NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่965 ตระกูลหวางยอมแพ้อีกครั้ง

บทที่965 ตระกูลหวางยอมแพ้อีกครั้ง

“คุณพาพวกเราขึ้นไป บอกว่าเป็นรูมเซอร์วิส หลอกให้เขาเปิดประตู”ภายใต้การขอร้องของเจิ้งเซียว หญิงสาวเคาน์เตอร์ก็พาพวกเขาไปที่หน้าลิฟต์อย่างกลัวตัวสั่นงันงก

ตอนที่กลุ่มคนกำลังกดลิฟต์ ประตูลิฟต์ด้านหน้ากลับเปิดออกแล้ว ผู้ชายด้านในคนนั้นทำให้เจิ้งเซียวตาเบิกโตทันที

“พวกคุณมาหาผมสินะ?”หลี่ฝางพูดยิ้มๆ

ได้ยิน เจิ้งเซียวก็เดินเข้าไปพูดกับหลี่ฝาง:“คุณคือหลี่ฝางใช่ไหม?ให้ความร่วมมือไปกับพวกเราหน่อย อย่าทำให้เราปฏิบัติงานยาก”

น้ำเสียงของเจิ้งเซียวนั้นนิ่งมาก เขาไม่รู้จักหลี่ฝาง ก็แค่เพิ่งจะเห็นภาพเหมือนของหลี่ฝางเท่านั้น

แต่เขามองจากกิริยาท่าทางของหลี่ฝาง มองออกว่าหลี่ฝางมีการเตรียมตัวกับการมาของพวกเขาอยู่แล้ว และยังไม่เห็นถึงการต่อต้านใดๆอีกด้วย

ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ทำท่าทีให้ดีหน่อยดีกว่า ดีกว่ามีปัญหาใหม่สอดแทรกเข้า สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นอีก

“ไปเถอะ!”

หลี่ฝางเดินออกไปที่นอกประตูโดยตรง

สำหรับหญิงสาวหน้าเคาน์เตอร์ที่ตัวสั่นอยู่ข้างๆ หลี่ฝางไม่เคยคิดจะทำอะไรเธออยู่แล้ว

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ หลี่ฝางก็ไม่อาจแก้แค้นเธออย่างไม่มีสติได้

……

เจิ้งเซียวในตอนนี้ไม่รู้ว่า โจวผิงลูกพี่ของเขากำลังพูดคุยกับคนอื่นด้วยเหงื่อที่เต็มหน้า

“เรื่องนี้พวกเราจะต้องติดตามให้ถึงที่สุด ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆขึ้นได้!”

ที่คุยกับเขาก็คือคนใหญ่คนโตที่ปกติแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ตอนนี้กลับตำหนิเขากับทัศนคติในการทำงานที่ถูกต้อง

โจวผิงที่ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่รับประกันกับฝ่ายตรงข้าม

เพิ่งวางสายไป โจวผิงยังไม่ทันได้หายใจ โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นอีก

เขาได้แต่รับสายทันที และทักทายคนทางนั้นอย่างอ่อนน้อม

ยังไง สายโทรศัพท์มากมายในคืนนี้ ก็ทำให้เขาบ่มเพาะการพูดจาให้เกียรติก่อนจนเป็นนิสัยแล้ว

แต่ครั้งนี้คนทางนั้นเคารพนอบน้อมกว่าโจวผิง เรียกได้ว่าเป็นคนระมัดระวังจนแทบจะขี้กลัวเล็กหน่อย

“ลูก ลูกพี่ ผมเสี่ยวหลัวเองนะ ด้านนอกมีคนมาหาคุณ”

โจวผิงได้ยินเสียงนี้ก็โล่งอกทันที ถือว่าไม่ใช่คนใหญ่คนโตที่ไหน ถามไปว่า:“ใครหาผม?”

เสี่ยวหลัวไม่รู้ว่าอะไรคือต้าเซี่ยหลงเช่ว จึงตอบไปงั้นๆว่า:“บอกว่าเป็นหลิวฮุยแห่งต้าเซี่ยหลงเช่ว”

“อะ……อะไรนะ!”หัวใจของโจวผิงที่เพิ่งจะโล่งอกไปก็เกร็งขึ้นอีกครั้ง ยืนขึ้นแล้วเกินไปด้านนอกทันที

เขารู้ว่าต้าเซี่ยหลงเช่วคืออะไร

แป๊บเดียว เขาก็เห็นหลิวฮุยยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ รีบเดินเข้าไปด้วยใบหน้าเต็มรอยยิ้ม:“คุณหลิว ท่านมาแล้ว”

“ใช่”หลิวฮุยพูดนิ่งๆ“คุณโจว ปล่อยหลี่ฝางเถอะ”

“เอ่อ……”โจวผิงถอนหายใจ พูดด้วยใบหน้าขมขื่น:“คุณหลิว เรื่องนี้ตอนนี้ผมก็ทำการตัดสินใจเองไม่ได้ คืนนี้ผมได้รับสายมาทั้งคืน ที่จริงแล้ว ……”

ตอนนี้เขาก็เหมือนกับคนกลางที่ติดอยู่กับความขัดแย้งระหว่างคนสองคน กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ช่างลำบากใจเสียจริง

หลิวฮุยพยักหน้า หัวเราะ:“ไม่เป็นไร ตอนนี้คุณรับสายสุดท้ายอีกสาย สายอื่นๆคุณก็ไม่ต้องสนแล้ว”

พูดไป หลิวฮุยโทรหาเบอร์หนึ่งต่อหน้าโจวผิง แล้วยื่นให้โจวผิงโดยตรง

ที่จริงโจวผิงยังสงสัยมากว่าเป็นสายโทรศัพท์ของใครถึงได้มีประสิทธิภาพมากขนาดนี้ แต่ตอนที่เขาได้ยินเสียงที่ฟังดูแก่ในโทรศัพท์นั้น เขาก็ตะลึงงันไปหมด

“เสี่ยวโจว!หลี่ฝางเป็นเด็กดี”

“ครับ ผมเข้าใจ ลูกพี่ ผมจะจัดการทันที”

โจวผิงคนรับสายถือโทรศัพท์ไว้ด้วยความตื่นเต้น ตัวสั่นไปทั้งตัวเพราะความกังวล

ถึงแม้ทางนั้นจะพูดประโยคสั้นๆแล้วก็วางสายไป แต่ความดีใจในใจของโจวผิงกลับยังไม่หายไปเลย

แป๊บเดียว โจวผิงก็นำหลิวฮุยมาหาหลี่ฝาง

เห็นโจวผิงมาแล้ว เจิ้งเซียวจึงเข้าไปต้อนรับทันที

“ลูกพี่!”

ตอนที่เขาเห็นคนสองคนที่อยู่ข้างกายโจวผิง ทันใดนั้นในใจก็เต้นอย่างแรง

“เร็ว ปล่อยคุณหลี่”โจวผิงพยักหน้า พูดด้วยความที่ค่อนข้างจะเอาใจใส่

เห็นเงาของหลิวฮุย หลี่ฝางก็เข้าใจว่าเรื่องราวแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จึงพยักหน้า พูดว่า:“ไม่ต้องแล้ว ไปเถอะ”

พูดจบ หลี่ฝางจึงดินออกไปอย่างช้าๆ

“ลูกพี่ เอ่อ……”

เจิ้งเซียวอยากจะพูดอะไรอีก ก็ถูกลูกพี่ตัวเองจ้องเขม็ง ได้แต่เอาคำพูดนั้นกลืนกลับไป

โจวผิงไม่ได้ทำอะไร ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มแย้ม ส่งพวกหลี่ฝางทั้งสามคนออกไปตลอดทาง

มาถึงด้านนอก หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะบ่นหลิวฮุยไปว่า:“พวกคุณช้ามากเลย ผมคุยอยู่ด้านในกับเขาตั้งนาน”

เขามีความมั่นใจว่าจะบ่น ทั้งที่ฝ่ายตรงข้ามบอกแล้วว่าไม่มีอะไรแล้ว สุดท้ายดันทำแบบนี้อีก ถ่วงเวลาเขาไปตั้งเยอะ

หลิวฮุยมองออกว่าอารมณ์หลี่ฝางไม่ดี จึงหัวเราะอย่างขมขื่นอธิบายออกไป

“ก็ไม่มีทางนี่ครับ ที่จริงทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว แต่นายท่านหวางก็สร้างแรงกดดันให้ผู้คนอย่างมาก ดังนั้นเลยทำเรื่องเกิดขึ้นตั้งมากมาย แต่ว่าตอนนี้แก้ไขหมดแล้ว”

หลี่ฝางพยักหน้า พอเข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว จึงโล่งใจ

ก็แค่เพิ่มปัญหาให้ผู้อาวุโสอีกแล้ว จึงทำให้หลี่ฝางรู้สึกผิดอย่างมาก

หลิวฮุยเห็นหลี่ฝางพูดแบบนี้ ก็เข้าใจว่าเขาไม่น่าจะสร้างปัญหาได้อีก

ไม่อย่างนั้น หลี่ฝางเล่นงานตระกูลหวางขึ้นมาจริงๆ เรื่องราวจะต้องใหญ่โตอย่างโกลาหลอลหม่านแน่

“โอเค ครั้งนี้เรื่องของคุณจัดการเรียบร้อยแล้ว รีบกลับไปเถอะ อย่าอยู่สร้างปัญหาให้ผมที่เมืองเซี่ยงไฮ้เลย”ในใจหลิวฮุยแอบเช็ดเหงื่อ แล้วแสร้งทำเป็นรังเกียจที่หลี่ฝางพูด

ทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ หลี่ฝางพูดอย่างไม่พอใจ:“ผมรู้แล้ว ใช่สิ คุณบอกกับกู่ยี่เทียนหน่อย เรื่องที่นัดกับเขาไว้แล้ว เตรียมออกเดินทางได้เลย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท