NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่943 ข้อมูลของลู่เผิงเฟย

บทที่943 ข้อมูลของลู่เผิงเฟย

“อ้อใช่แล้ว ไอ้ผีผิวขาวนั่นล่ะ ลูกพี่ก็น่าจะได้ให้เขามาคุ้มครองคุณด้วยใช่ไหม?” ไท่ซางชะโงกหัวมองซ้ายมองขวา

“หุบปากไปเลยนะ แกเจ้าลิงแห้งนี่” ราฟาเอลปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง จ้องมองไท่ซางด้วยแววตาไม่เป็นมิตร

ไท่ซางหัวเราะแหะ ๆ เขากระดิกนิ้วให้กันราฟาเอลพลางกล่าว: “พอดีเลย พวกเราสลับเวรกัน แบบนี้สามารถรับประกันได้ว่ามีคนคอยคุ้มครองคุณหนูฉินวี่เฟยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผีผิวขาวแกต้องระวังให้ดีล่ะ ถ้าหากทำคุณหนูฉินวี่เฟยได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ ลูกพี่กลับมาจะต้องลอกหนังนายแน่”

“ต่อให้ลิงแห้งอย่างนายถูกคนต่อยจนเละเป็นโจ๊ก ฉันก็จะไม่ให้คุณหนูฉินวี่เฟยได้รับบาดเลยแม้แต่น้อย” ราฟาเอลยกนิ้วกลางให้กับไท่ซาง จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป ไม่นานก็ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหนแล้ว

“ถุย ผีผิวขาวอวดดีห่าอะไร” ไท่ซางถ่มน้ำลายลงบนพื้น

อีกด้านหนึ่ง ในขณะที่ตระกูลฉินถูกคลื่นลมพัดกระหน่ำ หลี่ฝางกำลังนั่งทานอาหารอยู่ในห้องส่วนตัวของโรงน้ำชาแห่งหนึ่งอย่างเชื่องช้า

เขาไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อทานอาหาร แต่เพื่อรอคนคนหนึ่ง

ลู่เผิงเฟยแห่งตระกูลลู่

หลี่ฝางถูกผู้อาวุโสเรียกพบเมื่อครั้งที่แล้ว สถานที่ก็คือที่บ้านตระกูลลู่ ในตอนนั้นเขาได้รู้จักกับลู่เฉิง รวมทั้งลู่เผิงเฟยลูกชายของลู่เฉิง

ไม่นาน ลู่เผิงเฟยก็ปรากฏตัวขึ้น ที่ข้างกายยังมีชายชราสวมชุดโบราณตามมาด้วย

“พี่หลี่ ไม่เจอกันนานเลยนะ ครั้งที่แล้วรีบเกินไป เลยไม่มีเวลาได้คุยกับคุณ ครั้งนี้พวกเราสองคนคุยกันต้องคุยกันดี ๆ หน่อยแล้ว”

ลู่เผิงเฟยกล่าวกับหลี่ฝางด้วยรอยยิ้ม ภูมิหลังของตระกูลลู่ ทำให้เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสประจบสอพลอคนอื่น ครั้งนี้สามารถเรียกหลี่ฝางที่มีอายุน้อยกว่าเขาว่า ‘พี่หลี่’ ได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากแล้ว แน่นอนว่าไม่มีสำนวนชมเชยใด ๆ

“คุณอย่าพูดแบบนี้สิ ตามอายุแล้ว ผมควรเรียกคุณว่าพี่ลู่ถึงจะถูก” หลี่ฝางยิ้มพูดติดตลก

“ฮ่า ๆ! พี่หลี่อย่าเหน็บแนมผมอีกเลยนะ ถ้าหากให้พ่อผมรู้เข้า คงต้องเอาผมตายแน่เลย”

หลังจากที่หัวเราะเสียงดัง ลู่เผิงเฟยก็หันไปยิ้มกล่าวกับชายชราที่อยู่ด้านข้าง: “ลุงฝู ลุงไปฟักก่อนเถอะครับ ไม่ต้องคอยตามอยู่ที่ข้างกายผมหรอก”

“ครับ! นายน้อย!”

ลุงฝูไม่ได้มีความคิดเห็นใด ๆ เขาหันหลังเดินออกไปจากห้องส่วนตัว เพียงแค่มองหลี่ฝางด้วยความมึนงงเล็กน้อยอยู่หลายครั้ง

ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ ทำไมนายน้อยของตัวเองถึงได้เรียกเขาว่าพี่หลี่? ทั้ง ๆ ที่ชายหนุ่มคนนั้นอายุน้อยกว่านายน้อยของตัวเองแท้ ๆ!

จนกระทั่งเสียงฝีเท้าของลุงฝูหายไป ลู่เผิงเฟยถึงได้กล่าวอธิบายด้วยรอยยิ้ม: “ลุงฝูไม่รู้จักพี่หลี่ ทำให้คุณต้องหัวเราะเยาะแล้วนะ”

หลี่ฝางยิ้มพลางส่ายหัว: “ไม่เป็นไรหรอก”

เป็นธรรมดาที่เขาจะมองความอยากรู้อยากเห็นและความไม่พอใจของชายชราออก มันเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นใครเมื่อได้เห็นลู่เผิงเฟยนายน้อยแห่งตระกูลลู่ เรียกชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตัวเองว่า ‘พี่หลี่’ อย่างสนิทสนม ต่างก็ต้องประหลาดใจทั้งนั้น

เมื่อเทียบกัน ท่าทีของลุงฝูถือว่าสงบมากแล้ว

“พี่หลี่ เรื่องที่คุณให้ผมสืบ เมื่อคืนหลังจากที่ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณแล้วผมก็สั่งให้คนไปสืบทันที ในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์มา พวกเราสืบได้ข้อมูลอะไรบางอย่าง”

ทั้งสองกล่าวทักทายกันเสร็จ ก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป และได้เข้าสู่ประเด็นหลักทันที

เมื่อคืนจู่ ๆ ลู่เผิงเฟยก็ได้รับสายโทรเข้าจากหลี่ฝาง เมื่อได้ยินว่าหลี่ฝางต้องการให้เขาช่วยตรวจสสอบข้อมูล ลู่เผิงเฟยก็รู้สึกมีความสนใจขึ้นมาทันที

ถ้าพูดถึงเรื่องศิลปะการต่อสู้ อยู่ต่อหน้าของหลี่ฝางเขาไม่อาจพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการทำธุรกิจ เขากลับคิดว่าหลี่ฝางสิบคนก็เทียบเขาไม่ได้

ถึงแม้หลี่ฝางจะสูญเสียเงินกับการทำธุรกิจไปไม่น้อย แต่เงินที่เขาหามาได้นั้นกลับเทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวของลู่เผิงเฟยเลยด้วยซ้ำ

หลังจากที่หลี่ฝางได้พบกับผู้อาวุโสสูงสุดที่บ้านตระกูลลู่ ลู่เผิงเฟยที่ถูกพ่อของตัวเองย้ำนักย้ำหนาก็ได้ให้ความสนใจกับหลี่ฝางตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งยังแบ่งหน่วยข่าวกรองส่วนหนึ่งออกมาเพื่อรวบรวมข้อมูลของหลี่ฝางโดยเฉพาะ

ผลลัพธ์ก็คือข้อมูลเหล่านั้นทำให้ลู่เผิงเฟยตะลึง มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ลู่เผิงเฟยได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนที่หลี่ฝางอยู่ที่บ้านตระกูลชิว เขาก็ตั้งใจว่าจะต้องคบค้าสมาคมกับหลี่ฝางให้ได้โดยสิ้นเชิง ห้ามเป็นปรปักษ์อย่างเด็ดขาด

ลู่เผิงเฟยไม่ได้อ้อมค้อมอะไรกับหลี่ฝาง เขากล่าวขึ้นมาตรง ๆ : “ตามข้อมูลที่ผมสืบมาได้นั้น สาเหตุมาจากได้เกิดความขัดแย้งในการทำธุรกิจอย่างหนึ่งขึ้นระหว่างหวางซีหมิงแห่งตระกูลหวางและตระกูลฉิน หวางซีหมิงได้พาลโกรธเนื่องจากความละอายและขุ่นเคือง จึงได้บอกออกไปว่า จะสั่งสอนตระกูลฉิน”

“ตระกูลหวาง?” หลังจากที่หลี่ฝางได้ยินชื่อนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

หนึ่งลู่หนึ่งหวาง สองวีระบุรุษแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ นั่นเป็นสองตระกูลชั้นยอดที่อยู่ในระดับเดียวกัน เมื่อเทียบกันแล้ว ตระกูลฉินไม่นับอะไรเลยด้วยซ้ำ พวกเขาไปล่วงเกินตระกูลหวางได้ยังไง?

“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่? ตามหลักแล้ว ตระกูลฉินน่าจะไปล่วงเกินตระกูลใหญ่โตอย่างตระกูลหวางไม่ได้นี่นา?” หลี่ฝางถามด้วยความสงสัย

ฝั่งตรงข้าม ลู่เผิงเฟยอธิบายต้านสายปลายเหตุให้หลี่ฝางฟัง

“พี่หลี่รู้จักบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปอยู่ใช่ไหม? ก่อนหน้านี้ระยะหนึ่งบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปได้ลงทุนกับบริษัทขนส่งระหว่างประเทศ จำเป็นต้องหาบริษัทที่มีความสัมพันธ์กว้างขวางและมีความสามารถร่วมมือด้วย ดังนั้นจึงได้จัดงานเลี้ยงค็อกเทลขึ้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อหาพันธมิตรร่วมธุรกิจด้วย”

เดิมทีหวางซีหมิงแห่งตระกูลหวางไม่ได้มีส่วนร่วมใด ๆ ในการร่วมมือครั้งนี้เลย อีกทั้งได้ยินมาว่าการคุยธุรกิจระหว่างตระกูลฉินและบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปเป็นไปด้วยดี จนเกือบจะตกลงกันได้แล้ว ต่อมาไม่รู้เกิดอะไรขึ้น หวางซีหมิงก็ได้เสียบเข้ามา และได้เกิดความขัดแย้งกับลูกหลานตระกูลฉินที่ถูกทำร้ายคนนั้น สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น”

“เป็นเพราะธุรกิจนั่นจริง ๆ เหรอนี่?” หลี่ฝางคลับคล้ายคลับคลาอยู่ภายในใจ เขาได้คาดเดาอยู่ก่อนแล้วว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะตรงเป๊ะ เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท