NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่887 เหมือนศัตรูตัวฉกาจ

บทที่887 เหมือนศัตรูตัวฉกาจ

หลี่ฝางใช้เท้าข้างหนึ่งเตะศพนี้ เพื่อตรวจสอบดู ก็พบว่าอุปกรณ์บนเครื่องบินเสียหายแล้วส่วนหนึ่ง ก็แค่หลี่ฝางไม่ได้มีความรู้อะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับเครื่องบินเลย และก็ไม่รู้ว่าเสียหายร้ายแรงหรือไม่

เครื่องบินเริ่มจะไม่สมดุล มีการเอียงสั่นขึ้นมาอย่างแรง ด้านนอกมีเสียงกรีดร้องทันที และคนก็ล้มลงที่พื้นจำนวนมาก

“boss ข้างในเกิดอะไรขึ้น?”ราฟาเอลพุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน

มองเห็นฉากด้านใน ราฟาเอลก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง:“เอ่อ……ตายหมดแล้ว?”

“คุณมาดู ขับเครื่องบินเป็นไหม?”

“เป็นแต่เป็นนิดหน่อย เครื่องบินแบบนี้ผมก็ไม่เคยขับ อีกอย่างยังมีส่วนที่บางอย่างถูกทำพัง ต้องหาอีกคนที่ขับเครื่องบินเป็นร่วมมือกับผม”ราฟาเอลเดินเข้าไปตรวจสอบดู แล้วพูด

หลี่ฝางพยักหน้า หันกลับเดินออกไป

ตอนนี้ในห้องโดยสารตื่นตระหนกกัน ในใจแตกตื่น เสียงกรีดร้องต่างๆดังต่อเนื่องกันไปเป็นระลอก

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ตะโกนเสียงดัง:“หุบปากกันให้หมด!”

“ใครเคยเรียนขับเครื่องบิน?”เผชิญหน้ากับทุกคนที่ตกใจเขา หลี่ฝางถามว่า“ถ้าขับเป็นก็เข้ามาดูหน่อย”

“ผม ผมเคยเรียนมาหน่อย แต่ไม่เคยขับจริงๆ”วัยรุ่นคนหนึ่งยืนขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

“ไม่ต้องพูดเหลวไหลแล้ว เข้าไปดูก่อนเถอะ”ตอนนี้หลี่ฝางได้แต่บีบบังคับให้ทำในเรื่องที่ความสามารถไม่ถึง ผลักวัยรุ่นคนนั้นเข้าไปในห้องนักบิน

วัยรุ่ยคนนั้นตรวจดูด้านในด้วยสีหน้าซีดขาว จู่ๆก็พูดด้วยใบหน้าดีใจ:“ระบบสื่อสารยังอยู่ดี พวกเราขอความช่วยเหลือจากภาคพื้นดินได้!”

“ห่า!แค่ระบบสื่อสารยังดีอยู่แล้วจะมีประโยชน์บ้าอะไร เครื่องบินตกไปพวกเราก็ตายกันหมด คุณไปดูหน่อยว่าเครื่องบินขับได้ไหม”หลี่ฝางทนไม่ไหวจึงตบไปที่หัวของวัยรุ่นคนนั้นทีหนึ่ง

วัยรุ่นคนนั้นจับหัวแล้วตรวจดูต่อไป เขาลูบหัวแล้วพูดอย่างระมัดระวัง:“ผม ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าส่วนควบคุมหลักน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ก็คือเอาเครื่องลงน่าจะทำได้ ……”

“งั้นก็ดี พวกคุณสองคนทำเครื่องบินให้นิ่งที่สุด พยายามส่งข้อความหาสนามบินที่ใกล้ที่สุด พวกเราเอาเครื่องลงให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!”

ราฟาเอลพยักหน้า:“boss คุณวางใจเถอะ เพื่อชีวิตของตัวเองผมจะทำให้ถึงที่สุด นี่ พ่อหนุ่ม ตอนนี้ไม่ขับเครื่องบินให้ดีๆก็ต้องตาย คุณรู้ใช่ไหมว่าตัวเองควรทำอะไร?”

วัยรุ่นคนนั้นกลืนน้ำลายพูดว่า:“ผม ผมจะทำให้ถึงที่สุด”

“ให้ความร่วมมือกับผมก็พอแล้ว”ราฟาเอลพูดไปก็จับตัวควบคุมไว้ แล้วใช้แรงดึงขึ้น

ทันใดนั้น เครื่องบินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ได้ยินแต่เสียงโลหะบิดดังขึ้นมา แทบจะทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนเครื่องบินกำลังจะถูกแยกออกในวินาทีต่อมา

“กรี๊ด!”ในห้องโดยสารมีเสียงกรีดร้องที่จะทำลายแก้วหูของผู้คนอีกครั้ง

“หุบปากให้หมดเลย!”หลี่ฝางตะโกนไปอีกครั้ง เสียงดังสนั่นเหมือนฟ้าร้อง ครั้งนี้ต่างกดทับเสียงของทุกคนในที่นี้ไว้

“พวกคุณนั่งกันดีๆ ตอนนี้ด้านในมีผู้เชี่ยวชาญกำลังขับเครื่องบิน รับประกันว่าจะส่งพวกคุณไปยังภาคพื้นดินอย่างปลอดภัย ถ้ากล้าเดินไปทั่วอีก ผมจะโยนพวกคุณออกไปจากเครื่องบินทันที!”หลี่ฝางหยิบไมโครโฟนมาข่มขู่

น่าจะเห็นความสุดยอดของหลี่ฝางแล้ว ทุกคนในชั้นหนึ่งเลยไม่กล้าส่งเสียงตอบโต้ หาที่นั่งนั่งลงไปอย่างเชื่อฟัง รัดเข็มขัดไว้ ขณะเดียวกันก็สวมหน้ากากออกซิเจน หลับตาไว้เหมือนกำลังรอความตาย

ผ่านไปสักพัก เครื่องบินก็ค่อยๆหยุดสั่นลง แล้วจึงค่อยๆแล่นไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

หลี่ฝางเดินเข้าไปในห้องนักบิน ก็เห็นว่ากำลังอยู่ภายใต้คำสั่งของราฟาเอล ทั้งสองคนดำเนินการ ทำให้การบินของเครื่องบินนั้นมีเสถียรภาพตามพื้นฐาน

เห็นหลี่ฝางเดินเข้ามา ราฟาเอลจึงพูดว่า:“boss ด้านหน้าคือสนามบินพม่า ผมส่งข้อความหาพวกเขาแล้ว”

“แน่ใจว่าจะลงจอดอย่างปลอดภัยไหม?”หลี่ฝางถามเสียงหม่น

“ครับ ให้คนกลุ่มด้านหลังนั้นนั่งกันดีๆ เลี่ยงไม่ได้ที่จะสั่นสะเทือน”

หลี่ฝางพยักหน้า เดินออกไป และจึงหาที่นั่งนั่งลงไปด้วย แล้วก็คาดเข็มขัดนิรภัยไว้

ตอนนี้ทำเสแสร้งมากเกินไป ถ้าโยนเขาออกไป นั่นก็คงตลก

แป๊บเดียว สนามบินพม่าก็ปรากฏในสายตา

“จับไว้ให้แน่น!จะลงจอดแล้ว!”รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนที่หนักมากขึ้น หลี่ฝางจับที่วางมือไว้แน่น แล้วตะโกนเสีย

งดังใส่เครื่องอินเตอร์คอม

เครื่องบินสั่นอย่างรุนแรง คนที่นั่งอยู่ในที่นั่งก็แกว่งซ้ายขวาไปมา และยังมีความรู้สึกเหมือนถูกโยนออกไป ทุกคนต่างกัดฟันแน่น หลับตาแน่นอย่างขี้ขลาด รอการตัดสินที่จะมาถึง

การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้กลุ่มคนในห้องโดยสารรู้สึกวิงเวียน และส่ายตัวไปมาบนที่นั่ง ถูกกระแทกไปมา จนทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา

ตามด้วยเสียงเสียดทานอย่างรุนแรงในเวลาสั้นๆ เครื่องบินแนบไปกับพื้นเป็นระยะทางที่ไกล และเครื่องบินที่โชคร้ายนี้ก็ลงจอดได้ในที่สุด

ในที่สุดเครื่องบินก็หยุดลง หลี่ฝางสะบัดหัวที่มึนหน่อยๆ อดกลั้นหน้าอกหน้าท้องที่แข็งแกร่ง ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วยืนขึ้นมาเดินโซเซ

“ว้าว!”ในที่สุดในห้องโดยสารก็มีคนแรกที่อาเจียนออกมาอย่างทนไม่ไหว คนอื่นๆก็อาเจียนตามออกมา ทั้งในห้องโดยสารอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นๆ

หลี่ฝางเปิดประตูห้องโดยสารออก ลมเย็นๆก็พัดเข้ามา พร้อมกับอากาศอันหนาวเย็น ทำให้สมองของหลี่ฝางปลอดโปร่งไม่น้อย

ก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ราฟาเอลติดต่อกับสนามบินที่นี่อย่างไร พอเครื่องลงจอด บริเวณนี้ก็ถูกกักแยกอย่างรวดเร็ว รถพยาบาลแทบจะล้อมไว้หมดเหมือนกำแพง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท