NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่941 ฉินจื่อยี่ถูกทำร้าย

บทที่941 ฉินจื่อยี่ถูกทำร้าย

หลี่ฝางเพียงแค่เดินมาถึงหน้าประตูอย่างเงียบ ๆ และเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าไป จากนั้นก็ปิดประตูบานนั้นลง และได้บดบังสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจเหล่านั้นเอาไว้ด้านนอก

ผู้คนที่อยู่ด้านนอกเกาหัวด้วยความงุนงง ภายในใจเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าดูว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่

กู่ยี่เทียนที่กำลังยืนอยู่ในลานบ้าน มองเห็นหลี่ฝางเดินเข้ามา ก็พยักหน้าเล็กน้อย

“ดูเหมือนว่านายจะได้เข้าสู่แดนเต๋าแล้วริง ๆ” เขากล่าวอย่างเรียบ ๆ

“นายเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” หลี่ฝางเอ่ยขึ้นมาอย่างลวก ๆ

“ตกลงแล้วมาหาฉันมีเรื่องอะไร? รีบพูดมา เวลาฉันมีน้อย”

กู่ยี่เทียนยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้น: “เหอะ ๆ ได้มีคนออกมาจากปีศาจซากปรักหักพังแล้ว นายรู้หรือยัง?”

ปีศาจซากปรักหักพังนั่น? ปีศาจซากปรักหักพังไหน? ยังจะมีปีศาจซากปรักหักพังไหนอีกล่ะ!

“ใคร?” หลี่ฝางรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาทันที

ดูเหมือนว่าท่าทีของหลี่ฝางจะทำให้เขาพอใจมาก กู่ยี่เทียนกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม: “คุณท่านตงฟาง”

“เป็นเขาหรอกเหรอ?” หลี่ฝางใจเต้นตุบตับ เงาของใครหลายคนผ่านวับเข้ามาในดวงตาของหลี่ฝางอย่างไม่ได้ตั้งใจ

คุณพ่อ คุณแม่ของเขา ส้าวส้วย แม่มด ซือปาจี้……

“แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ? พวกพ่อแม่ของฉันล่ะ?” ความห่วงใยทำให้เป็นกังวล ความกังวลทำให้ลนลาน หลี่ฝางยอมรับ ว่าตอนนี้เขาลนลานมาก

“ไม่รู้สิ” คำตอบของกู่ยี่เทียน ทำให้จิตใจที่เป็นกังวลของหลี่ฝางค่อย ๆ จมดิ่งลงไป

“ไม่พบร่องรอยของพวกเขา พวกเขาได้หายตัวไป ฉันเองก็แปลกใจ เมื่อก่อนยังติดต่อกับพวกเขาอยู่ตลอดแท้ ๆ สุดท้ายข่าวคราวของพวกเขากลับหายไป เหมือนกับว่าพวกเขาถูกมือที่มองไม่เห็นลบล้างร่องรอยของพวกเขาไปยังไงอย่างงั้น”

เมื่อเห็นหลี่ฝางเงียบไป กู่ยี่เทียนก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ หนึ่งครั้งพลางกล่าว: “ตามข้อมูลที่พวกเราได้รับ คุณท่านตงฟางก็ได้เข้าสู่แดนเต๋าแล้ว ถึงจะเป็นแดนเต๋าเหมือนกัน แต่เกรงว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่านายและฉัน”

กู่ยี่เทียนกล่าวไป พร้อมกับมองไปที่หลี่ฝาง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่า สีหน้าท่าทางของหลี่ฝางค่อย ๆ สงบลง

“นายไม่กลัวเหรอ?” กู่ยี่เทียนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“กลัว แต่กลัวแล้วมีประโยชน์อะไร?” หลี่ฝางเหลือบตามองบนให้กู่ยี่เทียน: “แทนที่จะสั่นสะท้านอยู่ในความหวาดกลัว สู้คิดหาวิธีไปเผชิญหน้าจะไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับคนในครอบครัวของฉัน งั้นคุณท่านตงฟางก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ถ้าหากพวกเขาตายกันหมด งั้นฉันก็จะกำจัดคุณท่านตงฟางให้ได้อย่างแน่นอน จะต้องทำให้ได้แน่!”

“นายได้เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดแล้วเหรอ?” กู่ยี่เทียนยิ้มขึ้นมา: “น่าสนใจแฮะ นายไปเอาความมั่นใจและความกล้านี่มาจากไหน?”

พอพูดประโยคนี้จบ กู่ยี่เทียนก็ได้ยิ้มเยาะอยู่ตลอดเวลา

“อยากรู้เหรอ?” แววแห่งความตื่นเต้นปรากฏขึ้นมาในดวงตาของหลี่ฝางแวบหนึ่ง เขากล่าวพลางหัวเราะแหะ ๆ

“ดีนี่ งั้นลองกินหมัดฉันสักหมัดก่อนเป็นไง!” กู่ยี่เทียนกล่าวไป จากนั้นก็กำหมัดขึ้น แล้วต่อยเข้าไปยังหลี่ฝางทันที

หลี่ฝางไม่ได้หลบเลี่ยงใด ๆ ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ได้ต่อยหมัดของเขาออกไป สองหมัดกระทบกันเข้าอย่างจัง

เสียงดังราวกับฟ้าร้องคำรามลอยมาในอากาศ พลังจากหมัดแพร่กระจายออกมา ใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่ในลานบ้านต้นนั้นปลิวว่อนอยู่ในอากาศ ทั้งสองคนลอยถอยหลังออกไปพร้อมกัน

“ตุ้บ!” “ตุ้บ!”

เสียงกระแทกดังขึ้นติดต่อกัน ร่างของทั้งสองคนกระแทกเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลัง ทำให้เกิดเป็นรอยร่างคนขึ้นบนกำแพง

ทั้งสองคนขยับแขนขาลุกขึ้นยืน พลางขมวดคิ้วมองดูบรรยากาศรอบ ๆ

หลี่ฝางเอ่ยปากกล่าว: “ที่นี่แคบไป แสดงพลังออกมาได้ไม่เต็มที่ อีกอย่างฝีมือของเราพอ ๆ กัน ถ้าสู้กันต่อไปสุดท้ายคงต้องบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย”

“งั้นก็หยุดชั่วคราวก่อนแล้วกัน” กู่ยี่เทียนพยักหน้ากล่าว: “วันหลังถ้ามีโอกาส ฉันยังจะมาประลองฝีมือกับนายอีก!”

“ได้ วันหลังฉันจะต้องสู้กับนายอย่างเต็มที่แน่……”

หลี่ฝางกำลังจะเอ่ยปากพูด โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา เขาหยิบขึ้นมาดูเห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากฉินวี่เฟย หลี่ฝางรู้สึกว่าไม่ค่อยปกติ จึงรีบรับโทรศัพท์ทันที

“หลี่ฝาง พี่ชายของฉันถูกคนทำร้ายบาดเจ็บ!”

“ฉินจื่อยี่? เขาเป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ฉันก็ไม่รู้ เขา ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้อง ICU ของโรงพยาบาล หมอบอกว่าให้คนในครอบครัวทำใจ……หลี่ฝาง ทำยังไงดี……”

ฉินวี่เฟยสึกสะอื้นกล่าว

“เธอใจเย็น ๆ นะ ฉันจะรีบกลับไปตอนนี้เลย”

หลี่ฝางหยุดไปสักพัก แล้วรีบกล่าวขึ้นมา: “เตือนให้คนในครอบครัวของเธอระวังความปลอดภัย ฉันกลัวว่าพวกมันจะพุ่งเป้าหมายไปยังตระกูลฉินของพวกเธอ เธอโทรหาโหจื่อนะ บอกให้ราฟาเอลไปปกป้องพวกเธอ”

วางโทรศัพท์ไป หลี่ฝางก็ได้เอ่ยขึ้น: “พอดีมีเรื่องด่วนเข้ามา ฉันต้องไปก่อนแล้ว”

“นายตามสบายเถอะ” กู่ยี่เทียนกล่าวอย่างเรียบ ๆ

“เรื่องโซนปีศาจจะล่าช้าอีกต่อไปไม่ได้แล้ว หลังจากที่นายกลับไปจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ก็ติดต่อหาหลิวฮุย”

“ฉันรู้แล้ว” หลี่ฝางพยักหน้า

กู่ยี่เทียนไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขาหันหลังและเดินไปทางด้านนอกทันที

หลังจากที่หลี่ฝางได้เอ่ยข้อเรียกร้อง ตระกูลชิวก็ได้จัดเตรียมเครื่องบินส่วนตัวส่งหลี่ฝางกลับไปทันที

นั่งอยู่บนเครื่องบิน หลี่ฝางก็ได้ตกอยู่ในห้วงความคิด

ตามหลักแล้ว อยู่ที่เมืองเอก ตราบใดที่ตระกูลฉินไม่หาเหาใส่หัว ก็น่าจะไม่มีใครลงมือต่อตระกูลฉินถึงจะถูก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่ไม่ค่อยทำตัวให้เป็นจุดสนใจอย่างฉินจื่อยี่ นอกเสียจากว่าจะเป็นกองกำลังที่อยู่นอกเมืองเอก

ไม่รู้ว่าทำไม หลี่ฝางก็ได้นึกถึงเรื่องที่เมื่อก่อนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฉินจื่อยี่ได้นัดคุยกับเขาเรื่องร่วมมือทำธุรกิจอย่างหนึ่งขึ้นมา ในตอนนั้นหลี่ฝางไม่ได้รับปากการเชื้อเชิญทำธุรกิจของฉินจื่อยี่ แต่ตามอุปนิสัยของฉินจื่อยี่แล้ว คิดว่าเขาจะต้องหาวิธีไปทำธุรกิจใหญ่นั่นเองแน่

ฉินจื่อยี่ถูกทำร้าย จะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่านะ?

“ไท่ซาง” หลี่ฝางเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ : “อีกเดี๋ยวหาสถานที่ให้พวกเราแยกกัน นายกลับที่เมืองเอกก่อน”

“หา? ทำไมล่ะครับลูกพี่?”

“นายไม่ต้องสนใจ กลับไปแล้วก็ซ่อนตัวให้ดี อย่าเปิดเผยตัวตนของตัวเอง”

“นี่……ผมเข้าใจแล้วครับ” ไท่ซางพยักหน้า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเข้าใจแล้วจริง ๆ หรือแค่รับปากลอย ๆ เท่านั้นเอง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท