NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1012 ทำขวดเหล้าแตกด้วยมือเปล่า

บทที่ 1012 ทำขวดเหล้าแตกด้วยมือเปล่า

เจียงมั่นหวั่นเป็นคนที่มีเสน่ห์มากๆ คนนึงอย่างไม่ต้องสงสัย เธอขยับเล็กน้อย ยิ้มนิดหน่อย ก็สามารถคว้าใจคนอื่นไปได้แล้ว ทำให้ทุกคนตกหลุมรักเธออย่างช่วยไม่ได้

แม้กระทั่งพวกลูกคุณหนูที่ถูกเลี้ยงมาอย่างร่ำรวยตั้งแต่เล็ก ความงามก็ล้วนแต่เทียบเธอไม่ติด

และขณะที่เธอเข้าใกล้หลี่ฝางมากขึ้น สายตาทั้งสองฝ่ายที่จ้องมองมาบรรจบกัน ทันใดนั้น ก็ราวกับกว่าสายตาทุกคู่ในห้องโถงต่างจับจ้องมาที่นี่อย่างนั้นแหละ

และในตอนที่กำลังเดินเข้าไปหาหลี่ฝางเจียงมั่นหวั่นก็ขาอ่อน และตอนที่กำลังจะล้มลง ยิ่งทำนำพาเสียงร้องที่ตกใจ

“ระวัง!”

ในเวลานี้คนไม่น้อยต่างก็อยากจะพุ่งเข้าไปกอดเธอไว้ ให้เธอจำตนได้ และได้เข้าใกล้สาวสวย

และหนึ่งในนั้นที่ชื่อเผิงลี่หุย พูดได้ว่าเป็นคนที่เร็วที่สุด

เขาตามจีบเจียงมั่นหวั่นถึงขั้นคลั่งไคล้ได้แล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเธอก็ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว

หลังจากนั้นเขาก็เริ่มตามจีบเจียงมั่นหวั่นอย่างเอิกเกริก แต่กลับมีแค่ตัวเขาที่ซาบซึ้ง ตั้งแต่ต้นจนจบก็จีบเจียงมั่นหวั่นไม่ติด

การแห้วซ้ำๆ ไม่ได้ทำให้เขาหดหู่ แต่กลับยิ่งทำให้เขามีกำลังใจมากยิ่งขึ้น

และตอนนี้ เมื่อโอกาสดีๆ แบบนี้มาถึง เผิงลี่หุยจึงพุ่งตัวออกมาทันที

ขณะที่เขาก็กำลังจะโอบตัวเจียงมั่นหวั่นไว้ จู่ๆ ก็มีเท้าข้างนึงปรากฏขึ้นใต้เท้าของเขา เขาที่พุ่งตัวออกมาก็สะดุดทันที

เสียง “กึก” ดัง เผิงลี่หุยล้มไปพองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า แต่สาวในฝันของเขากับถูกอีกคนนึงโอบไว้แล้ว

ในตอนนั้นหลี่ฝาง ใช้มือข้างนึงโอบเจียงมั่นหวั่นไว้ ขณะเดียวกันตาคู่นั้นก็สบตากับเจียงมั่นหวั่นอย่างลึกซึ้ง ราวกับเวลาหยุดนิ่งในวินาทีนี้

อย่างไรก็ตามฉากสวยงามอย่างในละครก็อยู่ไม่ได้นาน เพราะว่าทันใดนั้น เสียงที่โกรธเพราะอับอายก็ดังขึ้นมา

“ไอ้ชั่ว เมื่อกี้นายขัดขาฉันใช่มั้ย!” เผิงลี่หุยไม่ง่ายเลยกว่าที่จะคลานขึ้นมาจากพื้น เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที และอดไม่ได้ที่จะตะคอกเสียงดัง

และที่ทำให้เขากระอักกระอ่วนก็คือ หลังจากที่เขาตะคอกเสียงดัง หลี่ฝางที่โอบเจียงมั่นหวั่นอยู่นั้นไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด

ทันใดนั้นเผิงลี่หุยก็โมโหจนหัวระเบิด และพุ่งเข้าไปหาหลี่ฝางโดยไม่คิดเลยสักนิด

และผู้คนที่ดูอยู่โดยรอบก็ราวกับกลายเป็นเผิงลี่หุย ทั้งหมดล้วนแต่อดไม่ได้ที่อยากจะพุ่งเข้าไปชกหลี่ฝางสักหมัด

เมื่อเห็นเผิงลี่หุยพุ่งเข้าไปอย่างโกรธจัด พวกเขาก็สามารถนึกภาพได้ ว่าอีกสักครู่หลี่ฝางจะมีจุดจบเลวร้ายขนาดไหน

และในขณะนั้น คนที่ทุกคนคาดไม่ถึงจู่ๆ ก็ออกมายืน และห้ามเผิงลี่หุยเอาไว้

“สถานการณ์แบบนี้ลงมือคงไม่เหมาะมั้ง?” ลู่เผิงเฟยหัวเราะหึๆ พลางพูด

คนที่อยู่ที่นี่มีไม่กี่คนที่ไม่รู้จักลู่เผิงเฟย และเผิงลี่หุยก็ต้องเป็นเช่นนั้นธรรมดา

เขารู้จักฐานะของลู่เผิงเฟย และก็รู้ว่าตัวเองหาเรื่องลู่เผิงเฟยไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงลังเลอยู่ครู่

ที่จริงยังอยากจะพูดแย่ๆ กับหลี่ฝางอีกสักคำ จากนั้นค่อยหันหลังเดินไป หาทางลงให้กับตัวเอง แต่เมื่อเห็นท่าทีของหลี่ฝางแล้ว เขาก็ด่าหลี่ฝางขึ้นมาทันที

“ไอ้ชั่ว หยุดปากของแกเลยนะ!”

เมื่อเห็นว่านานแล้วแต่หลี่ฝางก็ไม่ปล่อยเจียงมั่นหวั่นสักที แถมกลับยังค่อยๆ จูบลงไปที่ข้างแก้มของเจียงมั่นหวั่น ทำให้แก้มขาวๆ บนหน้าของเจียงมั่นหวั่นกลายเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาทันที

เจียงมั่นหวั่นก็คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่ฝางทำแบบนี้ การกระทำมันฉุกละหุก ทำให้เธอตอบสนองไม่ทัน

ตอนนี้ เผิงลี่หุยก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่เลย ในหัวโล่งไปหมด ไม่สนใจใครทั้งนั้น เดินข้ามผ่านลู่เผิงเฟยและจะพุ่งเข้าใส่หลี่ฝาง

เพียงพริบตา กำปั้นของเผิงลี่หุยก็พุ่งเข้าไปทางหน้าของหลี่ฝาง

เพราะว่าพุ่งเข้าไปแรงเกิน แม้จะพุ่งตัวออกไปโดยแรงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

และในความคิดเป็นเรื่องที่ดี แต่ความจริงกลับโหดร้าย

ขณะที่เผิงลี่หุยออกหมัดชกไปทางหน้าของหลี่ฝาง จู่ๆ ขวดเหล้าขวดนึงก็ปรากฏขึ้นระหว่างทางของกำปั้น

“เพล้ง!”

เสียงแก้วแตกดังขึ้น ขวดเหล้าทั้งขวดถูกเผิงลี่หุยชกด้วยมือเปล่าจนแตก

ทันใดนั้น เผิงลี่หุยก็กุมกำปั้นที่อาบไปด้วยเลือดสดๆ และร้องโอดครวญขึ้นมา

เสียงโอดครวญดังขึ้น ทันใดนั้นทำเอาคนฟังแสบแก้วหู

ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และยิ่งคาดไม่ถึงว่า ความเร็วของหลี่ฝางจะเร็วได้ถึงเพียงนี้ ราวกับว่าเผิงลี่หุยจงใจชกขวดเหล้าให้แตกเองอย่างนั้นแหละ

“ไม่เบา ไม่เบาเลยนี่ กำปั้นเหล็กของนายฝึกมาได้ไม่เลวจริงๆ ”

หลี่ฝางพูดราวกับชื่นชมด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ เผิงลี่หุยที่ได้ฟังกลับรู้สึกขัดหู และคนอื่นๆ ที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง แอบถอนหายใจกับความไร้ยางอายของหลี่ฝางที่ไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน

“ไอ้สารเลว!ฉันจะให้แกได้รับรู้ถึงผลที่จะตามมาจากการแกล้งฉัน!”

ความโกรธในใจของเผิงลี่หุยยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งถึงขั้นทำให้สองตาของเขาแดงก่ำ วินาทีนั้น สติสัมปชัญญะของเขาได้ถูกความโกรธเผาไหม้ไปเรียบร้อยแล้ว

ในใจของเขามีแค่ความคิดเดียว นั่นก็เคืองให้หลี่ฝางชดใช้ด้วยเลือด

เสียงดัง “เพล้ง” เผิงลี่หุยคว้าขวดเหล้ามาแล้วทุบจนแตก เขาจับขวดเหล้าที่แตกจนคมแล้วแทงไปทางหลี่ฝาง

ขอแค่ได้ระบายอารมณ์โกรธนี้ จะไปกลัวว่าหลังจากนี้จะต้องชดใช้ยังไง เขาก็รับแล้ว

ส่วนหลี่ฝางที่มองดูเผิงลี่หุยพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง สองตาแดงก่ำ ในใจกลับถอนหายใจ

“ทำไมถึงต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยนะ?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท