NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่856 ความร่วมมือของฉินจื่อยี่

บทที่856 ความร่วมมือของฉินจื่อยี่

“คุณหลี่ สวัสดี ผมชื่อตู้หงฉาย รับผิดชอบคุ้มกันความปลอดภัยของครอบครัวคุณเกา”

“พวกเรารู้จักกันด้วยเหรอ?” หลี่ฝางถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“ไม่รู้จักหรอก!” ตู้หงฉายตอบ: “แต่ว่าเบื้องบนเคยได้แจ้งมาก่อน”

ก่อนที่จะมาที่นี่ เบื้องบนก็ได้เคยบอกกับเขา ว่าให้เคารพนอบน้อมต่อชายหนุ่มที่ชื่อหลี่ฝาง ในตอนนั้นเขายังไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นัก

แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

รัศมีอันทรงพลังได้แพร่กระจายออกมาจากร่างของหลี่ฝาง จนถึงขั้นทำให้ผิวหนังของเขานั้นมีความรู้สึกเหมือนกำลังถูกแผดเผาอยู่ นั่นแสดงให้เห็นว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้นั้นอันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เกรงว่าคนคนนี้จะเป็นปรมาจารย์นักสู้คนหนึ่ง!

สำหรับคำตอบของตู้หงฉาย หลี่ฝางพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเดินเข้าไปในห้องและพาพวกเกาเมิ่งฉีเดินออกมา

ก่อนที่จะออกเดินทาง เกาจื้อสิงก็ได้ยื่นบัตรเอทีเอ็มใบหนึ่งให้กับหลี่ฝาง แล้วกล่าว: “คุณหลี่ หลายวันมานี้รบกวนคุณแล้ว ในนี้มีเงินอยู่สิบล้าน ถือว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากผม โปรดรับไว้ด้วย”

เกาจื้อสิงคนนี้สมกับที่เป็นคนที่สามารถบริหารบริษัทให้ใหญ่ขนาดนี้ได้จริงๆ บริหารงานได้อย่างเหมาะสมอย่างที่สุด

เกาจื้อสิงออกปากมอบเงินให้ หลี่ฝางเองก็ไม่เกรงใจ เขาพยักหน้าและรับเอาบัตรที่เกาจื้อสิงยื่นให้นั้นมา

“คุณหลี่ ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณมากจริง ๆ ……”

เกาจื้อสิงยังอยากจะพูดอะไรต่ออีกสักหน่อย แต่เกาจื่อหมิงที่อยู่ด้านข้างกลับเร่งรัดขึ้นมา: “พ่อครับ พวกเรารีบไปกันเถอะ มีเรื่องอะไรค่อยว่ากัน!”

เขาถลึงตาใส่ลูกชายของตัวเองอย่างไม่พอใจ เกาจื้อสิงมองหลี่ฝางด้วยแววตาที่มีคำขอโทษอยู่

เมื่อเห็นหลี่ฝางไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไร ถึงได้หันหลังกลับ และถูกตู้หงฉายพาตัวออกไป

……

ร้านอาหารที่มีระดับ บรรยากาศคลุมเครือ ถ้าหากเป็นคู่รักคู่หนึ่งอยู่ที่นี้ จะต้องถูกบรรยากาศแบบนี้ทำให้ลุ่มหลงมึนเมาไปนานแล้วอย่างแน่นอน

แต่ที่อยู่ตรงหน้าของฉินวี่เฟยกลับเป็นพี่ชายของตัวเอง เช่นนั้นบรรยากาศมันก็จะอึดอัดสักนิดหน่อย

ผู้จัดการล็อบบี้เดินเข้ามา เขาโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม: “คุณฉิน นานแล้วที่ไม่ได้เห็นคุณมาที่นี่”

พูดไป บริกรที่เดินตามอยู่ด้านหลังของผู้จัดการก็ได้นำเอาไวน์แดงขวดหนึ่งออกมา แล้ววางลงไปบนโต๊ะ

“ไวน์ขวดนี้มอบให้คุณฉินลองชิมดู”

ไวน์ขวดนี้มีมูลค่าหลายหมื่น สำหรับร้านอาหารของพวกเขาแล้ว ไม่ง่ายนักที่จะนำมันออกมา

“ไม่เลว” ฉินจื่อยี่พยักหน้าพลาง กล่าวเอา: “เอาไวน์ขวดที่ฉันฝากไว้ที่นี่ขวดนั้นออกมา”

“ได้ครับ คุณผู้ชาย”

ผู้จัดการก้มหน้าตอบรับ เค้าไม่รอช้า รีบหันหลังเดินออกไปทันที

หลังจากที่ผู้จัดการจากไป ฉินวี่เฟยถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา: “พี่คะ ทำไมถึงเลือกร้านอาหารร้านนี้ล่ะ? พี่จะเลี้ยงข้าวหลีฟังไม่ใช่เหรอ?”

“มั่นใจไหมว่าหลี่ฝางจะมา?” ฉินจื่อยี่ไม่ได้ตอบคำถามของฉินวี่เฟย แต่เขากลับถามกลับไป

ตอนที่ฉินวี่เฟยกำลังจะเอ่ยปากพูดนั่นเอง โทรศัพท์ของเธอก็ได้ดังขึ้น เธอรีบหยิบขึ้นมารับทันที หลังจากที่คุยได้ไม่กี่ประโยค เธอก็ได้มีท่าทางดีอกดีใจขึ้นมา

“หลี่ฝางจะมาถึงในอีกสิบนาที” ฉินวี่เฟยกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีอกดีใจ

“อยู่ต่อหน้าพี่ไม่เคยเห็นเธอมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย” ฉินจื่อยี่ทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้: “ลูกสาวโตแล้วรั้งไว้ไม่อยู่จริง ๆ”

“พี่ยุ่งอะไรด้วย!” ฉินวี่เฟยเอ่ยขึ้นมาอย่างหน้าแดง

“ก็ได้ ก็ได้ พี่ไม่พูดกับเธอแล้ว” ฉินจื่อยี่โบกมือไปมาเขาเลือกที่จะหุบปากไป

“ที่เขามาหาหลี่ฝางในวันนี้ นั่นก็เพราะว่ามีเรื่องที่จะขอร้องจริง ๆ อีกทั้งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ดังนั้นเขาถึงได้พาฉินวี่เฟยมาด้วย

เพียงแต่……ฉินจื่อยี่เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าหลี่ฝางในตอนนี้นั้นจะเห็นแก่หน้าของน้องสาวตัวเอง แล้วช่วยตระกูลฉินหรือเปล่า

สิบนาทีหลังจากนั้น หลี่ฝางได้มาถึงร้านอาหารแห่งนี้ตามที่นัดไว้ จากการนำทางของบริกร หลี่ฝางก็ได้พบกับฉินจื่อยี่และฉินวี่เฟยสองพี่น้อง

“ไม่เจอกันนาน ทำไมจู่ ๆ นายถึงนึกขึ้นมาได้ว่าจะเลี้ยงอาหารฉันล่ะ?”

หลี่ฝางนั่งลงตรงหน้าของฉินจื่อยี่อย่างเป็นธรรมชาติ เขาเอ่ยถามฉินจื่อยี่อย่างยิ้มแย้ม

“เหอะ ๆ พวกเราสองคนก็ไม่ได้เจอกันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไม คุณชายหลี่ยุ่งจนไม่มีเวลาที่จะคุยกับเพื่อนเก่าสักสองสามประโยคเลยเหรอ?”

ฉินจื่อยี่ก็ได้เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม

“จะเป็นไปได้ยังไง เมื่อได้ยินว่านายจะเลี้ยงข้าวฉัน นี่ฉันก็รีบนั่งเครื่องบินกลับมาเลยนะ” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางและฉินจื่อยี่ได้เริ่มสนทนากัน นายพูดคำฉันพูดคำคุยเรื่องที่ผ่านมา ฉินวี่เฟยที่นั่งอยู่ด้านข้างก้มหน้าหัวเราะเบา ๆ เป็นบางเวลา บรรยากาศทั้งผ่อนคลายทั้งเข้ากันได้ดี

“หลี่ฝาง ที่ฉันเลี้ยงข้าวนายในครั้งนี้ ความจริงแล้วมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะปรึกษานาย” พูดเรื่องไร้สาระมาระยะหนึ่ง เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ใบหน้าของฉินจื่อยี่ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา และได้เริ่มเข้าสู่หัวข้อหลักทัน

หลี่ฝางมองฉินจื่อยี่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เมื่อได้ยินว่าฉินจื่อยี่จะเลี้ยงข้าวเขา ทั้งยังพาฉินวี่เฟยมาด้วย หลี่ฝางก็รู้แล้วว่าฉินจื่อยี่มีเรื่องที่ต้องให้เขาช่วย

“นายพูดมาเถอะ”

ดูจากปฏิกิริยาของหลี่ฝางแล้ว ฉินจื่อยี่ก็รู้ทันทีว่าความคิดของตัวเองนั้นได้ถูกหลี่ฝางมองออกแล้ว เขารูปมือตัวเองไปมาอย่างเคอะเขินพลางยิ้มกล่าว: “หลี่ฝาง นายรู้จักบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปไหม?”

หลี่ฝางพยักหน้า บริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปนั้นเป็นบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเชียวนะ มีธุรกิจกระจายไปในหลายสิบประเทศ ไม่ได้เพียงแค่มีเงินเท่านั้น

“นายร่วมมือกับบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปเหรอ?”

“เรื่องนี้น่ะ ตอนนี้ยังหรอก แต่ก็อีกไม่นานแล้ว” ฉินจื่อยี่ยิ้มกล่าว: “บริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปนั้นต้องการลงทุนกับบริษัทขนส่งต่างประเทศ จำเป็นต้องหาบริษัทขนาดใหญ่ที่มีคอนแทกต์อย่างกว้างขวางและมีความสามารถเพื่อร่วมมือด้วย ดังนั้นจึงได้จัดงานเลี้ยงค็อกเทลขึ้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อค้นหาพันธมิตร ถ้าพวกเราสามารถคว้าเอาธุรกิจนี้มาได้ ผลกำไรที่ได้รับในแต่ละปี อย่างน้อยอยู่ที่หนึ่งพันล้านหรือมากกว่านั้น”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน