NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่997 การ์ดเชิญของตระกูลเจิ้ง

บทที่997 การ์ดเชิญของตระกูลเจิ้ง

ด้านข้างจานเพาะเชื้อ หลี่ต๋าคางยืนอยู่ไม่พูดอะไร มองเมี๋ยวชุ่ยที่นอนอยู่ข้างในเงียบๆแบบนี้

หลี่ฝางมองหลี่ต๋าคางที่เงียบแบบนี้ จู่ๆก็แปลกใจเล็กน้อยตอนนี้ข้างในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่

“พ่อ!”หลี่ฝางเรียกเบาๆ

หลี่ต๋าคางหันหน้าไป ยิ้มให้หลี่ฝาง พูดว่า:“แม่ลูกไม่เป็นไรแล้ว พักผ่อนไม่กี่วันก็ดีขึ้น”

เขาเดินเข้ามา สำรวจหลี่ฝางอย่างละเอียด ยกมือขึ้นตบไหล่ของหลี่ฝางเบาๆ ในสายตามีความชื่นชมบางๆ:“ลูกเติบโตแล้ว”

ปีกจมูกหลี่ฝางกระตุกเล็กน้อย จู่ๆก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา

“ไป ออกไปกับพ่อ”หลี่ต๋าคางส่งสัญญาณให้หลี่ฝางตามขึ้นมา แล้วกำชับกับโหจื่ออีกว่า:“โหจื่อ คุณระวังหน่อยนะ อย่าให้ใครก็ตามเข้าใกล้ตรงนี้”

“วางใจเถอะลูกพี่”โหจื่อฉีกยิ้ม

ที่ตัวเขาพกปินตลอด ก็แค่ตอนที่ไม่ได้ลงมือกับผู้คน คุณก็จะมองไม่ออกว่าปืนของเขาอยู่ตรงไหนกันแน่

หลี่ฝางตามหลี่ต๋าคางเดินออกมาจากสถานตากอากาศ ทั้งสองจึงชมวิวแบบนี้เงียบๆ เดินไปไม่กี่นาที จู่ๆหลี่ต๋าคางก็พูด

“ลูกก็ไปโซนปีศาจแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง?”

หลี่ฝางแปลกใจเล็กน้อยทำไมหลี่ต๋าคางถามเช่นนี้ แต่เขาก็ยังบอกความรู้สึกจริงๆของตัวเองไป:“ในนั้นให้ความรู้สึกแปลกๆมากกับผม เหมือนกับซ่อนความลับไว้อย่างมาก และก็ซ่อนอันตรายไว้มากมาย”

“แปลกเหรอ?”หลี่ต๋าคางได้ยินคำตอบนี้ ก็ยิ้ม

“ลูกพูดแบบนี้ก็ไม่ผิด ……ถ้าต่อไปมีโอกาสอีกลูกก็ไปอีกสิ อาจจะมีความรู้สึกที่ต่างไปมากขึ้น ลูกทะลุผ่านแดนเต๋าแล้ว?”

“อือ”หลี่ฝางพยักหน้า:“ก่อนหน้านี้ได้อังคุฐธำมรงค์หยกวงหนึ่งมาอย่างไม่ตั้งใจ เลยทะลุผ่านไปอย่างสับสนแบบนี้”

ดูหลี่ต๋าคางเหมือนจะสนใจมาก หลี่ฝางจึงเล่าประสบการณ์ครั้งนั้นไปรอบหนึ่ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นแดนเต๋าแบบนี้นี่เอง ไม่เลว!ไม่เลวเลยจริงๆ!ฮ่าฮ่าฮ่า……”

หลี่ต๋าคางพยักหน้าหัวเราะอย่างมีความสุขมาก จากนั้นก็ถอนหายใจ:“ทุกครั้งที่โลกเปลี่ยนไป ก็ต้องมีวิกฤติใหญ่เกิดขึ้น เห็นลูกป้องกันตัวเองได้ พ่อก็วางใจแล้ว”

หลี่ฝางใจเต้น รีบถาม:“วิกฤติใหญ่?พ่อ พ่อพูดคำนี้หมายความว่าอย่างไร?”

หลี่ต๋าคางถอนหายใจอีกครั้ง พูดเสียงหม่นว่า:“วิกฤติใกล้จะมาแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะนิ่งสงบ แต่ที่จริงแล้วแอบมีกระแสน้ำเคลื่อนไหวนานแล้ว”

“วิกฤตินี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะแพร่กระจายไปทั่วโลก กระทั่งว่ากลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ ดึงทุกคนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ไม่มีใครสักคนที่จะรอดพ้นไปได้”

“เป็นไปไม่ได้มั้ง ตอนนี้โครงสร้างโลกทางสังคมมั่นคงขนาดนี้ อีกอย่างยังมีการปราบปรามนิวเคลียร์ นอกจากทุกคนจะเล่นเสร็จหมด ไม่อย่างนั้นไม่น่าจะเกิดสงครามโลกขึ้นหรอกมั้ง”

“ไม่ ที่พ่อพูด ไม่ใช่สงครามโลก แต่เป็นสงครามจิตดวงของนักรบ”

“จิตดวง?”ถ้าไม่ใช่ว่าคำนี้ออกมาจากปากของหลี่ต๋าคาง หลี่ฝางก็คิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระแล้ว

“ถูกต้อง แดนสุดจ้าวยุทธภพคือแดนดั่งเทพ อยากจะบรรลุแดนดั่งเทพ ก็ต้องไปแย่งชิงจิตดวง”

หลี่ฝางตกใจจริงๆ หลี่ต๋าคางพูดพวกนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดเลย

“บรรลุแดนดั่งเทพต้องพึ่งโชคเหรอ?ไม่ต้องขยันเหรอ?”หลี่ฝางถาม

“จะเป็นไปได้ไง ถ้าลูกไม่ขยันไปคว้าจิตดวงมา จะบรรลุแดนดั่งเทพได้ไงกันล่ะ?”หลี่ต๋าคางกลอกตาใส่หลี่ฝาง

“และที่พ่อพูดคือจิตดวง ไม่ใช่โชค ลูกอย่าปนมั่ว จิตดวงของสิ่งนี้ ลูกเข้าใจว่าเป็นส่วนประกอบที่ทะลุผ่านแดนดั่งเทพต้องการละกัน”

“เรื่องพวกนี้พ่อรู้ได้อย่างไรกัน?”หลี่ฝางพูดอย่างตะลึง

หลี่ต๋าคางหัวเราะ:“พ่อได้อะไรหลายอย่างจากโซนปีศาจ ข้อมูลพวกนี้ ไม่ใช่พ่อคนเดียวที่รู้”

หลี่ฝางพยักหน้า โซนปีศาจสถานที่แปลกนั้น หลี่ต๋าคางได้ข้อมูลมาจากนั่นเขาไม่แปลกใจ

“ที่จริงอำนาจของครอบครัวพวกเรานั้นมากใช่ไหม แค่พวกเราคิดหาทางไปถึงแดนเต๋า ถึงตอนนั้นใครสู้กับพวกเราพวกเราก็ฆ่าคนนั้น ตำแหน่งที่จะเป็นเทพ พวกเราสู้ได้!”

“ลูกคิดว่า บนโลกนี้มีแค่แดนเต๋าไม่กี่แห่งนี้เหรอ?”จู่ๆหลี่ต๋าคางก็หัวเราะออกมา

“หรือว่าไม่ใช่?”หลี่ฝางพูด

“ไม่ใช่อยู่แล้ว!”หลี่ต๋าคางตะโกนออกมา

“ปรมาจารย์กำลังภายในคนหนึ่งมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อยร้อยห้าสิบปี ปรมาจารย์กำลังภายในที่เข้าใจการปล่อยออร่า สมรรถภาพทางร่างกายผ่านการแยกแยะไปอีกก้าว อายุขัยก็จะเพิ่มมากกว่าสองร้อยปีขึ้นไป ส่วนบรรลุแดนเต๋า อายุขัยก็จะยาวนานถึงสามร้อยปี!อายุขัยที่ยืนยาวแบบนี้ เหล่ายอดฝีมือพวกนั้นที่หนึ่งร้อยปีก่อน สองร้อยปีก่อน สามร้อยปีก่อน พวกเขาไปอยู่ไหนหมด?”

หลี่ฝางเข้าใจทันที!

“ทุกคนต่างกำลังจำศีล ต่างกำลังรอการมาถึงของโลกใหญ่นี้!”

“ลูกเข้าใจไหม คนแก่พวกนั้นที่จำศีลมานานหลายร้อยปี ไม่ง่ายที่จะรับมือขนาดนั้น!”

“ลูกคิดว่าพลังของครอบครัวพวกเราแข็งแกร่งเพียงพอแล้วเหรอ?ไม่เลย เมื่อตอนที่โลกใหญ่ที่แท้จริงมาถึง ลูกก็จะรู้ แดนเต๋า มันก็แค่บันไดที่จะก้าวไปสู่ความก้าวหน้าเท่านั้น เหลือเพียงแต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น จะเหยียบศพจำนวนมาก เพื่อขึ้นไปตำแหน่งแดนดั่งเทพที่สูงสุดนั้น!”

หลี่ฝางถอนหายใจ เป็นยุคแห่งอันธพาลอาละวาดจริงๆ

เดิมทีเขาคิดว่าจากความแข็งแรงของแดนเต๋าตัวเองแล้ว อย่าว่าแต่โดดเด่นไม่มีใครเทียบได้ ยังเป็นศัตรูที่หาได้ยากในโลกใบนี้ด้วย คิดไม่ถึงว่าพริบตาเดียวเพียงครู่หนึ่งจะเห็นพ่อตัวเองทำให้ตัวเองมีชีวิตชีวา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท