NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่949 ความร่วมมือทางธุรกิจของบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป

บทที่949 ความร่วมมือทางธุรกิจของบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป

“หุบปาก!” ชายชราตะคอกอย่างโมโห ทำให้เสียงของหญิงวัยกลางคนคนนั้นเงียบหายไปทันที

“ตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลหลี่? เธอรู้ไหมว่าข้างบน……”

กล่าวถึงตรงนี้ ชายชราก็ทอดถอนใจ และไม่ได้กล่าวต่อไปอีก แต่กลับออกคำสั่งแทน: “เรื่องนี้ให้มันจบแค่นี้ ถ้าให้ฉันรู้ว่าใครกล้าไปหาเรื่องหลี่ฝาง ฉันจะต้องให้มันชดใช้กับผลที่ตามมาแน่!”

……

ณ โรงพยาบาลอันดับหนึ่งแห่งเมืองเอก ห้องผู้ป่วยVIP

ร่างกายของฉินจื่อยี่พันไปด้วยผ้าพันแผล เขานั่งอยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่าย และอ้าปากเป็นบางครั้ง พยาบาลสาวหน้าตาดีที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ได้ยื่นแอปเปิลที่ปอกเสร็จแล้วส่งเข้าไปในปากของเขาชิ้นแล้วชิ้นเล่า

“ว้าว สมกับที่เป็นคุณชายตระกูลฉินจริง ๆ เสพสุขเป็นจังเลยนะ!” เสียงโหวกเหวกเสียงหนึ่งดังลอยมาจากทางประตู

เมื่อได้ยินเสียงเสียงนี้ ฉินจื่อยี่ยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้: “ฉันว่าแล้วว่านายจะต้องกลับมาได้ทันเวลา”

“พอได้แล้วนายน่ะ ฉันว่านะ กล้าแม้กระทั่งประมือกับตระกูลหวาง แย่งชิงธุรกิจ นายกลายเป็นคนหัวรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หลี่ฝางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เขาพิจารณาดูพยาบาลสาวแวบหนึ่ง แล้วส่ายหัวพลางส่งเสียง “จุ๊ ๆ”

“สุดยอด เสพสุขเป็นจริง ๆ!”

“อย่าหัวเราะเยาะฉัน รสชาติของการนอนอยู่ตรงนี้มันไม่ได้ดีเลยนะ” ฉินจื่อยี่หัวเราะอย่างขมขื่น พลางเอ่ยถาม: “เรื่องเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

“เรื่องนี้……” หลี่ฝางกำลังจะเอ่ยตอบ จู่ ๆ ก็มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังมาจากข้างนอก เดิมทีแล้วการเก็บเสียงของห้องผู้ป่วยVIP นั้นดีไม่น้อย เพียงแต่ว่าตอนที่หลี่ฝางเข้ามานั้นปิดประตูไม่สนิท ทำให้เสียงจากระเบียงทางเดินดังลอยเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้นที่ด้านนอก?” ฉินจื่อยี่หันคอไม่ได้ ทำได้เพียงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หลี่ฝางชายตามองออกไปที่ด้านนอก แล้วกล่าวด้วยท่าทางรู้แจ้ง: “อ๋อ เป็นมู่หรงฉางเฟิงน่ะ มันเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว ทั้งยังพักอยู่ที่ห้องข้าง ๆ นาย”

ฉันจื่อยี่ชะงักงันไปชั่วขณะ: “นายอัดมันอีกแล้วเหรอ?”

หลี่ฝางรีบทำท่าโบกมือ: “ครั้งนี้ไม่ใช่ฉันหรอกนะ แต่เป็นน้องสาวของนาย เดิมทีฉันว่าจะปล่อยไอ้หมอนั่นไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าน้องสาวของนายจะยกเก้าอี้ขึ้นมาและฟาดลงไปบนหัวของมัน ฉันจะห้ามก็ห้ามไม่อยู่”

มองดูหลี่ฝางที่มีท่าทียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ฉินจื่อยี่แบ้ปากอย่างหมดคำจะพูด ถ้าเขาเชื่อคำพูดของหลี่ฝางจริง ๆ ก็แปลกแล้ว

……

วิกฤติของตระกูลฉิน ก็ได้ถูกลบล้างไปเช่นนี้

เหล่าบริษัทที่ได้ผิดสัญญาเมื่อก่อนหน้านี้ ต่างก็แย่งชิงที่จะมาขอโทษตระกูลหลี่ถึงที่ อีกทั้งยังรับปากจะยกผลประโยชน์ต่างๆ นานา ให้ ต้องการเป็นพันธมิตรกับตระกูลหลี่ ทำให้คนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางต้องอุทานด้วยความตกตะลึงอย่างไม่รู้ตัว

ภายในห้องทำงาน ฉินวี่เฟยกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการตรวจอนุมัติสัญญาฉบับแล้วฉบับเล่า

“ประธานฉิน” เลขาคนหนึ่งยื่นหนังสือสัญญาหนึ่งฉบับมาอย่างดีอกดีใจ

“บริษัท ก่วงนิง เทรดดิ้ง จำกัด ได้ส่งหนังสือสัญญามาหนึ่งฉบับ หวังว่าจะสามารถสร้างความร่วมมือระยะยาวกับพวกเราได้!” ในแววตาของเลขาเต็มไปด้วยความดีอกดีใจ

บริษัท ก่วงนิง เทรดดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจการค้าอันดับต้น ๆ ของประเทศเชียวนะ

“บริษัท ก่วงนิง เทรดดิ้ง จำกัด? ธุรกิจครอบครัวของตระกูลเจิ้งแห่งมณฑลเจียงหนาน?” ฉินวี่เฟยชะงักงัน

“ฉันจำได้ว่าเจิ้งจิ้นเผิงคนเมื่อวานก็คือคนตระกูลเจิ้ง หรือว่ากำลังแสดงความปรารถนาดีต่อหลี่ฝาง?” ฉินวี่เฟยคาดเดาอยู่อย่างนี้

ในขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง โทรศัพท์อีกสายก็โทรเข้ามา

“สวัสดีครับ ผมโทรจากบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป……”

“พวกเราอยากจะคุยกับพวกคุณเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ……”

โทรศัพท์สายนี้ คุยอยู่ประมาณสิบนาที จากนั้นอีกฝ่ายก็ได้วางสายไป และหลังจากที่วางโทรศัพท์ไป ฉินวี่เฟยก็รีบโทรหาหลี่ฝางทันที

“วี่เฟย? มีอะไรเหรอ?” หลี่ฝางที่กำลังหาเรืองอะไรบางอย่างกับทุกคนอยู่ที่สถานตากอากาศ มองเห็นสายโทรเข้าจากฉินวี่เฟย ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับทันที

“หลี่ฝาง เมื่อกี้……” ฉินวี่เฟยเล่าเรื่องราวเมื่อสักครู่ให้หลี่ฝางฟังอีกรอบ

“ร่วมมืองั้นเหรอ? ดีมากเลยนี่ เธอไม่ต้องคิดอะไรมาก ร่วมมือกับพวกเขาไปอย่างวางใจก็พอแล้ว มีเงินพวกเราจะไม่เอาไม่ได้” เมื่อฟังฉินวี่เฟยกล่าวจบ หลี่ฝางก็ยิ้มขึ้นมา เขาคิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้จู่ ๆ ก็มีพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาหามากมายนี่เอง หนึ่งในนั้นยังมีตระกูลเจิ้งแห่งมณฑลเจียงหนานและบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป ทำในภายในใจของฉินวี่เฟยเป็นกังวลเล็กน้อย

ได้ยินคำปลอบประโลมของหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยก็โล่งใจขึ้นมาไม่น้อย และกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง: “บริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป คาดหวังว่าพวกเราจะส่งทีมงานไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อคุยเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจกันซึ่ง ๆ หน้า ครั้งนี้ฉันอยากจะไปด้วยตัวเอง คุณจะไปกับฉันด้วยได้ไหม?”

หลี่ฝางลังเลอยู่สักครู่ จากคำพูดของฉินวี่เฟย เขาฟังออกถึงความปรารถนาอันแรงกล้า เข้าใจว่าฉินวี่เฟยไปในครั้งนี้ ความจริงนอกจากต้องการฝึกฝนตัวเอง เพื่อเพิ่มประสบการณ์ทางธุรกิจของตัวเองแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็คือต้องการอยู่กับหลี่ฝางสองต่อสองสักระยะมากกว่า

เมื่อนึกถึงว่าหลังจากที่ตัวเองได้ยืนยันความสัมพันธ์กับฉินวี่เฟยได้แล้วก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอเลย หลี่ฝางก็ไม่อาจปฏิเสธฉินวี่เฟย จึงได้พยักหน้า: “ได้ ฉันจะไปกับเธอ”

“เยี่ยมไปเลย!”

อีกฝั่งของสาย ฉินวี่เฟยหัวเราะขึ้นมาอย่างดีอกดีใจราวกับเด็ก ๆ

……

ชีวิตของหวางซีหมิงในระยะนี้ไม่ค่อยจะดีนัก หลังจากที่ถูกหลี่ฝางสั่งสอนเมื่อครั้งที่แล้ว เขาก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย

ครั้งที่แล้วหลี่ฝางไม่เพียงบีบแขนของเขาจนหัก ทั้งยังตีขาของเขาหักอีกด้วย ทำให้เขาต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น และต้องนั่งอยู่แบบนั้นหลายเดือน

แต่ไม่มีทางที่หวางซีหมิงจะทนนั่งอยู่อย่างนั้นจนครบสามเดือนได้ หลังจากที่ใช้ไม้อ่อนหว่านล้อมพ่อของเขาอยู่ไม่หยุด ในที่สุดก็ได้ตำแหน่งรองประธานของบริษัทหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของตระกูลมา

พ่อของหวางซีหมิงดีอกดีใจคิดว่าลูกชายของตัวเองคิดได้แล้ว จึงยินยอมที่จะติดตามผู้รับผิดชอบบริษัทแห่งนี้ นั่นก็คือน้องชายลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของตัวเองติดต่อให้ ฝากฝังให้เขาช่วยดูแลลูกชายของตัวเอง

เพียงแต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ หวางซีหมิงจะยอมมาที่บริษัทนี้ แค่เพียงเพราะพออกพอใจพนักงานสาวที่น่ารักไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน