NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่942 ยอดฝีมือกำลังภายในสองคนเป็นบอดี้การ์ด

บทที่942 ยอดฝีมือกำลังภายในสองคนเป็นบอดี้การ์ด

เมืองเอก ตระกูลฉิน

หลังจากที่คุณท่านได้จากโลกนี้ไป บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของบ้านตระกูลฉินก็ได้ลดลงไปมาก ทำให้รู้สึกเงียบเหงาไม่น้อย

ณ เวลานี้คนตระกูลฉินได้รวมตัวกันอยู่ที่นี่ บรรยากาศน่าหดหู่ยิ่งนัก

ฉินจื่อยี่ถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้คนเหล่านั้นมานั่งอยู่ที่นี่ ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือธุรกิจของตระกูลฉินถูกโจมตีจากทุกด้าน เสียหายมหาศาล ดูก็รู้ว่าได้มีการวางแผนมาก่อน เบื้องหลังได้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่แข็งแกร่งมากคอยเล่นงานตระกูลฉินอยู่

เหตุผลที่คนเหล่านี้มารวมตัวกัน ไม่เพียงแค่เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขากลัว กลัวว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนกับฉินจื่อยี่ ถูกคนโจมตี ถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่รู้เป็นตายร้ายดี

คุณพ่อของฉินวี่เฟยมองมองดูผู้คนรอบ ๆ จู่ ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา: “เจ้าสามไปไหน?”

“ท่านสามน่าจะอยู่ที่พารากอน” คนคนหนึ่งรีบเอ่ยตอบทันที

คนตระกูลฉินต่างกระซิบกระซาบกันขึ้นมาทันที พารากอนเป็นสถานที่ละลายทรัพย์ เป็นธรรมดาที่ไม่ต้องว่าทำไม่ฉินเจ้าสามต้องไปที่นั่น

“สารเลว!” ฝ่ามือของคุณพ่อของฉินวี่เฟยฟาดลงบนโต๊ะอย่างหนัก ๆ

“ไป! ไปจับสารเลวนั่นกลับมาให้ฉัน!” คุณพ่อของฉินวี่เฟยออกคำสั่งด้วยความโมโห

หลังจากที่โมโหเสร็จ คุณพ่อของฉินวี่เฟยก็รีบเปลี่ยนท่าทีทันที เขาหันไปถามฉินวี่เฟยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม: “ลูกติดต่อหลี่ฝางหรือยัง?”

“เขากำลังมาค่ะ” ฉินวี่เฟยเอ่ยตอบ

ฉินจื่อยี่ยังไม่พ้นขีดอันตราย ความรู้สึกของเธอในตอนนี้นั้นหม่นหมองเป็นอย่างมาก ทั้งเป็นห่วงฉินวี่เฟยทั้งกังวลว่าเรื่องของตระกูลฉินจะดึงหลี่ฝางเข้ามาพัวพันด้วย จิตใจสับสนวุ่นวายเหมือนเส้นด้ายพันกัน

สำหรับความปลอดภัยของตัวเองแล้วเธอกลับไม่ค่อยเป็นห่วงสักเท่าไหร่ หลังจากที่ติดต่อกับทางสถานตากอากาศ ราฟาเอลก็ได้หลบอยู่ในที่มือคอยคุ้มครองฉินวี่เฟยย่างลับ ๆ มาโดยตลอด

“ดี ๆ ๆ งั้นก็ดี” คุณพ่อของฉินวี่เฟยพยักหน้าติดต่อกัน เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่ทว่าคุณพ่อของฉินวี่เฟยยังไม่ทันผ่อนคลายลง จู่ ๆ ก็มีเสียงกระหึ่มดังขึ้น ประตูใหญ่บ้านตระกูลฉินถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง

เงาคนสายหนึ่งพุ่งลอยเข้ามาจากด้านนอก แล้วตกลงยังกลางห้องโถงโดยไม่ส่งเสียงใด ๆ

พอทุกคนมองดู ก็พบว่าเป็นฉินเจ้าสามนั่นเอง เพียงแต่ว่าเขาในตอนนี้ถูกคนทำร้ายจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายังมีลมหายใจอยู่ไหม

ทันใดนั้น ทั่วทั้งตระกูลฉินตื่นตระหนกตกใจขึ้นมา

“แย่แล้ว ศัตรูได้บุกมาถึงบ้านแล้ว!”

“ทำยังไงดี พวกเรารีบหนีกันเถอะ!”

“ตอนนี้ยังหนีได้อีกเหรอ?”

“แม่ ฉันยังไม่อยากตาย……”

คนตระกูลฉินตะโกนโหวกเหวกโวยวายราวกับได้บ้าคลั่งไปแล้ว กลับไม่มีใครชายตามองเจ้าสามของตระกูลฉินที่อยู่บนพื้นเลยแม้แต่น้อย

“หุบปาก!” คุณพ่อของฉินวี่เฟยตะคอกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เสียงนั้นได้ระงับเสียงถกเถียงนั่นลง

“ศัตรูเข้ามาแล้วเหรอ? พวกแกถึงได้ร้องเอะอะโวยวายอยู่อย่างนี้” คุณพ่อของฉินวี่เฟยกล่าวด้วยความโมโห: “ดูอาการของเจ้าสามก่อน”

“อาสามยังไม่ตาย” ฉินวี่เฟยเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปดู และกล่าวขึ้นมาอย่างสงบ: “เรียกรถพยาบาลก่อนเถอะ”

“เร็ว รีบเรียกรถพยาบาล” คุณพ่อของฉินวี่เฟยรีบตะโกนขึ้นมา

ไม่นานรถพยาบาลก็ได้มาถึงและรับเอาตัวของฉินเจ้าสามไป

จากการตรวจร่างกาย ฉินเจ้าสามเพียงแค่ถูกคนทำร้ายจนกระดูกหักไปแค่สองสามที่เท่านั้นเอง อย่างมากก็แค่ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลระยะหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต

“ช่างเหอะ สำหรับเจ้าสามแล้ว นี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้” คุณพ่อของฉินวี่เฟยกล่าวพลางถอนหายใจ

ศัตรูนับวันยิ่งกำเริบเสิบสาน ครั้งนี้ทำร้ายคนแล้วโยนเข้าบ้านตระกูลฉิน ถ้าหากตระกูลฉินยังไม่ทำอะไรสักอย่าง ครั้งหน้าอาจจะบุกเข้ามาทำร้ายคนตระกูลฉินถึงในบ้านก็ได้

“สืบได้เรื่องอะไรบ้างไหม?” คุณพ่อของฉินวี่เฟยเอ่ยถาม

อาสองของฉินวี่เฟยทอดถอนใจกล่าว: “กล้องวงจรปิดของที่นั่นถูกแฮ็ก ตรวจสอบไม่เจออะไรเลย”

“เฮ้อ! ดูแล้วพวกมันรอบคอบไม่เบา” คุณพ่อของฉินวี่เฟยกล่าวอย่างจนปัญญา

“อาสามฟื้นแล้ว!” ลูกหลานของตระกูลฉินคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา

ทุกคนยังไม่ทันได้เดินเข้าไปในห้องคนไข้ ก็ได้ยินเสียงตะโกนร้องของฉินเจ้าสามดังออกมาจากข้างใน

“แม่งเอ๊ย กล้าลอบทำร้ายฉันได้ยังไง! รีบหาคนมาให้ฉัน ก่อนอื่นไปทำลายพารากอนนั่นให้ฉันก่อนเลย!”

“แกหุบปากไปเลยนะ!” อาสองของฉินวี่เฟยเดินเข้าไปพร้อมกลับด่าอย่างโมโห: “เงียบไปเลย!”

“พี่รอง ฉันถูกคนทำร้ายหนักขนาดนี้เลยนะ!” ฉินเจ้าสามบ่น

“แกรู้ว่าใครทำร้ายแกเหรอ?” อาสองของฉินวี่เฟยกล่าวด้วยความโมโห

“ไม่ ไม่รู้” ฉินเจ้าสามพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

“แกไอ้คนไม่มีประโยชน์!” ฉินเจ้าสองด่าออกมาด้วยความโมโห: “ใครทำร้ายแกแกยังไม่รู้เลย แกยังคิดจะล้างแค้น? ฝันไปเหอะ!”

คุณพ่อของฉินวี่เฟยทอดถอนใจ กล่าว: “เจ้าสอง ใจเย็น ๆ เจ้าสาม เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฉันฟังซิ”

ฉินวี่เฟยในเวลานี้ กำลังนั่งดูรายงานต่าง ๆ อยู่ที่บ้านตระกูลฉิน

ระยะนี้ธุรกิจของตระกูลฉินต่างถูกโจมตี เรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ทำให้ฉินวี่เฟยหัวหมุนไปหมด แต่ก็ไม่อาจไม่สนใจได้ เพราะเหตุนี้เธอจึงปวดหัวเป็นอย่างมาก

เธอถอนหายใจหนึ่งครั้ง ฉินวี่เฟยวางเอกสารฉบับหนึ่งลง ภาวนาในใจให้หลี่ฝางกลับมาเร็ว ๆ

ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูรัว ๆ พลันดังขึ้น

“ผมคือไท่ซาง ข้างในมีคนอยู่ไหม?” เสี่ยงกระซิบกระซาบของไท่ซางดังลอยมาจากด้านนอก

“ไท่ซางเหรอ?” ฉินวี่เฟยดีอกดีใจขึ้นมา: “หลี่ฝางกลับมาหรือยัง?”

กล่าวไป เธอพลางรีบเดินไปเปิดประตู แต่กลับพบไท่ซางเพียงแค่คนเดียว

“ลูกพี่สั่งให้ผมมาคุ้มครองคุณ” ไท่ซางกล่าวเสียงเบา: “เขาบอกว่าเขาจะซ่อนตัวคอยสืบหาข้อมูล”

“เยี่ยมไปเลย! เข้ามาก่อนเถอะ อย่าให้คนอื่นเห็นเข้า” ฉินวี่เฟยรีบให้ไท่ซางเข้ามาข้างใน จากนั้นก็ปิดประตูลง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน