NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่950 มาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้

บทที่950 มาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้

“เพ่ยเพ่ย เธอบอกว่าบริษัท เทียนไห่ กรุ๊ป ได้ติดต่อไปหาตระกูลฉินใหม่อีกครั้งแล้วงั้นเหรอ?”

หวางซีหมิงนั่งอยู่ในห้องประชุมที่ว่างปล่า เขาแสร้งทำท่าทำทางตั้งอกตั้งใจทำงาน

หญิงสาวหน้าสวยคนหนึ่งกลับกำลังนั่งคุกเข่ายุ่งอยู่ใต้เก้าอี้

หลังจากได้ยินที่หวางซีหมิงกล่าว นิ่งเพ่ยเพ่ยก็ได้หยุดการเคลื่อนไหวไป เธอเงยหน้าขึ้นกล่าว: “แน่นอน ฉันได้ยินจากปากของประธานหวางเลย”

“คุณลุงของฉันงั้นเหรอ? ถุย ไอ้เต่าเฒ่านั่น ธุรกิจที่ฉันกว่าจะคว้ามาได้ กลับถูกเขาทิ้งออกไปฟรี ๆ งั้นเหรอ? โง่เง่าเต่าตุ่น! จะต้องเป็นคำสั่งจากคุณปู่แน่! ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าคุณปู่กำลังคิดอะไรอยู่ หลี่ฝางคนนั้นต่อให้ฝีมือดีขนาดไหน ก็เป็นแค่พวกเศรษฐีใหม่เล็ก ๆ เท่านั้นเอง คุณปู่จำเป็นต้องประจบประแจงแบบนี้เชียวเหรอ?”

หวางซีหมิงตะโกนด่าออกมาอย่างเคียดแค้น นิ่งเพ่ยเพ่ยฟังหวางซีหมิงแหกปากด่า ก็ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ทำได้เพียงตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้นต่อไป

และในตอนนั้นเอง ด้านนอกประตูของห้องประชุม จู่ ๆ ก็ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น หวางซีหมิงรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าทันที แล้วให้นิ่งเพ่ยเพ่ยไปนั่งที่อีกด้วย เสแสร้งทำท่าทางตั้งใจทำงาน

ในตอนที่ลุงของหวางซีหมิง หวางเจียโล่เดินเข้ามาในห้องประชุม ก็ได้กลิ่นที่มีความเฉพาะลอยอยู่ในอากาศ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าของเขาก็ได้แคร่งขรึมลงทันที

ห้องประชุมห้องนี้ของเขาให้สำหรับรับรองลูกค้ารายใหญ่โดยเฉพาะ อีกทั้งอีกสักครู่จะมีลูกค้าคนสำคัญของเขามาคุยธุรกิจ ตอนนี้หวางซีหมิงกลับทำเรื่องแบบนั้นในห้องประชุมแห่งนี้ ถ้าหากการเจรจาครั้งนี้ล้มเหลวเพราะเรื่องนี้ งั้นมันก็คงน่าเสียดายเกินไป

ณ เวลานี้ หวางเจียโล่เพียงอยากชี้หน้าด่าหวางซีหมิงอย่างหนัก ๆ จากนั้นก็ไล่เขาออกไปจากที่นี่ แต่ว่าเขาทำได้เลยสักนิด

เพราะว่าเขาเป็นแค่ลูกหลานห่าง ๆ ของตระกูลหวางเท่านั้น สำหรับตระกูลหวางแล้วไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยสักนิด ตำแหน่งของเขา สู้หลานอย่างหวางซีหมิงไม่ได้ด้วยซ้ำ

พอเห็นหวางเจียโล่ สีหน้าท่าทางของหวางซีหมิงจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแต่ว่าก็แค่เพียงจริงจังเล็กน้อยเท่านั้นเอง จากแววตาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของเขา หวางเจียโล่ก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าหวางซีหมิงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขาเลยสักนิด

ในที่สุดหวางเจียโล่ก็ระงับไฟโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เขาเอ็ดด่าขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“หวางซีหมิง ตอนอยู่ที่บริษัทนายจะจริงจังหน่อยไม่ได้หรือไง? ต้องทำเรื่องแบบนั้นอยู่ที่นี่ให้ได้งั้นเหรอ? ถ้าหากอีกสักครู่เรื่องนี้ของนายทำให้ลูกค้ายกเลิก ฉันจะต้องไปคุยกับพ่อของนายแน่!”

“ขอโทษครับ คุณลง ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้ว” เมื่อเห็นหวางเจียโล่โกรธขึ้นมาจริง ๆ หวางซีหมิงก็รีบเอ่ยขอโทษทันที

“หึ ไม่ทำอีก? นายคิดว่าฉันไม่ได้ยินที่พวกนายพูดเมื่อกี้หรือยังไง?” หวางเจียโล่ทำเสียงหึอย่างเย็นชา สายตาจ้องเขม็งไปที่นิ่งเพ่ยเพ่ยอย่างเยือกเย็น

ไม่เหมือนกันกับความโมโหที่มีต่อหวางซีหมิง หวางเจียโล่ในเวลานี้ทั่วทั้งร่างของเขาแผ่รัศมีความน่าเกรงขามออกมาเล็กน้อย ทำให้นิ่งเพ่ยเพ่ยรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาในใจ

“นายเองก็อย่าเกิดความไม่พอใจ ยกธุรกิจนี้ให้คนอื่นเป็นคำสั่งจากคุณท่าน เพราะเรื่องที่นายสร้างขึ้นในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ขอโทษขอโพยคนอื่นไปอย่างเหมาะสม อย่างน้อยก็ดีกว่าผูกปมแค้นกันในวันข้างหน้า”

“ขอโทษ?”

ทันทีที่ฟังหวางเจียโล่กล่าวจบ หวางซีหมิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา: “จะว่ายังไงผมก็เป็นคนตระกูลหวาง จำเป็นต้องให้ผมไปขอโทษหลี่ฝางด้วยเหรอ?”

“นาย…..”

หวางเจียโล่ยังอยากจะกล่าวต่อ แต่กลับถูกหวางซีหมิงตัดบทไปทันที: “พอเถอะ ลุง ธุรกิจยกให้คนอื่นไปแล้วก็แล้วไปเถอะ ผมจะไม่โต้เถียงอะไรอีก แต่ความแค้นในครั้งนี้ ไม่มีทางที่จะปล่อยผ่านไปง่าย ๆ แบบนั้น”

……

เครื่องบินลำหนึ่งลงจอดที่สนามบินเมืองเซี่ยงไฮ้ ชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินลงมาจากเครื่องบิน

เดินนำหน้านั้นเป็นสายหญิงคู่หนึ่ง ผู้หญิงหน้าตางดงามมีเสน่ห์ ดูแล้วสบายตาเป็นอย่างมาก

ผู้ชายถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ร่างกายของเขากลับรัศมีบางอย่างที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวแผ่ซ่านออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดา

และกลุ่มคนที่เดินตามทั้งสองคนมานั้น ต่างก็แต่งตัวอย่างเป็นทางการมาก ผู้คนเหล่านี้ ก็คือทีมงานของหลี่ฝางและฉินวี่เฟยจากเมืองเอกที่มาคุยธุรกิจที่เมืองเซี่ยงไฮ้นั่นเอง

หลี่ฝางทั้งสองคนเดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนคนอื่น ๆ ก็เดินตามอยู่ด้านหลัง ไม่นานก็ออกมาจากสนามบิน และได้เห็นที่ด้านนอกมีรถเบนซ์เชิงพาณิชย์สามคันจอดรออยู่แล้ว

“ประธานฉิน ในที่สุดคุณก็มา”

เมื่อเห็นฉินวี่เฟยเดินเข้ามา ดวงตาคู่นั้นของชายวัยกลางคนที่เดินอยู่ด้านหน้าขบวนรถก็เปล่งประกายขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ได้รีบปิดบังอำพรางลงไป และได้เข้าไปต้อนรับอย่างอบอุ่นยิ้มแย้ม

เขาชื่อว่าจ้าวเฉิง เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบคนสำคัญในการคุยธุรกิจกับฉินวี่เฟยในครั้งนี้

“ประธานจ้าว ต้องขอโทษด้วยจริง เครื่องบินดีเลย์ เลยทำให้ล่าช้าไปหน่อย”

ฉินวี่เฟยจับมือกับอีกฝ่าย และยิ้มเป็นเชิงขอโทษขอโพย

“ท่านนี้คือ?” สายตาของจ้าวเฉิงเลื่อนไปที่หลี่ฝางที่อยู่ด้านข้าง

“เขาเป็นแฟนของฉันเอง ชื่อหลี่ฝาง” ฉินวี่เฟยเอ่ยแนะนำอย่างเปิดเผย

“อ๋อ คุณหลี่ ยินดีที่ได้พบครับ” เจ้าเฉิงขมวดคิ้วอย่างไร้ร่องรอย แล้วยื่นมือออกไปทางหลี่ฝาง หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อย และยื่นมือออกมาจับมือกับเขาเบา ๆ โดยไม่ได้กล่าวอะไรทั้งสิ้น

“ประธานฉิน ขึ้นรถก่อนเถอะ ผมได้จัดเตรียมโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้ว เดินทางมาเหนื่อย วันนี้พักผ่อนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้พวกเราค่อยคุยเรื่องความร่วมมือกัน”

จ้าวเฉิงรีบกล่าวอย่างดูแลเอาใจใส่

จ้าเฉิงเปิดประตูรถ แล้วเชิญฉินวี่เฟยขึ้นรถด้วยท่าทางสุภาพบุรุษ หลังจากที่ฉินวี่เฟยขึ้นไปนั่งบนรถก็ได้ขยับเข้าไปข้างใน และเว้นที่ว่างออกมา ดวงตาคู่นั้นของจ้าวเฉิงเป็นประกายขึ้นมา และเตรียมที่จะมุดตัวเข้าไปในรถ

คิดไม่ถึงว่าเงาร่างร่างหนึ่งที่อยู่ด้านข้างจะเร็วกว่าเขามาก ดวงตาพร่ามัวไปชั่วขณะ หลี่ฝางก็ได้เข้าไปนั่งอยู่ในรถแล้ว

“คุณหลี่ นี่คุณ……”

เมื่อเห็นการคาดเดาของตัวเองไม่ได้เป็นอย่างที่คิด อารมณ์ความโกรธและอับอายก็ได้บังเกิดขึ้นในใจของเขา

“แน่นอนว่านั่งอยู่ที่ด้านหลังนี้กับผู้หญิงของผม คุณจ้าว คุณก็จะเบียดเข้ามาด้วยเหรอ?”

หลี่ฝางฉีกยิ้ม ปรากฏฟันขาวออกมา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท