NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 986 ติดอยู่ในน้ำวน

บทที่ 986 ติดอยู่ในน้ำวน

“กู่เทียน กู่เทียน” จอร์จเห็นหลี่ฝางสติหลุด จึงรีบเรียก “นายไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

“ไม่เป็นไร” หลี่ฝางดึงสติกลับมา ส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “ช่างมันเถอะ แทนที่จะคิดเรื่องเรื่อยเปื่อยไร้สาระ ไปคิดว่าหลังจากนี้ควรจะทำยังไงดี”

ในตอนนี้จอร์จก็นิ่งลงไม่น้อย คิดอยู่ครู่จึงพูดขึ้น: “ไปหาที่หลบฝนก่อนเถอะ”

“ความคิดนี้ไม่เลว” หลี่ฝางพยักหน้า ทั้งสองลุกขึ้นทันที และเริ่มหาที่หลบฝน

เมื่อฝนตกทัศนวิสัยจึงต่ำ เลยทำให้เดินลำบากจริงๆ ทั้งสองย่างเท้าหนักบ้างเบาบ้าง ในที่สุดก็เจอถ้ำที่ค่อนข้างแคบแห่งนึง ถึงแม้ว่าจะหดตัวก็ไม่สามารถยืนขึ้นมาได้ ไม่สะดวกมากๆ แต่ก็ดีกว่าไปตากฝนอยู่ด้านนอกเยอะ

ที่แย่ที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ตัวที่เปียกและหนาว หรือความเมื่อยล้าทางกาย แต่เป็นแรงกดดันทางจิตใจอย่างหนัก

ที่ประหลาดๆ แบบนี้ ทำให้ช็อกแล้วช็อกอีก ในขณะที่ตระหนกตกใจกลัวก็วิ่งหนีอย่างไม่หยุดหย่อน แต่กลับไม่สำเร็จและกลับมาที่เดิม แม้แต่เหตุผลยังหาไม่เจอเลย

ความตื่นตระหนกที่ไม่มีรูปร่างแบบนี้ช่างน่ากลัว

ในที่สุด ทั้งสองก็เงียบไม่พูดรออยู่สักพัก ฝนหนักก็ค่อยๆ ผ่านไป ท้องฟ้าใส บริเวณรอบๆ ก็กลับมาสว่างขึ้น

“ไปกัน พวกเราไปดูที่ริมแม่น้ำอีกที” หลี่ฝางพูด

ถึงแม้ว่าจอร์จจะยังกลัวเล็กน้อย แต่สุดท้ายทั้งหมดนี้ก็เพื่อหนีรอดออกไป จึงตามหลี่ฝางอยู่ด้านหลังมายังริมแม่น้ำ

“ครั้งนี้พวกเราทำแพแล้วข้ามไปกันเถอะ ถ้าหากมีคนใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร พวกเราอยู่บนแพก็ยังสังเกตได้” ในตอนนั้นจู่ๆ จอร์จก็เสนอความเห็น

หลี่ฝางยินดีเห็นด้วย ถึงแม้ทำแพจะเสียเวลาเล็กน้อย แต่กลับสามารถประหยัดแรงกายไปได้เยอะเลย และก็จริงเมื่อเทียบกับการว่ายในน้ำนั้นสามารถมองเห็นความผิดปกติของรอบข้างได้ดีกว่า

บอกทำก็ทำ ความสามารถและฝีมือของทั้งสองห่างจากคนธรรมดาทั่วไป ไม่นานขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลับลงภูเขาไปก็สร้างแพเสร็จสิ้น

เอาแพนั้นลากลงน้ำ ทั้งสองล้วนกลัวที่จะขึ้นไป แพลอยโครงเคลงได้บนผิวน้ำ ทั้งสองจึงโล่งใจ และเริ่มพายเรือไปฝั่งตรงข้ามด้วยไม้พายที่ทำขึ้นมาเอง

เมื่อวางแพลงในน้ำ แล้วไม่จม และทั้งสองลงไปนั่ง ก็ยังไม่จม งั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

ทั้งสองลอยอยู่บนแม่น้ำ มองไปทางริมฝั่งแม่น้ำที่ค่อยๆ ห่างออกไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ความรู้สึกอันตรายในใจของทั้งสองก็ยังคงไม่จางหายไป แต่กลับยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ

……

ในเวลาเดียวกัน

เครื่องบินร้องพลางลงจอด ส้าวส้วยเดินลงมาจากเครื่องบินด้วยสีหน้านิ่งเฉย

ที่นี่เป็นที่ปิดไว้ทั้งหมด ฐานลับนี้ถูกป้องกันอย่างแน่นหนา สร้างขึ้นตรงเชิงเขา

เมื่อส้าวส้วยลงจากเครื่องบิน ก็เห็นกู่ยี่เทียนเดินมาทางเขา

ที่อีกฝั่งของสนามบิน มีรถยนต์คันนึงกำลังรอพวกเขาอยู่

“ขึ้นรถเถอะ!จากตรงนี้ถึงทางเข้าระยะทางยังอีกไกล”

ส้าวส้วยมองกู่ยี่เทียน และขึ้นรถไป รถเคลื่อนที่ ไม่นานก็ขับไปทางทางเข้า ขับอย่างรวดเร็วไปตามทางใต้ดินที่ทั้งกว้างและเรียบ

ทางใต้ดินทั้งสองฝั่งมีไฟถนน ดังนั้นจึงทำให้ดูสว่าง การระบายอากาศก็ไม่เลว ไม่ได้รู้สึกอึดอัด

ส้าวส้วยความรู้สึกไวรู้สึกได้ว่าถนนเส้นนี้มีความลาดชันเล็กน้อย ลาดชันลงไปเล็กน้อย นี่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาขับรถลงไปลึกลงไปใต้ดินเรื่อยๆ

รถขับไปสิบกว่านาที และจอดลงตรงที่ราบแห่งนึง หลังส้าวส้วยลงจากรถ ก็ถูกวิวเบื้องหน้าทำให้ช็อกไปเลย

พื้นที่ตรงนี้กว้างอย่างแปลกประหลาด ความสูงหลายสิบเมตร รวมถึงเพดานกับพื้น ทั้งห้าด้านถูกปกคลุมด้วยโลหะสีเงิน กำแพงสร้างด้วยโลหะทั้งแผ่น มีแค่สุดปลายนั้นเห็นหินจากภูเขาสูงๆ เท่านั้น บนนั้นมีประตูโลหะใหญ่สูงสามเมตรสองบานติดอยู่ บนนั้นยังมีสัญลักษณ์ระวังอันตรายจากรังสีอยู่ด้วย

ในห้องโถงกว้างขวางนี้มีพนักงานไม่น้อยที่กำลังยุ่งกับการทำงาน ด้านหน้าประตูใหญ่มีทหารติดอาวุธสองคนเฝ้าประตูอยู่ และก็ไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไร ประตูโลหะสองบานหนาๆ นั้นก็ค่อยๆ เปิดออกสองฝั่งอย่างช้าๆ

“ในเวลาสั้นๆ ก็สร้างปราการใหญ่โตแบบนี้ได้……ร้ายกาจจริงๆ ……” ส้าวส้วยพูดชื่นชม

“นี่ก็คือความแข็งแกร่งของประเทศ” กู่ยี่เทียนเดินขึ้นไปข้างหน้า และพูดอย่างนิ่งๆ : “ส้าวส้วย นายเหมือนกับหลี่ฝาง ล้วนเป็นคนมีความสามารถ จึงปล่อยไปตามยถากรรมแบบนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ”

ส้าวส้วยมองกู่ยี่เทียน ยิ้มเบาๆ แล้วพูด: “ไม่ต้องมาลองเชิงแล้ว ครั้งนี้ที่ฉันเลือกมาหานาย ทั้งหมดก็เพื่อหลี่ฝาง มีเรื่องอะไร รอเขาออกมาค่อยพูดเถอะ”

“หึ แล้วแต่นาย!ไปเถอะ!” กู่ยี่เทียนปัดมือ และเดินเข้าไปด้านในก่อน

“หลี่ฝาง อดทนไว้” ส้าวส้วยแอบพูดอีกครั้งในใจ แล้วเดินตามหลังกู่ยี่เทียนไป……

……

พวกหลี่ฝางทั้งของคนไม่นานก็พบกับอันตราย

เมื่อพวกเขามาถึงกลางแม่น้ำ จู่ๆ ก็มีน้ำวนปรากฏขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ทำให้แพเล็กๆ ของพวกเขาลอยไปตามกระแสน้ำวนอย่างรวดเร็ว

ในตอนนี้ไม้พายไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ทั้งสองทำได้แค่มองดูแพลอยตามลงไปอย่างหมดหนทาง ทำอะไรไม่ได้แล้ว

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เหนี่ย?” จอร์จพูดพลางถอนหายใจ

“บางทีอาจจะเป็นพลังงานที่น่ากลัวบางอย่าง” หลี่ฝางพูดเบาๆ

“พระเจ้าเหรอ?” จอร์จยิ้มแหยๆ “แม้แต่น้ำยังบังคับได้”

“ฉันสงสัยว่าแม้แต่พายุฝนนั่นล้วนเป็นสิ่งจงใจให้ตกลงมา” หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูด: “แต่เกรงว่าตอนนี้พวกเราคงไม่มีใจไปคิดเรื่องพวกนั้นแล้ว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน