NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่952 ความหวาดผวาของจ้าวเฉิง

บทที่952 ความหวาดผวาของจ้าวเฉิง

วันต่อมา เฉียงจื่อที่ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหลี่ฝางอีกครั้ง มีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก

เมื่อวาน เดิมทีเขาคิดจะให้พวกเพื่อน ๆ เหล่านั้นสั่งสอนหลี่ฝางสักหน่อย แต่สุดท้ายแล้วกลับยังไม่ได้ถูกตัวหลี่ฝางเลยด้วยซ้ำ ตัวเองกลับต้องเข้าโรงพยาบาลแทน

หลี่ฝางเดินออกมาจากโรงแรม เมื่อเห็นเฉียงจื่อ ก็เดินเข้าไปหาแบบยิ้ม ๆ

เมื่อวานเขารู้สึกผิดปกติตั้งแต่แรกแล้ว ชายฉกรรจ์หกคน ถึงแม้ดูแล้วเหมือนจะจู่โจมเข้ามาเพราะสาวสวย แต่ความจริงแล้วต่างก็ได้จดจ่อที่ตัวเอง จะดูยังไงก็ไม่ปกติ

ดังนั้น หลี่ฝางก็เลยสงสัยเฉียงจื่อขึ้นมาอย่างง่ายดาย

คิดไปคิดมา เหมือนว่าก็มีเพียงเฉียงจื่อที่เมื่อวานบนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความโมโหตัวเองที่น่าสงสัยแล้ว

เฉียงจื่อเห็นหลี่ฝางเดินเข้ามา ในใจของเขาก็ได้รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

เพื่อนของพวกนั้นต่างก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่กลับถูกหลี่ฝางโค่นล้มไปอย่างง่ายดาย เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของหลี่ฝางแล้ว

มือของหลี่ฝางถูกวางลงบนไหล่ของเฉียงจื่ออย่างเรียบง่าย พลางกล่าว: “เรื่องเมื่อคืนนี้มันน่าสนใจจริง ๆ นะ”

วินาทีนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของเฉียงจื่อแข็งทื่อไปเล็กน้อย

“เอ๊ะ? เป็นฝีมือนายจริง ๆ ด้วย” หลี่ฝางออกแรงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ทำให้เฉียงจื่อรับรู้ขึ้นมาทันทีว่าอะไรที่เรียกว่าภูเขาไท่ซานกดอยู่บนศีรษะ

“คุณ คุณหลี่……” เฉียงจื่อรู้สึกว่าไหล่ของตัวเองเจ็บขึ้นมาเป็นระยะ เหมือนกับว่ากำลังจะแตกหักในวินาทีต่อไป เขารีบเอ่ยปากอ้อนวอนขึ้นมา

“ขอโทษครับคุณหลี่ เป็นผมที่หลงผิดไป ขอโทษด้วยครับ……”

“เหอะ ๆ ใช่ไหม?” หลี่ฝางยกแขนขึ้นมาเบา ๆ แรงกดดันอันมหาศาลนั้นได้หายไปทันที

“ปล่อยนายไปสักครั้งแล้วกัน ตัวนายเองต้องรักอาโอกาสไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้นละก็……”

ไม่นาน ฉินวี่เฟยก็ได้เดินออกมาจากข้างใน มองหลี่ฝางและเฉียงจื่อด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย สัมผัสที่หกของลูกผู้หญิงทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดเล็กน้อยนั้นได้อย่างชัดเจน

“เป็นอะไรไปเหรอ?”

“ไม่มีอะไร เมื่อกี้รอเธอจนรู้สึกเบื่อ เลยคุยกับอาจารย์คนขับเล่นสักหน่อย”

หลี่ฝางเปิดประตูรถให้กับฉินวี่เฟย ฉินวี่เฟยยิ้มอย่างอ่อนหวาน แล้วเขาไปนั่งบนรถ

เดิมที หลี่ฝางไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการมาเมืองเซี่ยงไฮ้ในครั้งเลย แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เมื่อวานขึ้น หลี่ฝางก็ได้รู้สึกไม่วางใจขึ้นมาเล็กน้อย

เขาไม่อยากให้ฉินวี่เฟยได้รับอันตรายใด ๆ หรอกนะ ต่อให้เป็นอุบัติเหตุก็ไม่ได้

เวลาในช่วงเช้าผ่านไปอย่างเงียบ ๆ การสนธนาเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี บริษัท เทียนไห่ กรุ๊ปคุยด้วยง่ายกว่าที่คิดไว้ โดยรวมแล้วไม่จำเป็นต้องให้หลี่ฝางและฉินวี่เฟยพูดมากอะไร พวกเขาก็ได้เสนอราคาที่เหมาะสมออกมาเอง

ส่วนจ้าวเฉิง ก็มีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นเลย

ไม่นาน เวลาก็เดินมาถึงตอนเที่ยง การเจรจาทางธุรกิจกก็ได้หยุดลงชั่วคราว หลี่ฝางได้พาทีมงานของตัวเองไปทานอาหาร เดิมทีจ้าวเฉิงคิดจะเลี้ยงอาหารพวกเขา แต่ก็ถูกหลี่ฝางปฏิเสธไป

หลังจากที่หลี่ฝางพาพรรคพวกจากไปไม่นานนั่นเอง หวางซีหมิงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับเก้าอี้รถเข็น

“พี่จ้าว ดูท่าทางของคุณ คงถูกใจผู้หญิงคนนั้นเข้าให้แล้วใช่ไหมล่ะ?” หวางซีหมิงกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความเจ้าเล่ห์

จ้าวเฉิงเองก็หัวเราะแหะ ๆ ขึ้นมา

“สาวงามอ่อนช้อย ต่างเป็นที่หมายปองของบุรุษ ถึงผมจะเคยมีผู้หญิงมามากมายหลายคน แต่ที่คุณภาพสูงอย่างฉินวี่เฟย ยังไม่เคยเจอเลยสักคน แต่น่าเสียดาย ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ กลับมีแฟนซะแล้ว มันทำให้รู้สึกไม่ดีเลยจริง ๆ”

“หลี่ฝางนั่นน่ะเหรอ? เหอะ ๆ ……” หวางซีหมิงยิ้มเยาะ

จ้าวเฉิงมองดูหวางซีหมิงที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น และไม่ได้เอ่ยอะไร แต่มองไปทางบอดี้การ์ดหรือคนขับรถของตัวเอง

“เฉียงจื่อ เรื่องที่นายทำเมื่อวานน่ะ!”

คำพูดหนึ่งประโยคของจ้าวเฉิง แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าตัวเองรู้เรื่องที่เฉียงจื่อทำไปเมื่อวาน ทำให้เฉียงจื่อสั่นสะท้านไปทั้งตัวทันที

“ประธานเจ้าครับ ผมแค่อยากจะสั่งสอนหลี่ฝางนั่นแค่นั้นเอง ผมได้สั่งไปแล้วว่าห้ามแตะต้องคนอื่น ๆ” เฉียงจื่อรีบกล่าวอธิบาย

“แต่สุดท้ายทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนั้นไป?” จ้าวเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา

เฉียงจื่อลังเลอยู่สักพัก แล้วกล่าวเสียงเบา: “เขาเป็นยอดฝีมือ ทั้งยังแข็งแกร่งมาก”

“แข็งแกร่งกว่านายอีกงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉิงไม่เชื่อว่าคุณชายตระกูลร่ำรวยอย่างหลี่ฝาง จะมีฝีมือเช่นนี้ได้

เฉียงจื่อยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร หวางซีหมิงที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยขึ้นมาอย่างเหยียดหยามก่อนแล้ว: “แน่นอน ยอดฝีมือกำลังภายในคุณว่าร้ายกาจไหมล่ะ?”

“ยอดฝีมือกำลังภายในเหรอ?”

เจ้าเฉิงและเฉียงจื่อต่างก็เบิกตากลมโตขึ้นมาทันที ทั้งสองถูกคำพูดของหวางซีหมิงทำให้ตกใจจนเอ๋อไปเลย

คุณชายแห่งตระกูลเศรษฐีรายใหม่คนหนึ่ง เป็นถึงยอดฝีมือกำลังภายในเลยเหรอ?

“แน่นอน! หลี่ฝางคนนี้ พึ่งได้จัดการกับตระกูลชิวแห่งหนานเจียงจนต้องยอมศิโรราบไปเมื่อไม่นานนี้เอง นายท่านชิวปิดประตูบำเพ็ญเพียรมานานหลายปี จนบรรลุถึงขั้นกำลังภายใน เดิมที่ได้เตรียมที่จะสร้างข่าวใหญ่ ผลลัพธ์คือแม้แต่ลูกชายแท้ ๆ ยังถูกหลี่ฝางฆ่าตาย สุดท้ายแล้วต้องจงรักภักดีทั้งตระกูล ไอ้หมอนั่น คุณว่าร้ายกาจไหมล่ะ?”

หวางซีหมิงกล่าวอย่างเย้ยหยัน

เขาไม่ใช่คนโง่ หลังจากที่ถูกหลี่ฝางสั่งสอน ก็ต้องไปสืบตัวตนของหลี่ฝางเป็นธรรมดา ผลลัพธ์ กลับทำให้เขาตกใจสุดขีด

ชายหนุ่มที่ดูเหมือนเป็นเพียงลูกหลานเศรษฐีใหม่อย่างหลี่ฝาง ตัวตนที่แท้จริงของเขากลับน่าหวาดกลัวเช่นนี้

แต่หวางซีหมิงที่มีตระกูลหวางอยู่ด้านหลัง ยังคงคิดว่าหลี่ฝางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่เหมือนเดิม

“เขาร้ายกาจขนาดนี้เชียว?”

ทันใดนั้นเฉียงจื่อก็รู้สึกขึ้นมาว่า ถูกหลี่ฝางสั่งสอน ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไรแล้ว แต่กลับทำให้เขารู้สึกเป็นเกียรติขึ้นมาเล็กน้อย

“เฉียงจื่อ งั้นนายไปขอโทษเขาเถอะนะ” จ้าวเฉิงตัดสินใจทันที

เดิมทีคิดว่าหลี่ฝางเป็นเพียงลูกหลานเศรษฐีใหม่ คิดไม่ถึงว่าตัวตนของหลี่ฝางจะน่ากลัวเช่นนี้ นั่นทำให้จ้าวเฉิงต้องปฏิบัติด้วยอย่างระมัดระวัง และได้ทำให้ความคิดก่อนหน้านั้นของจ้าวเฉิงอันตรธานหายไป

“รู้แล้วครับประธานจ้าว” เฉียงจื่อพยักหน้า แล้วเดินออกไปอย่างรับรู้และเข้าใจ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท