NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 861 พวกนายทำไม่ได้

บทที่ 861 พวกนายทำไม่ได้

“แต่ว่าหัวหน้าของเราอายุน้อยเกินไปรึเปล่า หรือว่าฝึกวรยุทธ์จนเปลี่ยนจากแก่เป็นหนุ่ม?”

“จากแก่เป็นหนุ่มอะไรกัน นี่คืออัจฉริยะในตำนาน นายไม่เข้าใจ?”

“ฉันยังคงรู้สึกเหลือเชื่อ”

ไม่ได้มีแค่ทหารคนที่พูดออกมา คนอื่นๆเองก็ไม่กล้าจะเชื่อ หลี่ฝางยังหนุ่มมาก แต่กลับเป็นยอดฝีมือกำลังภายใน

หลิวฮุยอยู่ตรงหน้าคนเหล่านี้แล้วฟังพวกเขาพูดเงียบๆ

เขาไม่ได้สนใจคนพวกนี้ เพราะที่เขามาในวันนี้คือส่งคนออกไป เพื่อเรื่องนี้ เขายังเตรียมเครื่องบินหนึ่งลำ

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!บนทะเลสาบมีคน!” ในเวลานี้เอง มีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน ทุกคนรีบหันไปมอง เป็นจริงตามนั้นท่ามกลางหมอกบางๆที่แสนคลุมเครือ พวกเขาเห็นเงาจางๆของคนหนึ่งคน

“ให้ตายสิ!นี่มันเท้าทะยานคลื่นในตำนานเหรอ?”

ทุกคนต่างตกตะลึง เพราะเงาของคนที่อยู่บนทะเลสาบขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พวกเขามั่นใจว่าตนไม่ได้ตาฝาด

ตอนที่ขยับเข้ามาใกล้ทุกคนเพิ่งสังเกตเห็นว่า ที่แท้เจ้าของเงาคนนั้นเหยียบแผ่นไม้หนึ่งเอาไว้ใต้เท้า แล้วลอยมาเหนือน้ำ

“ข้ามแม่น้ำด้วยอ้อลำเดียว นี่มันคือข้ามแม่น้ำด้วยอ้อลำเดียว!”

มีเสียงร้องดังขึ้นในกลุ่มคน

“ให้ตายสิ นี่มันตอแหลเกินไปแล้ว!” หลิวฮุยสนิทกับหลี่ฝางมากกว่าคนอื่น หลังจากเงาของคนๆนั้นใกล้เข้ามา มองแค่แวบหนึ่งเขาก็รู้ทันทีว่าเป็นหลี่ฝาง อดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ

ตอนแรกหลี่ฝางไม่อยากทำแบบนี้ แต่เมื่อคืนหลังจากได้รับอีเมลจากส้าวส้วย หลี่ฝางก็เปลี่ยนความคิด ใช้วิธีนี้ทำให้คนกลุ่มนี้จดจำตนได้มากยิ่งขึ้น

ตอนที่หลี่ฝางเดินมาถึงชายฝั่ง ทุกคนมองไปยังใบหน้าของหลี่ฝาง นับถืออย่างมาก

“หัวหน้า หัวหน้าทำข้ามแม่น้ำด้วยอ้อลำเดียวได้ยังไงครับ?”

สวีคางและคนอื่นๆเดินเข้ามา ล้อมหลี่ฝางเอาไว้ จากนั้นมองหลี่ฝางด้วยแววตากระตือรือร้น หวังว่าเขาจะสอนสักสองสามกระบวนท่า

ถ้าสามารถใช้วรยุทธ์นี้ไปจีบสาว ไม่ว่าไปที่ไหนก็ชนะตลอดไม่ใช่เหรอ?

“อืม อันนี้ง่ายมาก” หลี่ฝางคลายยิ้มบางๆ ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วพูด:“อยู่ที่ว่าจะใช้กำลังภายในยังไง รอให้พวกนายกลายเป็นปรมาจารย์กำลังภายในพวกนายก็ทำได้เหมือนกัน”

ความเป็นจริงวิธีทำข้ามแม่น้ำด้วยอ้อลำเดียวนี้เขาก็เพิ่งเรียนรู้ได้จากอีเมลที่ส้าวส้วยส่งมาให้เมื่อคืน จากนั้นก็ตอแหลไปเท่านั้น

ความเป็นจริงหลี่ฝางตั้งใจทำแบบนี้ เพื่อจะบอกพวกเขาว่าตนคือปรมาจารย์กำลังภายใน ให้พวกเขามั่นใจว่าตนก็ทำได้

หลี่ฝางกังวลว่าคนพวกนี้จะโกรธแค้นที่เมื่อวานตนทำร้ายพวกเขา หรือถูกทำร้ายจนไม่มีสัญญาณชีพ ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไม่ดีแน่

“หา? ปรมาจารย์กำลังภายใน?”

แค่ได้ยินว่าต้องมีกำลังภายในถึงจะเดินบนน้ำได้ พวกเขาหมดกำลังใจกันหมด

บนโลกใบนี้มีปรมาจารย์กำลังภายในแค่กี่คน? คนอย่างพวกเขาใช้เวลาทั้งชีวิตคงไม่มีวันฝึกฝนจนมีกำลังภายในแน่นอน

“ไปกันเถอะ!”

หลี่ฝางไม่ได้อยากรู้ว่าคนพวกนี้กำลังคิดอะไร รีบบอกให้คนพวกนี้เดินตามตน ไปยังภายในเครื่องบิน

กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังแสดงสีหน้าจนปัญญา แล้วเดินตามหลี่ฝางขึ้นไปบนเครื่องบิน

หลิวฮุยขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้าย เขาต้องส่งพวกหลี่ฝางออกนอกชายแดนก่อนถึงจะกลับมาได้

……

ชายแดนประเทศพม่ามีเมืองเล็กๆ นอกเมืองมีฐานทัพลับ

เวลานี้คนตระกูลเกาทั้งสามคนถูกขังเอาไว้ในฐานทัพแห่งนี้ ชายชาวต่างชาติที่อายุมากแล้วทว่ายังคงหล่อเหมือนเดิมยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา

“สวัสดีทุกคน ผมชื่อเทิร์นเนอร์” ท่าทีของชายชาวต่างชาติคนนี้มีมารยาทอย่างมาก ความสุภาพบุรุษแผ่ออร่าออกมาทุกอณูขุมขนของเขา แตกต่างจากบรรยากาศโดยรอบอย่างมาก ให้ความรู้สึกตรงกันข้าม

“ผู้หญิงที่สวยแบบนี้ไม่ควรได้รับการปฏิบัติแบบนี้” ขณะพูด นิ้วมือของชายชาวต่างชาติขยับเล็กน้อย เชือกที่มัดมือเกาเมิ่งฉีเอาไว้ก็ขาดลง

เกาเมิ่งฉีถึงขั้นดูไม่ออกว่าเขาทำได้ยังไง

“ผมชื่อเทิร์นเนอร์ เทิร์นเนอร์ไคลฟ์ มาจากตระกูลไคลฟ์ ผมอยากจะให้คุณร่วมมือกับพวกเรา นี่ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการเชิญจากใจจริง”

เกาเมิ่งฉีที่ถูกถามไม่ได้ตอบแต่อย่างใด เธอมองชายตรงหน้าด้วยแววตาเยือกเย็น

เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นฝ่ายจับตัวเธอมา เธอไม่สามารถปั้นหน้ายิ้มให้เขาได้

“ถ้าพวกคุณจริงใจจริงๆ ปล่อยคนในครอบครัวของฉันก่อน” เกาเมิ่งฉีกวาดมองรอบๆด้วยแววตาเยือกเย็น พูดอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย

“พวกฉันไม่มีวันหนีหรอก ฉันไม่อยากจะตายเร็วแบบนี้”

บริเวณโดยรอบล้วนเป็นคนของฝ่าย อีกทั้งที่นี่ก็ยังเป็นต่างบ้านต่างเมือง พวกเขาสามคนไม่รู้จักใคร ถึงแม้จะหนีออกไปก็ต้องตายเท่านั้น

ดังนั้นเกาเมิ่งฉีจึงยอมแพ้เรื่องการหนี รอการช่วยเหลือที่อาจจะมาด้วยความใจเย็น พร้อมทั้งลองพยายามหาความสะดวกสบายให้ตนเองในระยะที่มีจำกัด

แต่เทิร์นเนอร์ยิ้ม ปฏิเสธคำร้องขอของเกาเมิ่งฉี พูดแต่สิ่งที่ตนอยากจะพูด

“พวกเรามีอุปกรณ์และสิ่งแวดล้อมระดับสูงสุด ทั้งยังมีคนมากความสามารถมากมายนับไม่ถ้วน ขอเพียงคุณเกายอมรับข้อเสนอ ทั้งหมดนี้คุณมีได้ทุกอย่าง”

ขณะพูด เทิร์นเนอร์ชี้ไปยังเกาจื้อสิงและเกาจื่อหมิง แล้วพูดต่อ:“นอกจากนี้ พวกเราจะให้ผลตอบแทนตระกูลเกาอย่างงาม รับประกันว่าพวกคุณสามารถกลับมาผงาดอีกครั้งในอเมริกา ไม่มีวันแย่ไปกว่าตอนนี้ ไม่สิ น่าจะดีกว่าตอนนี้มาก พวกเราถึงขั้นสามารถให้สิทธิพิเศษด้านนโยบายกับตระกูลเกา ต้องรู้ว่าผลประโยชน์เหล่านี้ตระกูลใหญ่บางตระกูลองค์กรบางองค์กรยังไม่สามารถได้รับ ถ้าหากคุณเกามีความต้องการอื่น สามารถเสนอมาได้เต็มที่ครับ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท