NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 909 สำนึกผิดสามปี

บทที่ 909 สำนึกผิดสามปี

“หึ!” ไท่ซางหึใส่ และเก็บท่าทีของตน ไม่ได้ทำความลำบากใจให้พ่อบ้านเฒ่าต่อ

“ขอบพระคุณปรมาจารย์ไท่ซางที่ให้อภัย เด็กน้อยในตระกูลตาไม่มีแวว ไม่รู้จักกฎเกณฑ์ ทำให้ทั้งสองท่านไม่พอใจแล้ว” พ่อบ้านเฒ่าถอนหายใจ หลังจากลังเลอยู่ครู่ก็พูดอย่างเคารพ “ผมต้องขอทั้งสองท่านแทนเขาด้วย หวังว่าทั้งสองท่านจะยกโทษให้”

ถึงยังไงชิวเฉิงฝูก็เป็นคนตระกูลชิว หมายความว่าเขาก็เป็นหน้าตาตระกูลชิว พ่อบ้านเฒ่าต้องช่วยเขาไว้เป็นธรรมดา อย่างน้อยก็ไม่ถูกลงโทษ

แต่ประเด็นก็คือที่ชิวเฉิงฝูมีปัญหาด้วยคือหลี่ฝาง ถ้าหากเขามีปัญหากับไท่ซาง งั้นพ่อบ้านเฒ่าคงจะลงโทษเขาไปก่อนยกนึง เพื่อที่จะให้ได้การอภัยจากไท่ซาง

“ปรมาจารย์ได้โปรดให้อภัยด้วย!” ชิวเฉิงฝูรีบพูดกับไท่ซางอย่างเคารพ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับปรมาจารย์แห่งยุทธภพคนอื่นนอกเหนือจากตระกูลชิว ประเด็นสำคัญคือ เขายังไปทำให้ปรมาจารย์ยุทธภพคนนี้ไม่พอใจ

แม้ว่าเขาจะเป็นญาติกับตระกูลชิว ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะอยู่ในสายตาปรมาจารย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาเป็นแค่ญาติห่างๆ ของตระกูลชิวเลย

ดังนั้นเขาได้แต่วังว่าไท่ซางจะไม่เอาความ ท่าทีที่แสดงออกมากับเมื่อครู่อย่างกับท้องฟ้า กับพื้นดิน

“เหอะๆ หรือว่านายลืมไปแล้วว่านายพูดอะไรไป? ให้ฉันฟื้นความจำแทนนายมั้ย?” ไท่ซางเห็นแบบนี้ก็ยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูด: “นายว่า ที่นายพูดที่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลชิว จะให้ฉันยกโทษให้นายได้ยังไง?”

เห็นท่าสัพยอกของไท่ซาง ไท่ซางจู่ๆ ก็ไปต่อไม่ถูก ในใจก็คิดถึงเรื่องหยูหลิงฮุ่ยอย่างอดไม่ได้

หากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ พูดอะไรไท่ซางเป็นแค่ไอ้ขยะ เขาจะไปดูถูกไท่ซางแบบนั้นได้ยังไงกัน?

สุดท้ายเพียงแค่พริบตา อีกฝ่ายก็กลายเป็นปรมาจารย์ยุทธภพ กลายเป็นคนที่ตนไม่สามารถล่วงเกินได้

ชิวเฉิงฝูทำได้แค่คุกเข่าอยู่ที่พื้นอ้อนวอนให้ไท่ซางยกโทษให้ ไม่กล้าไม่เคารพเลยสักนิด

ในเวลานี้พ่อบ้านเฒ่ายังคงถอนหายใจอยู่ในใจ คิดไม่ถึงว่าชิวเฉิงฝูจะทำให้ไท่ซางไม่พอใจมาตั้งแรกแล้ว แถมยังล่วงเกินไว้อย่างหนักมากๆ ด้วย

พ่อบ้านเข้าใจว่าถ้าตนไม่มีคำอธิบายดีๆ ให้ไท่ซาง เรื่องนี้เกรงว่าจะจบไม่สวย รวมไปถึงตระกูลชิวทั้งหมด ก็จะถูกชิวเฉิงฝูลากเข้าไปเอี่ยวด้วย

ในหัวของพ่อบ้านก็หมุนอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีวิธีรับมือ

“ชิวเฉิงฝูนายถึงกับกล้าล่วงเกินปรมาจารย์ไท่ซาง ลงโทษนายปลีกวิเวกสำนึกผิดสามปีห้ามออกมา หากกล้าต่อต้าน ก็ใช้กฎบ้านลงโทษ!”

ชิวเฉิงฝูตัวสั่นไปทั้งร่าง เกือบจะคิดว่าตัวเองฟังผิดแล้ว

เขาก็ไม่ใช่คนธรรมะธัมโม ตอนวัยหนุ่ม จู่ๆ ก็ถูกลงโทษสำนึกผิดสามปี จะให้เขาผ่านมันไปได้ยังไง?

มันโหดกว่าการเข้าคุกอีกนะ!

“ทำไม นายมีปัญหา?” พ่อบ้านเห็นชิวเฉิงฝูทำหน้าอึดอัดใจ จึงถามขึ้น

“ไม่ไม่ไม่ ไม่ครับ ผมไม่กล้า!” ชิวเฉิงฝูรีบปัดมืดรัวๆ ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น

กฎที่เข้มงวดของตระกูลชิว เรื่องนี้เขาก็ผิดจริงๆ แถมยังเป็นต่อหน้าปรมาจารย์ด้วย ถ้าหากเขากล้าบอกว่าไม่ตกลง ไม่ต้องพูดถึงโดนกฎบ้านจัดการ เกรงว่าเขาจะถูกไท่ซางตบตาย

และไท่ซางที่อยากจะตบชิวเฉิงฝูให้ตายหลังจากได้ยินแผนลงโทษนี้ ถึงแม้จะไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ไม่ลำบากใจต่อ ก็แค่พยักหน้าอย่างเย็นชา และปล่อยเรื่องนี้ไป

เนื่องจากไท่ซางไม่เอาเรื่อง พ่อบ้านเฒ่าจึงไม่ถามอะไรให้ยุ่งยาก หลังจากรีบขอโทษกับไท่ซาง จึงรีบพาชิวเฉิงฝูจากไป

ทั้งสองคนไปแล้ว ไท่ซางก็รีบมองหลี่ฝางทันที แล้วพูดพลางยิ้มฮี่ฮี่: “ลูกพี่ เป็นยังไง ครั้งนี้ฉันทำได้ไม่เลวใช่มั้ย?”

มองท่าทีที่บรรลุเป้าหมายของไท่ซาง หลี่ฝางก็แค่พยักหน้านิ่งๆ ไม่ให้โอกาสไท่ซางภูมิใจมากขึ้นแต่อย่างใด

อีกฝั่ง หลังจากพ่อบ้านพาชิวเฉิงฝูออกจากจากเรือนแล้ว เมื่อเห็นชิวเฉิงฝูทำหน้าสับสน ก็พูดปลอบ: “ครั้งนี้ถือว่านายโชคดี ที่ปรมาจารย์ไท่ซางไม่เอาเรื่อง ไม่อย่างนั้นนายเกิดเรื่องใหญ่แน่ รู้มั้ย?”

ชิวเฉิงฝูพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว และยังคงไม่ได้สติ

เห็นแบบนี้ พ่อบ้านก็อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบ: “สามปีนี้นายก็สงบจิตใจตั้งใจฝึกยุทธ ปล่อยทิ้งปัญหาที่กวนใจไปซะ มันไม่อาจจะทำอะไรได้แล้ว ต้องจำเอาไว้ ความสามารถคือทุกสิ่ง”

“แต่ว่าเวลาสามปีมันนานเกินไป……” ชิวเฉิงฝูบ่นออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ

“ใช่แล้ว หลังจากจบศึกชิงจ้าวยุทธภพปรมาจารย์ไท่ซางก็จะจากไปใช่มั้ย ถึงตอนนั้นก็อะลุ่มอล่วย แล้วปล่อยผมออกมาได้มั้ย? ถึงยังไงปรมาจารย์ไท่ซางก็ไม่รู้หรอก”

พ่อบ้านส่ายหน้า แล้วพูด: “ถ้าหากปรมาจารย์ไท่ซางผูกมิตรกับตระกูลชิว หลังจากนี้จู่ๆ ก็มาเยี่ยมตระกูลชิวล่ะ?”

เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา ก็ทำให้ความคิดทั้งหมดของชิวเฉิงฝูพังลงอย่างสิ้นเชิง

ในขณะนั้น หยูหลิงฮุ่ยก็ค่อยๆ เดินเข้ามาจากข้างหน้า เมื่อเห็นชิวเฉิงฝูใบหน้าก็ดีใจขึ้นมา แล้วรีบเดินเข้าไปทางชิวเฉิงฝู

แต่เมื่อชิวเฉิงฝูเห็นหยูหลิงฮุ่ยกลับโมโหขึ้นมาทันที ถ้าหากไม่ใช่เพราะหล่อน ชิวเฉิงฝูจะไปล่วงเกินปรมาจารย์ไท่ซางได้ยังไงกัน!

เขาจะถูกลงโทษปลีกวิเวกเข้าไปฝึกตนสามปีเต็มๆ ได้ยังไง?

ทันใดนั้น ชิวเฉิงฝูก็พุ่งเข้าไปหาหยูหลิงฮุ่ยอย่างโมโห

“เป็นไงบ้าง? ไอ้หมอนั่นถูกนายไล่ไปแล้วใช่มั้ย?” เมื่อเห็นชิวเฉิงฝูเดินเข้ามาหาตน หยูหลิงฮุ่ยจึงรีบถามขึ้น

“กล้าหนีเหรอ!เธอให้ฉันไล่ปรมาจารย์ สมองเธอเพี้ยนไปแล้วสินะ!” ทันใดนั้นชิวเฉิงฝูก็โกรธจัด “ตอนนี้จัดถูกลงโทษเพราะว่าไปล่วงเกินปรมาจารย์ไท่ซางเข้า เธอจะให้ฉันทำอะไรได้อีก?”

“ปรมาจารย์ไท่ซาง?”

ทันใดนั้นหยูหลิงฮุ่ยก็ช็อกไปเลย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท