NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1027 สิบสองคนทอง

บทที่ 1027 สิบสองคนทอง

“……” กู่ยี่เทียนพูดไม่ออกเล็กน้อย ทำได้เพียงกล่าวอธิบาย: “ตอนนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้ได้รวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทรยศก่อความวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้เก็บรวบรวมอาวุธมาจากใต้หล้า และหล่อหลอมเป็นรูปปั้นคนที่ทำจากทองขนาดใหญ่สิบสองตัว และได้เรียกชื่อว่า สิบสองคนทอง”

หลี่ฝางสงสัยเล็กน้อย: “ขยับได้ไหม?”

“ได้!” กู่ยี่เทียนพยักหน้าอย่างจริงจัง: “พอถึงตรงนั้นนายก็จะรู้เอง ฉันพูดแบบนี้ นายจะต้องจินตนาการไม่ออกแน่”

“ก็ได้” หลี่ฝางเองก็ไม่อยากจะถามต่อ และได้เอ่ยขึ้นมา: “บอกมาเถอะ พวกเราต้องทำยังไง?”

“ในที่นี้มีเพียงฉันและนายที่สามารถดูดกลืนพลังงานอันแปลกประหลาดที่อยู่โดยรอบพวกนี้ มาทดแทนพลังงานที่สูญเสียไปได้อย่างไม่ขาดสาย ดังนั้นความคิดของฉันก็คือ มีเราสองคนเป็นจุดศูนย์กลาง เชื่อมรัศมีพลังของทุกคนเข้าด้วยกัน ให้กลายเป็นรัศมีพลังป้องกันขนาดใหญ่ นำพาพวกเราทุกคนเข้าไปข้างใน”

“เข้าใจแล้ว” หลี่ฝางพยักหน้า

“งั้นก็ปฏิบัติการแบบนี้เลย”

หลังจากที่ทั้งสองคนหารือกันเสร็จ ก็รออีกไม่นาน ผู้คนที่ไปยังกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่พวกนั้นก็ได้กลับมา บนใบหน้าของทุกคนต่างมีท่าทางปลื้มปีติอย่างสุดขีด ดูแล้วเหมือนจะตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก

ได้พบเจอวิธีที่จะบรรลุสู่ขั้นแดนเต๋า จู่ ๆ ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าการมาในครั้งนี้นั้นคุ้มค่ามาก

ส่วนไท่ซางก็ได้มองคนพวกนี้ด้วยความสงสารเล็กน้อย ๆ เขาแอบยิ้มขึ้นมาภายในใจ

กู่ยี่เทียนเรียกทุกคนมารวมตัวกัน และได้กล่าวเรื่องที่ตัวเองหารือกับหลี่ฝางเมื่อสักครู่นั้นขึ้นมาอีกรอบ

ทุกคนที่ต่างกำลังปีติยินดีอยู่นั้นมีหรือจะปฏิเสธ พวกเขาเห็นด้วยกับข้อเสนอของกู่ยี่เทียนทันที

จากนั้น คนทั้งหมดสิบเก้าคน รัศมีพลังได้เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นรัศมีพลังขนาดใหญ่มหึมา ปกป้องทุกคนเอาไว้

ทันใดนั้นเอง ทุกคนต่างก็ได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาไม่น้อย

ส่วนหลี่ฝางและกู่ยี่เทียนที่เป็นจุดศูนย์กลาง ก็ได้เริ่มเปลี่ยนพลังงานอันแปลกประหลาดที่อยู่รอบ ๆ ให้กลายเป็นพลังงานของรัศมีพลังขนาดใหญ่นี้ นำพาทุกคนเดินลึกเข้าไป

อย่างช้า ๆ แรงกดดันที่มาจากทั่วทุกสารทิศก็ได้เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ถึงขั้นที่แม้ว่าทุกคนจะร่วมแรงกัน แต่แค่ก้าวเท้าก็ยังค่อนข้างจะลำบาก

และในเวลานี้เอง ทุกคนก็ได้มาถึงขอบของลานกว้าง และได้มองเห็นฉากอันน่าสะพรึงกลัวยืน

อยู่ที่ขอบของลานกว้าง ทางเดินข้างหน้าได้ขาดหายไป มองไปด้านล่างเต็มไปด้วยความมืดดำ ไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันลึกขนาดใน

และที่นี่ได้เต็มไปด้วยพลังอันแปลกประหลาดที่ทำให้รู้สึกว่ามันได้รวมตัวกันเป็นก้อนแล้ว

ถ้าหากพูดว่าพลังอันแปลกประหลาดก่อนหน้านี้นั้นเป็นเพียงหมอกควันอันบอบบาง เช่นนั้นพลังอันแปลกประหลาดในตอนนี้ก็ได้เป็นเหมือนดั่งขนมสายไหมที่จับตัวกันเป็นก้อน ๆ ส่งแสงอรุโณทัยแวววับจับตา

และฝั่งตรงข้ามของลานกว้าง ที่มีระยะห่างเป็นพัน ๆ เมตรนั้น เป็นเกาะหยกสีขาวขนาดใหญ่มหึมา บันไดขั้นแล้วขั้นเล่าขยายขึ้นไปข้างบน ราวกับได้ยื่นขึ้นไปบนท้องนภา สุดท้ายได้ถูกปลุกคุมอยู่ในแสงอรุโณทัยอันแรงกล้า

สิบสองคนทองที่กู่ยี่เที่ยงเอ่ยถึง ก็ได้ยืนตั้งตระหง่านอยู่ที่ช่องว่างในอากาศ ยืนเงียบ ๆ อยู่ที่ตรงหน้าของทุกคน

รูปปั้นทองคำขนาดใหญ่สูงหนึ่งร้อยเมตร บนร่างสวมผ้าคลุมไหล่ เหมือนคนยักษ์ในตำนานโบราณ พลังการโจมตีที่แข็งแกร่งนั่น ทำให้ทุกคนต่างก็อ้าปากกว้าง

และในตอนนั้นเอง สิบสองคนทองก็ได้ขยับ ราวกับเพราะว่าได้มีคนภายนอกมาเยือน พวกสิบสองคนทองที่ยืนอยู่ในอากาศ ต่างก็ได้ก้าวเข้าหาทุกคนทีละก้าว

“บิน บินได้ด้วย……” ใครคนหนึ่งพึมพำขึ้นมา

ณ เวลานี้ กู่ยี่เทียนก็ได้กล่าวขึ้นมาด้วยความหวาดผวาอย่างบอกไม่ถูก: “ทำไมสิบสองคนทองถึงได้เคลื่อนไหวหมดล่ะ! ครั้งที่แล้วเคลื่อนไหวเพียงแค่ตัวเดียวเอง!”

“ครั้งที่แล้วนายได้มาเพียงคนเดียวหรือเปล่า?” หลี่ฝางเอ่ยถาม

“อาจจะเป็นไปได้!” กู่ยี่เทียนชะงักงันเล็กน้อย เขาเข้าใจความหมายของหลี่ฝาง

“หรือว่าสิบของคนทองพวกนี้ได้เคลื่อนไหวตามจำนวนคน?”

“ไอ้ตัวพวกนี้พลังการโจมตีเป็นยังไงบ้าง?” ใครคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา: “แค่หมัดเดียวลงมา พวกเราคงถูกอัดจนละเอียดแน่เลย!”

“อุลตร้าแมนก็สูงเพียงสี่สิบกว่าเมตรเอง ไอ้ตัวนี้สูงเป็นร้อยเมตรแน่ะ! คนโบราณสร้างไอ้ตัวนี้ขึ้นมาได้ยังไงกันนะ?”

ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้สงบสติอารมณ์ สิบสองคนทองนั่นก็ได้มีท่าทีเหมือนกับจะเหยียบเท้าลง

ระหว่างนั้นพลังอันแปลกประหลาดที่อยู่โดยรอบก็ได้พุ่งเข้าหาสิบสองคนทอง และได้ค่อย ๆ รวมตัวเป็นประตูราณที่เรียบง่ายขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหัวของสิบสองคนทอง

“นั่นมันอะไรกันอีกล่ะ?” ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ประตูเทพ” กู่ยี่เทียนถอนหายใจหนึ่งครั้ง บางทีผู้คนที่อยู่ตรงนี้นอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครที่รู้ความหมายที่แท้จริงของประตูเทพเลย

วินาทีต่อมา สิบสองคนทองก็ได้ยื่นฝ่ามือหันมาทางนี้

กลุ่มพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวได้ขับเคลื่อนมารวมตัวกันที่ฝ่ามือของพวกเขา

“เชี่ย!”

“รีบหลบเร็ว!”

ทุกคนแทบจะตกใจจนสมองเบลอ ยังดีที่ทุกคนต่างก็เป็นยอดฝีมือ ตอบสนองได้ทันเวลา หลบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ออกห่างจากขอบของลานกว้าง

และหลังจากที่ทุกคนต่างก็ได้ถอยห่างจากขอบลานกว้างนั่นเอง พลังที่ขับเคลื่อนอยู่บนร่างกายของสิบสองคนทองก้ได้ค่อย ๆ สลายไป พวกมันต่างก็ได้ลอยกลับไปยังตำแหน่งในตอนแรก ยืนนิ่งไม่ขยับ

และทุกคนต่างก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ขอบลานกว้าง มองหน้าซึ่งกันและกัน ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ

“ประตูที่อยู่บนหัวของสิบสองคนทองเมื่อกี้นั้นคืออะไรกันแน่?” ใครคนหนึ่งถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“นั่นคือประตูเทพ” กู่ยี่เทียนถอดถอนใจ

“แล้วประตูเทพคืออะไร?”

กู่ยี่เทียนยิ้มอย่างขมขื่น แล้วกล่าว: “ประตูเทพ เป็นการแสดงออกภายนอกของเขตแดนอย่างหนึ่ง อยู่หลังจากแดนเต๋า ก็คือเทพกึ่ง คิดจะถึงขั้นเทพกึ่ง จะต้องสร้างประตูเทพขึ้นมาให้ได้ และคนที่สามารถเปิดประตูเทพได้ ก็จะสามารถกลายเป็นเทพ”

อะไรนะ!

ทุกคนต่างก็ตกใจกับข้อมูลที่กู่ยี่เทียนเปิดเผยออกมาอย่างกะทันหันจนรู้สึกตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ดวงตาทั้งสองข้างต่างเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ

เขตแดนหลังจากแดนเต๋าคืออะไร จะสามารถไปถึงแดนดั่งเทพได้ยังไงกันแน่? ก่อนหน้านี้นั้น แทบจะไม่มีใครรู้เรื่องพวกนี้เลย แต่ทว่าในวันนี้ กู่ยี่เทียนก็ได้บอกกับทุกคนถึงเส้นทางหลังจากนี้

สร้างประตูเทพได้ ก็จะถึงขั้นเทพกึ่ง! เปิดประตูเทพออกได้ ก็จะกลายเป็นเทพ!

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท