NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1020 คำเชิญของกู่ยี่เทียน

บทที่ 1020 คำเชิญของกู่ยี่เทียน

แล้วก็หลี่ฝางยังรู้เรื่องจากโอนีลด้วย แก๊งHappy Brotherที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาลึกลับเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับหมอผีโบราณ ที่มาร์คัสมีพลังกลายร่างก็มาจากที่นี่

นี่ก็เป็นเจิ้งเหวินซิงที่สนับสนุนกลุ่มคนผิวสีกลุ่มนี้ ความพยายามที่จะลองร่วมมือกับแก๊งนั่นพอจะคาดเดาได้เล็กน้อย……

หลังจากกำจัดโอนีลที่ไม่มีประโยชน์แล้ว หลี่ฝางก็นำมาร์คัสที่ถูกวางยาสลบตั้งแต่ต้นส่งออกไป รอให้เขาเป็นงานวิจัยที่ไม่สามารถเจอพบเจอแสงสว่างได้ตลอดไป

ส่วนหมอผีลึกลับของแก๊งHappy Brother หลี่ฝางตัดสินใจว่าจะเอาเขาไว้ก่อน รอให้จัดการเรื่องเบื้องหน้านี้เสร็จแล้วค่อยไปไล่ตรวจสอบ

เมื่อหลี่ฝางกลับมาถึงบ้านพักตากอากาศ ที่นี่ก็มีแขกที่อยู่นอกเหนือการคาดเดาคนนึงมา

เห็นกู่ยี่เทียนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะ กำลังจิบชาและพูดคุยกับพ่อของตนอย่างชิวๆ หลี่ฝางก็งงเล็กน้อย

“นายมาได้ยังไง?” หลี่ฝางเดินเข้าไป และถามอย่างไม่เกรงใจ

“ทำไม มาเป็นแขกไม่ได้เหรอ?” กู่ยี่เทียนวางแก้วชาลงและยิ้ม

มองดูทั้งสองเหมือนลิ้นกับฟัน ไม่มีใครยอมใคร หลอซ่าจึงเคาะโต๊ะ และพูดกับหลี่ฝาง: “นั่งลงเถอะ ครั้งนี้ที่ปรมาจารย์กู่มา ก็เพื่อมาเชิญเราไปสำรวจซากโบราณสถาน”

“โบราณสถานอะไร?” หลี่ฝางถาม พลางค่อยๆ ถอนหายใจในใจอย่างโล่งอก

หลังจากรู้เรื่องถึงได้รู้ว่าไม่ต้องกังวล เขายังนึกว่าเรื่องที่ทำไปเมื่อครู่ถูกรู้เขาแล้วซะอีก

กู่ยี่เทียนพูดอย่างเอือมๆ : “ที่จริงก็อยากจะหลอกนายเด็กน้อยสักหน่อย เสียดายจัง”

หลี่ฝางเหลือบมองกู่ยี่เทียนอย่างดูแคลน: “นายความรู้แค่นั้นยังคิดจะมาหลอกฉันอีกเหรอ? ฝันไปเถอะ มีเรื่องก็รีบพูดมา ฉันยุ่งมาก”

“พอได้ยินเรื่องนี้ รับรองว่าถึงนายจะยุ่งก็ต้องหายยุ่งเลย”

กู่ยี่เทียนพูดยิ้มและพูดประโยคนี้จบ สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

“นี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากท่านผู้เฒ่า!”

หลี่ฝางสะดุ้งอยู่ในใจ ท่านผู้เฒ่า!ท่านผู้นั้นถึงกับมีคำสั่งลงมาโดยตรง!

“ท่านผู้เฒ่าสั่งมา ให้ตั้งทีมสำรวจขึ้น โดยมีนายและฉันนำทีม สำรวจสถานที่น่าอัศจรรย์ด้วยกัน!”

“ที่ไหน?”

ใจของหลี่ฝางตื่นเต้น หรือว่าจะเป็นโครงการมนุษย์อวกาศของประเทศจะประสบความสำเร็จ และเริ่มหาอาสาสมัครแล้ว?

จะเป็นด้านหลังของดวงจันทร์ หรือดาวอังคารกันนะ?

“สุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้!”

“ห้ะ?” หลี่ฝางชะงักอยู่ครู่ “นายแน่ใจนะจริงจังป้ะ? ฉันนึกว่าเป็นอวกาศ นายกลับบอกฉันว่าให้ไปขุดสุสาน?”

กู่ยี่เทียนยิ้มอย่างเย็นชา: “ถ้าหากนายคิดว่ามันเป็นแค่การขุดสุสานละก็ งั้นนายก็คิดมันง่ายไปแล้ว ฉันถามนาย นายกลายเป็นแดนเต๋าได้ยังไง?”

“ฉันมาโดยไม่ได้ตั้งใจ……” หลี่ฝางชะงักอยู่ครู่ และก็นึกขึ้นได้ทันใด

“ยุคปัจจุบันนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่อยากจะพึ่งพาวิถีแบบธรรมชาติเพื่อบรรลุแดนเต๋า เวลานี้พลังบริสุทธิ์มีไม่เพียงพอให้ผู้คนดูดซับ ดังนั้นถ้าอยากจะบรรลุก็มีแต่ต้องไปแสวงหามรดกตกทอดจากคนรุ่นก่อน”

“พูดแบบนี้ สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้นั่น……”

กู่ยี่เทียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

“นายเคยไปก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นภาพที่งดงามขนาดไหน ฉันใช้เวลามาตั้งหลายปี ได้แค่เดินเตร่อยู่รอบๆ สุสานโดยไม่ได้เข้าไปด้านในลึก สิ่งนี่ทำให้ฉันค้นพบวิธีที่จะบรรลุแดนเต๋า ถ้าหากพวกเราสามารถเข้าไปด้านในใจกลางของสุสานได้จริงๆ นายรู้มั้ยว่ามันจะเป็นโชคลาภที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน?”

หลี่ฝางพยักหน้าแสดงให้เห็นว่าเขานึกภาพออก ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้: “ฉันก็ว่าทำไมนายถึงได้บรรลุได้เร็วขนาดนี้ ที่แท้ก็ปกป้องสมบัติชิ้นใหญ่แบบนี้ไว้นี่เอง!”

“ช่วยไม่ได้” กู่ยี่เทียนยิ้มเจื่อนๆ “โลกมันหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ บางทีนอนหลับไปตื่นนึง ก็อาจจะเป็นวินาทีที่โลกเปลี่ยนไปจริงๆ ก็ได้ ที่พวกเราทำได้ ก็คือคว้าเวลาทุกนาทีทุกวินาที มาทำให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

“นายพูดไม่ผิด!” หลอซ่าที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยปากขึ้น

“คนแข็งแกร่งแพ้ ให้คนที่แข็งแกร่งกว่า การต่อสู้ครั้งใหญ่ ไม่ใช่ว่านายเป็นคนไร้ความสามารถ และทุกคนจะต้องปฏิบัติกับนายอย่างคนไร้ความสามารถจริงๆ ”

หลี่ฝางพยักหน้าแสดงให้เห็นว่าเข้าใจ จากนั้นก็ถาม: “งั้นในสุสานจักรพรรดิมังกร……”

“จะต้องมีสิ่งที่ทำให้คนกลายเป็นเทพได้!” กู่ยี่เทียนพูดอย่างตื่นเต้น

“หลี่ฝาง นายอาจจะยังไม่รู้ จากข้อมูลของพวกเรา จักรพรรดิมังกรในตอนนั้น เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งคนนึงในแดนดั่งเทพ! แม่ทัพในตำนาน ไป๋ฉี่ เหมิงเถียน หวังเจี่ยนเหล่านั้น ต่างก็เป็นคนแดนดั่งเทพ!”

“จักรพรรดิมังกรในตอนนั้น มีกองกำลังทหารนับล้านอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ปรมาจารย์นับหมื่น ผู้มีกำลังภายในนับพัน แบบนั้นนายนึกภาพออกมั้ย?”

“สุดโต่งขนาดนั้นเลย!” หลี่ฝางตกใจอยู่ครู่ รายชื่อแบบนี้ เอามาไว้ตอนนี้คงเป็นกองทัพที่น่ากลัวมากๆ กองนึงเลย ถึงแม้สู้กับอาวุธเครื่องจักรกลสมัยนี้ไม่ได้ก็ตาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโลกที่สงบสุขแบบนั่งหงอยเลย แต่แค่ลากใครออกมาก็เป็นทีมที่ทรงพลังมากๆ !

จักรพรรดิมังกร เป็นคนที่จัดการทั้งหกประเทศในปีนั้น เป็นจักรพรรดิแห่งสหัสวรรษ ถูกขนานนามว่าจิ๋นซีฮ่องเต้ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะมีกองทัพอยู่ยงคงกระพันภายใต้บังคับบัญชาของเขา!

“ดี!แบบนี้ฉันรับแล้ว!”

เมื่อคิดว่าจะสามารถเข้าไปในสุสานของผู้แข็งแกร่งของแดนดั่งเทพ หลี่ฝางก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า

ความลับของการกลายเป็นเทพอาจจะอยู่ในนั้น ไม่สิ ต้องอยู่ในนั้นแน่ๆ ต้องเขียนอยู่บนกำแพง รอให้คนไปเรียนรู้!

“ทีมของเราอยู่ไหน เป็นทีมหลงหยาของนายนั่นเหรอ?”

“ไม่ใช่ ถึงแม้พวกเขาจะไม่เลว แต่การสำรวจครั้งนี้พวกเขาคงจะไม่เหมาะ ที่นั่นอันตรายมาก หากไม่ใช่ปรมาจารย์แม้แต่ลงไปที่นั่นก็ไม่มีโอกาส ดังนั้นทีมของพวกเราในครั้งนี้……”

“ทั้งหมดเป็นทีมปรมาจารย์กำลังภายใน!”

“เอะอะเสียงดังทำไม!”

หลี่ฝางสะดุ้งตกใจ

ปรมาจารย์กำลังภายในแต่ละคนก็หัวสูง มันก็จริงที่จะมีแค่ท่านผู้เฒ่าเท่านั้นที่สามารถรวบรวมพวกเขามาด้วยคำสั่งคำเดียว

“ความลับของการปฏิบัติงานครั้งนี้เป็นยังไง? ผู้ต่อสู้ระดับสูงของประเทศทั้งหมดมุ่งไปที่สุสานจักรพรรดิมังกร ภายในประเทศว่างเปล่า ฉันเกรงว่าคนที่อยู่ไม่สุกรอบข้างจะฉวยโอกาสก่อเรื่องต่างๆ ”

หลี่ฝางพูดถึงความกังวลใจของตัวเอง

“วางใจ” กู่ยี่เทียนยิ้มพลางพูด: “เป็นความลับขั้นสูง ถึงยังไงในประเทศก็มีปรมาจารย์กำลังภายในอยู่ไม่กี่คน พวกเราภายในไปเชิญด้วยตัวเองทีละคนไม่นานก็ครบแล้ว”

“แต่ฉันเดาว่ากู่ยี่เทียนที่นายไปเชิญด้วยตัวเองต้องมีอยู่ไม่กี่คน” หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม

“นั่นแน่นอน” กู่ยี่เทียนยิ้มอย่างผยองพลางพูด: “พูดตามตรง ตระกูลพวกนายคือที่แรก”

“ความเป็นมิตรนี้ พวกเรารับไว้แล้ว” ในตอนนั้น หลอซ่าก็เอ่ยปากพูดอย่างช้าๆ : “แต่ว่า ฉันไม่ไปนะ ให้หลี่ฝางไปเป็นตัวแทนฉันก็พอแล้ว”

“อะไรนะ?” หลี่ฝางชะงักอยู่ครู่ถึงตอบสนอง และมองหลอซ่าอย่างตกใจพลางถาม: “พ่อ นี่……”

“พ่อรู้แล้วว่าทางเดินของตัวเองควรจะเดินยังไง ดังนั้นสุสานจักรพรรดิมังกรพ่อไปหรือไม่ไปก็ไม่มีความหมาย อีกอย่าง พ่อยังต้องอยู่ทางนี้รอให้แม่ของลูกฟื้น” หลอซ่าพูดพลางยิ้ม

หลี่ฝางชะงักไป

เขาไม่เข้าใจ โอกาสดีแบบนี้ ทำไมหลอซ่าถึงได้ยอมปล่อยไป

เมื่อเห็นดวงตาที่ไม่เข้าใจของหลี่ฝาง หลอซ่าก็ยิ้มให้ลูกชายตัวเองพลางพูด: “ไม่ต้องถาม รอให้ลูกพบทางเดินของตัวเองเมื่อไหร่ ลูกก็จะเข้าใจได้เอง”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท