้นายช่วย”

หลี่ฝางไม่ได้เชื่อคำพูดของหลิวฮุยสักเท่าไหร่นัก เขาคิดไม่ตกว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้หลิวฮุยต้องให้ตัวเองไปปกป้องคนคนหนึ่ง นอกเสียจากว่าหลิวฮุยต้องการให้คนคนนั้นตาย

เขาถูกความคิดที่จู่ ๆ ก็ผุดขึ้นมาของตัวเองทำให้ตื่นตกใจ หลี่ฝางกลับรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้หาคำตอบที่ถูกต้องเจอแล้ว

หรือว่าหลิวฮุยกับคนคนนั้นจะมีความแค้นต่อกัน ดังนั้นถึงได้หามือสมัครเล่นอย่างตัวเองไป ทำให้คนคนนั้นตายแล้วให้ตัวเองเป็นแพะรับบาป?

“ถ้าหากนายไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ลองดูเอกสารชุดนี้หน่อย” ดูเหมือนหลิวฮุยจะมั่นใจมากว่าหลี่ฝางจะไม่ปฏิเสธ เขายื่นเอกสารชุดนั้นไปตรงหน้าหลี่ฝางทันที

สุดท้ายแล้วหลี่ฝางก็ยังคงรับเอาเอกสารในมือของหลิวฮุยไป และเนื้อหาภายในเอกสารนั้นก็ได้ทำให้เขาตกใจ

“บริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด ยาเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง?” หลังจากที่ได้ตรวจดูเนื้อหาในเอกสารอย่างรวดเร็วแล้ว หลี่ฝางก็ได้เงยหน้าขึ้นมองหลิวฮุยอย่างเหลือเชื่อ: “เนื้อหาที่อยู่ในเอกสารนี่ เป็นเรื่องจริงเหรอ?”

“เป็นเรื่องจริง ดังนั้นนายก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฉันถึงต้องให้นายช่วย” หลิวฮุยพยักหน้ากล่าว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท