NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 864 ใครงกกว่ากัน

บทที่ 864 ใครงกกว่ากัน

ชายวัยกลางคนเห็นหลี่ฝางกำลังจะลงมือ หัวเราะเหี้ยมโหด เลิกแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินไปหาหลี่ฝาง

เวลานี้ หลี่ฝางหันกลับไปยิ้มแล้วบอกกับจี้หมิง:“พวกเราสองคนเดิมพันกันดีไหม?”

“เดิมพันอะไรครับ?” จี้หมิงรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที

“พวกเรามาเดิมพันว่าไอ้หมดนี้จะทนฉันได้กี่วินาที เป็นไง?”

จี้หมิงเบ้ปาก พูดด้วยความจนปัญญา:“พี่หลี่ นี่เป็นการเดิมพันที่มีเจตนาร้าย คนโง่เท่านั้นแหละที่จะเดิมพันกับพี่”

ล้มชายฉกรรจ์คนนั้นต้องใช้เวลากี่วินาที ไม่ใช่สิ่งที่หลี่ฝางพูดแล้วจะเป็นไปตามนั้น?

หลี่ฝางหัวเราะฮ่าๆ รู้สึกว่าเรื่องตลกของตนเป็นตลกแห้ง

ขณะที่หลี่ฝางกำลังพูดคุยกับจี้หมิง ชายฉกรรจ์ปล่อยหมัดไปที่หลี่ฝาง

จี้หมิงที่เห็นภาพนี้อดไม่ได้ที่จะร้องเรียกด้วยความตกใจ:“พี่หลี่ระวัง!”

ชายฉกรรจ์หัวเราะเหี้ยมโหด คล้ายว่าวินาทีต่อไปเขาจะเห็นหลี่ฝางปลิวออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ ทว่าเขากลับไม่ได้เห็นภาพนั้น มุมปากของหลี่ฝางกระตุกยิ้มบางๆ

วินาทีต่อมา หลี่ฝางรับมือของชายฉกรรจ์เอาไว้ ชายฉกรรจ์ถึงขั้นไม่เห็นว่ามือของหลี่ฝางโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่

“สุดยอด!”

จี้หมิงอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนเสียงดัง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เหมาะสม เขายังอยากจะปรบมือให้หลี่ฝาง

หลี่ฝางผายมือ ทุ่มชายฉกรรจ์ลงไปบนพื้น ยกแขนเพียงข้างเดียวก็โยนตัวชายฉกรรจ์ออกไปได้แล้ว

“ปั้ง” เสียงดังขึ้น ชายฉกรรจ์ชนกำแพง ล้มลงบนพื้น นอนหมดสติเปิดตาขาว

เห็นหลี่ฝางจัดการชายฉกรรจ์ง่ายดายแบบนี้ พรรคพวกของเขาถลึงตาโต ตื่นตกใจ

หลี่ฝางมองไปที่พวกเขา พวกเขาตกใจจนรีบถอยหลัง วิ่งออกไปด้านนอกโดยไม่ลังเล

“เอาไอ้หมดนี่กลับไปด้วย!” หลี่ฝางร้องตะโกนบอก

ไม่รู้ว่าคนพวกนี้มีประสบการณ์หรือว่าอะไร ถึงแม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่หลี่ฝางพูด แต่พวกเขาก็กลับมาหามชายฉกรรจ์คนนั้นแล้วหนีไป

เบ็คมองชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ด้วยสีหน้าประหม่า เขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร มาทำอะไร แต่กลับรู้จักชายฉกรรจ์คนนั้น

ชายฉกรรจ์คนนั้นมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา เป็นคนที่แข็งแกร่งมาก สามารถต่อสู้กับคนสิบคนตามลำพังได้อย่างสบาย

ถ้าไม่ใช่เพราะคิดเผื่อชื่อเสียงของตน เมื่อกี้เบ็คก็คงจัดการคนพวกนั้นเป็นการส่วนตัวแล้ว

หลี่ฝางกลับล้มคนพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย ถึงขั้นไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มตรงหน้าแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?

หลังจากคนพวกนั้นออกไป เบ็ครีบขอบคุณหลี่ฝาง

“ไม่ต้องขอบคุณ” หลี่ฝางผายมือ “ผมมาถามอะไรคุณนิดหน่อย”

เขาไม่อยากเสียเวลาพูดอ้อมค้อม พูดตรงประเด็นทันที

เพราะถึงอย่างไรทางด้านเกาเมิ่งฉีจะเป็นหรือตายก็ยากจะคาดการณ์ รู้ผลเร็วหนึ่งนาทีก็สามารถจัดการได้เร็วขึ้นหนึ่งนาที

“เชิญพูด!”

เมื่อเบ็คได้ยินว่ามีงานมา เขาก็ต้อนรับหลี่ฝางด้วยความดีใจ

หลี่ฝางพยักหน้า อันดับแรกเขาถามว่าแถวนี้และช่วงนี้มีทหารรับจ้างมารึเปล่า

สองตาของเบ็คเป็นประกาย พูดออกมาหนึ่งประโยค ยกนิ้วขึ้นขยับไปมา

“หมายความว่าอะไร?” หลี่ฝางหันไปทางจี้หมิง

“ขอต้องการทองคำครับ”

“ต้องการเท่าไหร่?”

“หนึ่งร้อยกรัม”

“อะไรนะ? นี่มันประมาณสามหมื่นหยวนเชียวนะ ปล้นกันหรือไง!” หลี่ฝางถามด้วยสีหน้าโกรธเคือง

พูดจบ หลี่ฝางยังคงรู้สึกไม่สะใจ เขาจึงด่าเบ็คด้วยภาษาอังกฤษ

ทว่าคิดไม่ถึงเบ็คกลับมีสีหน้าโมโหขึ้นมาทันที ใช้ภาษาอังกฤษด่าตอบสองสามคำ ทำให้หลี่ฝางเงียบทันที

ที่แท้เจ้าหมอนี่ก็พูดภาษาอังกฤษเป็น

คิดได้แบบนี้ หลี่ฝางจึงพูดออกไป:“ฉันไม่มีทอง เอาเงินให้นายเลยแล้วกัน เงินสดก็ได้”

ทว่าเบ็คไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของหลี่ฝาง เขาแสดงท่าทีของตนอย่างชัดเจน

ต้องการทองคำเท่านั้น อย่างอื่นไม่รับ!

หลี่ฝางหมดคำจะพูดแล้ว ยุคสมัยนี้ใครจะพกทองคำติดตัว!

พูดคุยกับเบ็คด้วยความอดทนอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เบ็คจะนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก ไม่แม้แต่จะมองหลี่ฝาง

หลี่ฝางโมโหแล้ว พูดออกไปตรงๆ:“วันนี้นายจะรับก็ต้องรับ ไม่รับก็ต้องรับ ไม่อย่างนั้น ฉันเอานายตายแน่!”

เบ็คได้ยินหลี่ฝางข่มขู่เขา รีบพูดขึ้น:“ที่นี่มีแค่ฉันเท่านั้นที่มีแหล่งข่าว อย่าเล่นไม่ซื่อ!”

หลี่ฝางหัวเราะเยือกเย็น บอกกับจี้หมิงเป็นภาษาอังกฤษให้ตามคนที่เขาไล่ไปเมื่อกี้กลับมาให้หมด เขาอยากจะรู้จริงๆ เบ็คจะยอมไหม

“หึๆ ไม่มีปัญหาครับ” จี้หมิงส่งสัญญาณมือให้หลี่ฝาง หมุนตัวหันหลังกำลังจะวิ่งออกไป

เบ็คที่อยู่ด้านหลังเห็นแบบนั้นจึงรีบร้องตะโกน:“เดี๋ยวก่อน ฉันยอมรับข้อเสนอของนาย!”

เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าหลี่ฝางจะทำแบบนี้ ถ้าให้จี้หมิงตามคนพวกนั้นกลับมา เขาคงจะถูกทุบตีจนตายจริงๆ

ถึงแม้จะไม่ถูกทุบตีจนตาย สิ่งที่เขาต้องจ่ายก็มีราคามากกว่าการค้าในครั้งนี้มาก

“นายจะถามอะไร พูดมาสิ” เบ็คมองหลี่ฝางด้วยแววตาไม่เป็นมิตร ยื่นมือออกไปจะเก็บเงินตรงหน้า

ทว่าหลี่ฝางไม่ให้โอกาสนั้นกับเขา เก็บเงินก้อนนี้เอาไว้

หึๆ เมื่อกี้ให้นาย นายไม่เอา ตอนนี้อยากจะเอาแต่ฉันไม่ให้แล้ว!

หลี่ฝางจงใจอยากจะจัดการคนที่เห็นเงินแล้วตาลุกวาว เมื่อกี้ตนเพิ่งช่วยเขา เขาไม่ขอบคุณก็ไม่เป็นไร แต่ยังอยากจะเอาเงินจากเขา เขาทนไม่ได้จริงๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท