NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 985 การคาดเดาของหลี่ฝาง

บทที่ 985 การคาดเดาของหลี่ฝาง

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นเปรี้ยงๆ เมฆก็ค่อยๆ ครึ้มขึ้น ท้องฟ้าก็เป็นสีดำแล้ว ทุกอย่างบ่งบอกว่าพายุฝนกำลังใกล้เข้ามา

ส่วนหลี่ฝางกับจอร์จในตอนนี้เพิ่งจะเดินได้แค่หนึ่งในสาม อยากจะข้ามแม่น้ำไปนั้นอันตรายสุดๆ แต่ว่าย้อนกลับก็ยังทัน หลังจากกลับไปยังขอบแม่น้ำอย่างน้อยทั้งสองก็ยังสามารถเลือกทางเดินอ้อมไปได้

“กลับกันเถอะ?” หลี่ฝางลากจอร์จไว้อย่างอดไม่ได้

“ไม่ ฉันไม่อยากกลับ” จอร์จส่ายหน้าพูด “นายรู้มั้ย ฉันรู้สึกได้ว่าอันตรายจากด้านหลังมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฉันไม่กลัวถูกน้ำซัด ซัดไปที่น้ำตก ฉันก็ไม่กลับไป”

หลี่ฝางถอนหายใจอีกครั้ง และรู้สึกได้ถึงหยาดฝนเย็นๆ กระทบลงที่หน้าเขา

“ว่ายไปเถอะ”

“ว่าย!”

จอร์จตะโกนเสียงดัง ยังไงก็มุ่งไปข้างหน้า ก็เริ่มว่ายไปข้างหน้าอย่างสุดแรง

วินาทีนั้น ฝนก็โปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกแบบนี้ไม่เหมือนฝนตก และเหมือนกับพระเจ้าในใช้ปืนฉีดน้ำยักษ์แรงดันสูงยิงลงมาข้างล่าง มันเทลงมาราวกับน้ำตก

พวกหลี่ฝางทั้งสองคนไม่ได้คิดถึงปัญหาเรื่องของแรงร่างกาย คิดแค่ว่าต้องรีบว่ายไปถึงอีกฝั่งของแม่น้ำให้ได้

ไม่งั้น ตามขนาดฝนที่ตกลงมาแล้ว ไม่ต้องใช้เวลามาก ระดับน้ำของแม่น้ำทั้งสายนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำก็จะกลายเป็นปั่นป่วนอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะเป็นหลี่ฝาง ในสถานการณ์แบบนี้ก็แย่เหมือนกัน

โชคดีก็คือ ทั้งสองคนว่ายน้ำไม่ช้า กำลังร่างกายก็ไม่เลว หลังจากที่ว่ายอย่างสุดแรงมาสองนาที ทั้งสองก็ว่ายมาถึงอีกฟากของแม่น้ำ

มองไปยังกระแสน้ำวนแรงนั่น หลี่ฝางก็รู้สึกหนาว โขดหินโคนต้นไม้ไหลลงมาในน้ำขุ่นจากปลายแม่น้ำ ถ้าหากเมื่อกี้ไหลลงมากระแทกพวกเขา เกรงว่าวันนี้ในปีหน้าครอบครัวพวกเขาก็จุดธูปไหว้พวกเขาได้เลย(เป็นธรรมเนียมจีน ตอนที่ถึงวันที่ระลึกคนตาย จะไปจุดธูปไหว้เพื่อระลึกคนที่เสียชีวิต)

แม้ว่าจะเป็นนักรบ เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังของธรรมชาตินั้นดูเล็กนิดเดียวไปเลย เขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับพลังอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์หรือเผชิญกับมันได้อย่างง่ายๆ

“ไปเถอะ ไปหาที่หลบฝนก่อน” หลี่ฝางพักอยู่ครู่ แล้ววพูดกับจอร์จ

ทั้งสองคนตากฝนที่ตกหนักอยู่สักพัก ถ้าหากไม่รีบหลบฝนแล้วจุดไฟ ไม่แน่จะไม่สบายเอา

“ไปเถอะ” อารมณ์ของจอร์จดีขึ้นไม่น้อย เขารู้สึกว่าศัตรูถูกพวกเขาสลัดทิ้งแล้ว ถึงแม้จะเสี่ยง แต่เขาก็สามารถนอนหลับสนิทได้

“จอร์จ” จู่ๆ หลี่ฝางก็ลุกขึ้นยืนนิ่ง “พวกเราอันตรายแล้ว”

“อะไร?” จอร์จชะงักเล็กน้อย และพูดอย่างช็อกทันที: “เวลานี้ไม่ต้องมาล้อเล่นแล้ว!”

“ไม่ เรื่องที่ฉันจะพูด นายอย่ากลัวนะ ความจริง ตอนนี้ฉันก็ตกใจแล้ว……”

จอร์จได้ยินหลี่ฝางพูดแบบนี้ ทันใดนั้นก็ถามอย่างติดอ่าง: “สรุปแล้วมันเรื่องอะไร?”

“นายดูทางนี่สิ” หลี่ฝางชี้ไปที่ป่าด้านหน้าพวกเขา “คุ้นๆ มั้ย? พวกเราผ่านกันมาแล้วมั้ย?”

ทันใดนั้นสีหน้าของจอร์จก็เปลี่ยนเป็นซีดลง

“โชคร้ายสุดๆ ถึงแม้ไม่อยากจะพูดแบบนี้ แต่ว่าพวกเรากลับมาอีกแล้ว” หลี่ฝางพูด พลางหันหลังกลับไปมองอีกฟากของแม่น้ำ “พวกเราไม่ได้ว่ายข้ามไป”

“นี่……เป็นไปได้ยังไงกัน?” จอร์จพูดอย่างช็อกๆ

“นอกจากพวกเราจะว่ายวกกลับโดยไม่รู้สึกตัว ไม่อย่างนั้นสาเหตุก็ไม่ได้เกิดจากเรา” หลี่ฝางถอนหายใจ ในใจก็รู้สึกขนลุกกับความประหลาดกับสถานการณ์นี้

“นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้” จอร์จพูดพึมพำ

“ยังมีคำอธิบายอีกอย่าง” หลี่ฝางพูดด้วยสายตาจริงจัง: “ประเทศเรา มีเรื่องที่พูดกันมาตั้งแต่โบราณ นั่นก็คือผีอำ”

“ผะ……ผี…….อำ?”

จอร์จเข้าใจคำพูดนี้ได้อย่างไม่ง่ายเลย ทันใดนั้นสีหน้าก็ซีดทันที

“สถานที่หลอนนี่ สถานที่หลอนๆ แบบนี้!” จอร์จแทบจะเสียสติ และก็พึมพำกับตัวเองไม่หยุด “แย่แล้ว พวกเราแย่แล้ว พวกเราไม่มีวันออกไปได้แล้ว ป่าบริเวณนี้พูดปีศาจควบคุมไว้แล้ว!”

“นายทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด สงบสติอารมณ์แล้วหาทางอื่นดีกว่า” หลี่ฝางมองจอร์จพลางพูด “แม้ว่าฉันจะพูดว่าผีอำ แต่สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วเป็นเรื่องหลอกเป็นผีมานานแล้ว”

“อะไรนะ? แกล้งหลอกเป็นผียังไง?” จอร์จกระโดดดึ๋ง คว้าคอเสื้อของหลี่ฝางแล้วตะคอก

เป็นแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง เขาในตอนนี้อารมณ์เสียมาก

หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วบิดมือของจอร์จ แล้วพูดอย่างไม่หนักไม่เบา: “การอำพราง เวทมนตร์ จินตภาพ ไม่ว่านายจะเข้าใจยังไง ที่เรียกว่าผีอำ มันเป็นไปได้มากว่าสมองของเราถูกหลอกเพราะสภาพแวดล้อมนั้นๆ”

จอร์จฟังหลี่ฝางพูด ก็ค่อยๆ ใจเย็นลง

คำพูดของหลี่ฝางนั้นมีเหตุผล เมื่อเทียบกับสิ่งที่เรียกว่าคำสาปหรือปีศาจ การอำพรางแล้วเป็นไปได้มากกว่า

“นอกจากนั้น และอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสนามแม่เหล็ก เคยได้ยินมาว่าสนามแม่เหล็กที่แรงสูงอาจจะทำให้คนประสาทหลอนได้……”

หลี่ฝางพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็ชะงักเล็กน้อย เขานึกถึงคนที่กำลังภายในแข็งแกร่งอย่างส้งหมิง ออร่าที่แข็งแกร่งก็พอที่จะทำให้ส่งผลกระทบต่อคนธรรมดา จนทำให้พวกเขาถึงขั้นเกิดภาพหลอนขึ้นมา

และเหมือนหลี่ฝางที่เป็นผู้แข็งแกร่งของแดนเต๋า ออร่าที่แผ่ออกมาทำให้คนนั้นมึนได้เลย แม้แต่ถึงขั้นที่จะบงการคนธรรมดาได้เลย

เมื่อก่อนเขาไม่เคยนึกถึงแก่นแท้ของกำลังภายในมาก่อน ตอนนี้นึกขึ้นมา ออร่าของกำลังภายใน มันก็คือคุณสมบัติส่วนนึงของสนามแม่เหล็กด้วยมั้ย?

ยิ่งคิดไปกว่านั้น ที่แห่งนี้จะ……

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท