NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1023 เข้าสู่สุสานจูหลง

บทที่ 1023 เข้าสู่สุสานจูหลง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลี่ฝางสมปรารถนาที่ได้เห็นคนสองคนนั่งอยู่ด้วยกันอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ที่ห้องโถง หลบ ๆ ซ่อน ๆ ราวกับนกกระทาตัวน้อย

บนโต๊ะมีกาแฟรสชาติหอมเข้มข้นวางอยู่สามแก้ว หลี่ฝางยกขึ้นมาหนึ่งแก้วแล้วจิบหนึ่งคำ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “พวกนายไม่ต้องเครียดมากนักหรอก ในเมื่อพวกนายรับปากทำงานให้ฉันแล้ว ฉันก็จะไม่ลงโทษพวกนายแบบไม่มีเหตุผลหรอก ฉันคนนี้นะ รักและทะนุถนอมลูกน้องมาโดยตลอด”

สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนตามกันไปติด ๆ และไม่ได้เอ่ยอะไรอีกเลย

“ฉันรู้ว่าฉันพูดไปตอนนี้พวกนายก็ไม่เชื่อ งั้นฉันเองก็ไม่อยากพูดอะไรมาก มอบภารกิจให้พวกนายไปทำเลยแล้วกัน” หลี่ฝางวางกาแฟลงแล้วกล่าว

“ฉันรู้ว่ามีคนอยู่ไม่น้อยที่รับภารกิจมาลอบฆ่าฉัน สิ่งที่ฉันจะให้พวกนายทำ ก็คือปลอมตัวเป็นฉัน แล้วอยู่ที่นี่ จับพวกแรงงานฟรีที่ส่งมาถึงประตูบ้านพวกนั้น อ้อไม่สิ พวกมือสังหารพวกนั้นเอาไว้ให้หมด จากนั้นใช้วิธีที่ฉันใช้กับพวกนายใช้กับพวกมันอีกครั้ง เพียงแค่กดปุ่มไม่กี่ปุ่มก็โอเคแล้ว ง่ายนิดเดียว”

อีกไม่นานหลี่ฝางก็ต้องไปสำรวจสุสานจูหลงแล้ว เขาไม่มีเวลาที่จะมารอให้พวกมือสังหารติดเบ็ดทีละคนอยู่แบบนี้จริง ๆ ดังนั้นจึงได้มีความคิดนี้ขึ้นมา

กำลังภายในระยะแรกสองคนบวกกับพลังที่หลบซ่อนอยู่ของสถานตากอากาศ น่าจะเพียงพอที่จะจัดการกับพวกมือสังหารให้สิ้นซาก นอกจากนี้พลังของที่นี่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับก้อนหิมะที่กลิ้งลงมาจากเขาสูงเพราะการมาเยือนของพวกมือสังหาร

สำหรับการปลอมเป็นหลี่ฝางนั้น มันง่ายมาก แค่ให้หลิงหลงแต่งหน้าให้พวกเขาหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว

ส่วนตัวเขาเองระยะนี้ก็จะส่งฉินวี่เฟยให้ไปอยู่ที่สถานตากอากาศ เพื่อปกป้องเธอเป็นการชั่วคราว

หลังจากที่แนะนำให้กับพวกอัลวาทั้งสองคนเสร็จ หลี่ฝางก็พาฉินวี่เฟยจากไปทันที ปล่อยให้พวกอัลวาทั้งสองคน ร่างสั่นสะท้านอยู่ที่วิลล่าที่ “น่าขนลุก” แห่งนี้ กอดกันตัวกลม

……

เวลาสามวันผ่านไปภายในชั่วพริบตา

เมืองฉางเกา ด้านเหนือของภูเขาหลีซาน

สุสานจักรพรรดิมังกรได้ซ่อนอยู่ในนั้นนั่นเอง

ทีมงานทั้งหมดสิบเก้าคน หลี่ฝางไม่รู้จักซะส่วนใหญ่ แต่เขาได้เหลือบมองไปรอบ ๆ จากปฏิกิริยาตอบสนองของลมหายใจพบว่ามีเพียงเขาและกู่ยี่เทียนเท่านั้นที่เข้าขั้นแดนเต๋า ส่วนคนอื่น ๆ นั้นเป็นเพียงยอดฝีมือกำลังภายในเท่านั้นเอง

ในนั้นยังมีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่คนหนึ่ง นั้นก็คือกู่เฟยจางแห่งหุบเขาราชายา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากู่ยี่เทียนใช้วิธีอะไร ถึงหลอกล่อคนหลงใหลในยาที่ไม่สนใจเรื่องภายนอกคนนี้มาได้

ในเวลานี้ทุกคนต่างก็กำลังฟังที่กู่ยี่เทียนกล่าวอย่างตั้งอกตั้งใจ

“ถึงแม้ว่าสุสานจูหลงจะได้ถูกบุกเบิกมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่มาจนถึงทุกวันนี้ ขอบเขตที่พวกเราสำรวจนั้นก็ไม่ได้กว้างนัก เพราะในส่วนที่ลึกลงไปนั้นมันอันตรายมากเกินไป”

“ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดต่าง ๆ อันตรายที่ซ่อนอยู่ ต่อให้เป็นยอดฝีมือกำลังภายใน ถ้าไม่ระวังก็อาจติดกับได้”

“หลายปีมานี้ ไม่รู้ว่าต้องพลีชีพไปกี่ชีวิตแล้ว ถึงได้ยืนหยัดมาจนถึงวันนี้ ดังนั้นผมหวังว่าทุกท่านจะต้องระวังให้มาก จะบุ่มบ่ามไม่ได้เด็ดขาด”

ไม่นาน ทุกคนก็ได้มาถึงด้านบนของสุสานจูหลง ฐานลับที่ซ่อนอยู่ในภูเขา

และภายใต้การนำพาของกู่ยี่เทียน ทุกคนก็ได้เข้ามาในฐาน เดินมุ่งหน้าไปยังด้านล่าง ไม่นานก็ได้มาถึงช่องว่างที่มีขนาดกว้างขวาง

ช่องว่างที่มีขนาดกว้างขวางนี้ ทั้งหมดนี้ถูกค้ำยันด้วยโลหะ มีความสูงสิบกว่าเมตร ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยเหล่าพนักงานที่กำลังยุ่งวุ่นวาย ราวกับฉากในหนังแนววิทยาศาสตร์ไม่มีผิด

และในสุดสายตาของทุกคนนั้น ก็คือประตูใหญ่บานหนึ่งที่สูงอย่างน้อยสามเมตร ไม่รู้เหมือนกันว่าประตูใหญ่บานนั้นหนาเท่าไหร่ แต่ก็เต็มไปด้วยความปลอดภัยที่หนักแน่น

“เปิดประตู”

กู่ยี่เทียนตะโกนเสียงดัง

ทันใดนั้น พนักงานสองสามคนไม่รู้ว่าทำยังไง ประตูบานนั้นก็ได้ค่อย ๆ เปิดออกต่อหน้าทุกคน

พอทุกคนได้เห็นด้านข้างของประตูต่างก็ตกใจขึ้นมาทันที

ประตูใหญ่บานนี้มีความหนาอย่างน้อยห้าสิบเซนติเมตร!

“นี่ทำมาจากโลหะสั่งทำพิเศษ ตามมาตรฐานป้องกันนิวเคลียร์” กู่ยี่เทียนมองดูท่าทางตกใจของทุกคน อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา

และทุกคนได้เดินตามกู่ยี่เทียนเข้ามาในประตูใหญ่แล้วถึงพบว่า ข้างในนั้นเป็นทางเดินยาวประมาณสิบกว่าเมตร และฝั่งตรงข้ามนั้นยังมีประตูใหญ่อีกบานหนึ่งที่เหมือนกันไม่มีผิด

หลังจากที่ทุกคนได้เข้ามาแล้ว ประตูใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าบานนั้นก็ได้ค่อย ๆ ปิดลง สิบกว่าวินาทีต่อมา ประตูใหญ่ที่อยู่ด้านหลังบานนั้นถึงได้เปิดออกต้อนรับทุกคน

“ภายในสุสานจูหลงเต็มไปด้วยพลังอันแปลกประหลาดบางอย่าง ถ้ายังไม่ถึงขั้นกำลังภายใน แค่สัมผัสก็ต้องตายทันที เพื่อความปลอดภัยของทุกคนที่อยู่ที่นี่ จึงได้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่ทั้งหมดสามชั้น” กู่ยี่เทียนกล่าวอธิบาย

“แต่สำหรับปรมาจารย์กำลังภายในอย่างพวกเราแล้ว พลังอันแปลกประหลาดนั่นไม่ใช่ยาพิษอะไร แต่เป็นยาบำรุงอันยอดเยี่ยม”

เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้านหลังของประตูใหญ่บานที่สอง ยังมีประตูใหญ่ที่เหมือนกันอยู่อีกบานหนึ่ง

และหลังจากที่ทุกคนได้เข้ามายังประตูชั้นที่สาม ก็ได้พบว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ออกมาจากฐานปฏิบัติงาน และได้เข้าสู่สุสานจูหลงเป็นที่เรียบร้อย

ภายใต้ความมืดมิด กู่ยี่เทียนได้เอ่ยขึ้นมาอย่างช้า ๆ : “เริ่มเตรียมใช้กำลังภายในป้องกันต้องแต่ตอนนี้เลย ถึงแม้ตรงนี้พลังอันแปลกประหลาดจะถูกเจือจางไปบ้างแล้ว แต่ว่าพวกคุณก็น่าจะรู้สึกได้แล้วใช่ไหม? เดี๋ยวก็จะเข้าถึงส่วนในของสุสานจูหลงแล้ว เตรียมพร้อมตั้งแต่ตอนนี้ก่อนเถอะ”

ปรมาจารย์กำลังภายในทุกคนต่างก็ปฏิบัติตามอย่างเงียบ ๆ ในความมืด

สามารถมาถึงขั้นปรมาจารย์กำลังภายในได้ แน่นอนว่าไม่มีใครที่โง่เง่า กู่ยี่เทียนกล่าวเน้นย้ำครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นแสดงให้เห็นว่าข้างในนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก

ในเวลานี้ ไม่มีใครที่คิดอยากได้หน้าได้ตา ร่ำรวยอย่างเงียบ ๆ ถึงเป็นวิถีแห่งราชา

ตามที่ทุกคนต่างก็ได้ขับเคลื่อนพลังภายในของตัวเอง ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ทำให้แม้แต่เสียงฝีเท้าและเสียงลมหายใจได้อ่อนแรงลงจนไม่ได้ยิน

ยังดีที่ถึงแม้จะอยู่ในความมืดพวกปรมาจารย์กำลังภายในก็ยังมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนราวกับตอนกลางวัน ดังนั้นจึงทำให้ไม่สูญเสียตำแหน่งของคนร่วมทีมไป

ไม่นาน ความสว่างก็ได้ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า และตามด้วยเสียง “ถึงแล้ว” ของกูยี่เทียน จู่ ๆ โลกแห่งใหม่ก็ได้ปรากฏสู่สายตาของทุกคน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท