NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 1031 สมัยโบราณ

บทที่ 1031 สมัยโบราณ

ทั้งสองคนเดินขึ้นมาทีละขั้นจนถึงบันไดขั้นสุดท้าย เชิญหน้ามองไปทางจิ๋นซีฮ่องเต้

ในตอนนั้นเอง ร่างไร้วิญญาณของจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ได้ขยับเล็กน้อยโดยที่ไม่อาจสัมผัสได้

“กร๊อบ”

ถึงแม้ว่าเสียงจะเบามาก แต่ก็ไม่อาจหลบพ้นหูของแดนเต๋าทั้งสองคนได้

หลังจากนั้น ภายใต้สายตาอันน่าเหลือเชื่อของทั้งสองคนนั่นเอง ร่างของจูหลงก็ได้ค่อย ๆ แตกออก ด้วยความเร็วที่ทั้งสองไม่อาจทำอะไรได้เลย ก็ได้แตกสลายไปอีกครั้ง อันตรธานหายไปอย่างสิ้นเชิง

พรึบ!

ทั้งสองคนพุ่งออกไปพร้อม ๆ กัน และได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าบัลลังก์มังกรภายในชั่วพริบตา แต่กลับทำได้เพียงเฝ้ามองร่างของจูหลงอันตรธานหายไปในอากาศ

“หายไปแล้ว……” กู่ยี่เทียนกล่าวพึมพำ

หลี่ฝางพิจารณาบัลลังก์มังกรอยู่สักพัก ไม่มีแม่แต่ฝุ่นละออง การสลายหายไปของจูหลงไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เลย

“ทำไมถึงได้สลายไปแบบนี้ล่ะ?”

กู่ยี่เทียนคำรามเสียงต่ำ สีหน้าดูไม่ได้อย่างสุดขีด

“ไปไหนแล้ว! ไปไหนแล้วกันแน่!”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วตวาดอย่างเยือกเย็น: “กู่ยี่เทียน สงบสติหน่อย!”

เขาเข้าใจความรู้สึกของกู่ยี่เทียนในตอนนี้ เพราะถึงยังไงซะ วิธีสำเร็จถึงขั้นแดนดั่งเทพได้อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่กู่ยี่เทียนได้เข้าร่วมทีมสำรวจสุสานจูหลง ตอนนี้ในที่สุดก็ได้มาถึงขึ้นสุดท้าย แต่จู่ ๆ ก็กลายเป็นเพียงความว่างเปล่า

หากเปลี่ยนเป็นตัวเอง ความรู้สึกหดหู่แบบนั้นก็สามารถทำให้ตัวเองเสียใจได้เหมือนกัน

แต่ตอนนี้หลี่ฝางไม่มีเวลาที่จะมารอให้กู่ยี่เทียนค่อย ๆ ปรับความรู้สึก ร่างไร้วิญญาณของจูหลงแตกสลายไปอย่างกะทันหัน จะดูยังไงก็ไม่ปกติ

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายหรือไม่?

หลี่ฝางจับกู่ยี่เทียนเอาไว้ทันที กำลังภายในสายหนึ่งถูกขับเคลื่อนออกมา ทำให้กู่ยี่เทียนมีสติขึ้นมาบ้าง

กู่ยี่เทียนรู้สึกถึงความเจ็บปวด จึงพลันรู้สึกตัวขึ้นมาทันที แล้วกล่าวเสียงเบา: “ขอโทษด้วย ฉันควบคุมอารมณ์ไม่ได้ไปชั่วขณะ”

“นายสงบสติอารมณ์เอาไว้ แล้วมาแก้ไขปัญหาที่พวกเราเผชิญอยู่ตอนนี้ก่อนเถอะ” หลี่ฝางมองไปรอบ ๆ พลางกล่าว

กู่ยี่เทียนเองก็สังเกตเห็นปัญหาขึ้นมาทันที

“นี่……กำแพงกำลังบีบตัวเข้ามาเหรอ?”

“เป็นตำหนักทั้งตำหนักกำลังหดเล็กลงต่างหาก!” หลี่ฝางตวาดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“จะเป็นไปได้ยังไง?” กู่ยี่เทียนตะโกนเสียงดัง แต่กลับพบว่าหลี่ฝางพูดถูก ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในตำหนักแห่งนี้ต่างก็กำลังหดเล็กลง ช่องว่างด้านในเองก็เล็กลงเป็นธรรมดา

“รีบไปเร็ว ช้ากว่านี้พวกเราคงออกไปไม่ได้แล้ว!” หลี่ฝางรีบพุ่งไปยังด้านนอกทันที

“วัสดุของตำหนักแห่งนี้เหมือนกับสิบสองคนทอง ไม่สามารถทำลายได้เลย!”

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพุ่งตัวออกไปทางด้านนอกนั่นเอง ความเร็วในการหดตัวของตำหนักก็ได้เพิ่มขึ้น ราวกับว่าแค่หายใจก็จะหดเล็กลงมาอีกขั้น!

“แย่แล้ว! เร็วเข้า!”

ทั้งสองคนตะโกนขึ้นมาเสียงดัง และเพิ่มความเร็วขึ้นถึงขีดสุด จู่ ๆ ภายในตำหนักก็ได้เกิดลมกระโชกแรงขึ้นมา เงาร่างของทั้งสองคนได้มาถึงประตูภายในชั่วพริบตา!

เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว ตำหนักขนาดใหญ่ก็ได้หดเล็กลงมาอย่างรวดเร็ว ระยะห่างระหว่างเพดานกับพื้นนั้นสูงเพียงสองเมตร พวกหลี่ฝางเหมือนกับได้กำลังเดินอยู่ในโมเดลบ้านอย่างไรอย่างนั้น!

“ไปเร็ว!”

ทั้งสองคนพุ่งตัวออกมาจากประตูใหญ่ที่สูงเพียงเมตรกว่า ๆ

ชั่วพริบตาที่พวกเขาพุ่งตัวออกมาได้นั่นเอง ตำหนักก็ได้หดตัวลงอีกครั้ง ถ้าหากช้าไปอีกสักก้าวเกรงว่าพวกเขาคงออกมาไม่ได้แล้ว

พึ่งจะหนีรอดออกมาได้ ทั้งสองคนยังไม่ทันที่จะยินดีปรีดา ฉากตรงหน้าก็ได้ทำให้ทั้งสองคนตะลึงงันไปอีกครั้ง!

“อยู่บนพื้นที่หกแสนตารางเมตร สูงตระหง่านปกคลุมท้องนภา จากด้านเหนือของภูเขาหลีซาน หันหน้าไปทางทิศตะวันตก จนถึงเมืองเสียนหยาง แม่น้ำเว่ยสุ่ยและแม่น้ำฝางชวนคลื่นซัดซู่ซ่า ไหลเข้าสู่กำแพงวัง ห้าก้าวหนึ่งตึก สิบก้าวหนึ่งตำหนัก ระเบียงทางเดินยาวคดเคี้ยว ชายคาที่ยื่นออกมาจะงอยปากนก แต่ล่ะที่เป็นไปตามภูมิประเทศ ผู้คนทั่วทุกสารทิศจิตใจเป็นหนึ่งเดียว แต่ก็ไม่คลายที่จะทะเลาะเบาะแว้ง ศาลาตำหนักสลับกันไปมา คดเคี้ยววนเวียน ราวกับรังผึ้งที่อยู่กันอย่างแน่นหนา และเหมือนกับกระแสน้ำวน ตั้งสูงตระหง่าน ไม่รู้ว่ามีกี่พันกี่หมื่นหลัง สะพานยาวทอดข้าวกระแสน้ำ บนทั้งฟ้าไม่มีเมฆลอย มังกรสีครามบินมาจากแห่งหนใด? ลอยทอดอยู่บนท้องนภา หาใช่ฟ้าหลังฝนไม่ ทำไมถึงได้มีสายรุ้ง? หลังคาเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ ลึกวังเวงและเลือนราง ทำให้คนไม่อาจแยกแยะใด ๆ ได้ ในเรือนขับร้องเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากเสียงร้อง ราวกับแสงสาดส่องของฤดูใบไม้ผลิ ในตำหนักฟ้อนรำเต็มไปด้วยความรู้สึกเหน็บหนาว ราวกับความเศร้าวังเวงจากลมและฝน ภายในหนึ่งวัน ในตำหนักเดียวกัน อากาศนั้นกลับไม่เหมือนกัน”

นี่คือ ที่เขียนบรรยายพระราชวังเออฝางกง

ฉากที่อยู่ตรงหน้า ราวกับที่ได้บรรยายไว้ในบทกลอนนั่นไม่มีผิด!

“หรือว่านี่จะเป็นพระราชวังเออฝางกงในตำนาน?” ทั้งสองคนกล่าวด้วยความตกใจ

พวกเขาทั้งสองคน ราวกับคนยักษ์ที่ได้มาในถิ่นฐานของมนุษย์ตัวจิ๋วอย่างไรอย่างนั้น มองดูสิ่งก่อสร้างที่หดเล็กเหล่านั้น ภายในใจของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลวไหลไร้สาระ!

ดูนั่น! ตรงนั้นคือเส้นทางมายามาหรือเปล่าน่ะ! จู่ ๆ หลี่ฝางก็ได้ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง กู่ยี่เทียนเพ่งมองดู และได้ตกใจขึ้นมาทันที เขามองดูอีกครั้ง และได้ตะโกนออกมา: “ยังมีวังวนใหญ่และลานหยกขาว!” “หรือว่าสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้จะสร้างขึ้นตามแบบของพระราชวังเออฝางกง?”

“โครงสร้างของสิ่งก่อสร้างทั้งสองเหมือนกันไม่มีผิด!”

ไม่รอให้ทั้งสองคนได้ประหลาดใจต่อไป จู่ ๆ กาลเวลาโดยรอบก็ได้เปลี่ยนไป สติของทั้งสองคนก็ได้วิงเวียนไปตาม

รู้สึกตัวกลับมาอีกครั้ง ทั้งสองคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าตัวเองได้ยืนอยู่บนลานหยกขาว ข้างหน้านั้นก็คือสิบสองคนทองที่ยื่นตระหง่านอยู่ในอากาศนั่นเอง!

“นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ทั้งสองคนรู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบ

“ลองเข้าไปดูอีกครั้งกัน!” ทั้งสองคนรีบตัดสินใจทันที

ทันใดนั้นเอง เงาร่างสองสายก็ได้พุ่งกลับเข้าไปในอากาศอีกครั้ง

ครั้งนี้ ทั้งสองคนไม่คิดที่จะต่อสู้กับสิบสองคนทองเลยสักนิด ทั้งสองได้ระเบิดความเร็วที่เร็วที่สุดออกมาทันที ทิ้งคนทองเอาไว้ที่ด้านหลัง เพียงชั่วพริบตาทั้งสองก็ได้บุกขึ้นมายังยอดเกาะ

ถึงแม้จะเป็นเพราะระเบิดพลังออกมารุนแรงเกินไป ทำให้ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด หลังจากที่ก้าวเท้าลงไปบนเกาะหยกขาวพวกเขาก็เพียงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง และเดินขึ้นไปบนขั้นบันไดอย่างไม่หยุดหย่อน

หลังจากที่พวกเขาเดินมาจนสุดขั้นบันได ที่ด้านหน้าก็ได้ปรากฏภาพมายางานเลี้ยงขึ้นมาอีกครั้ง

หลี่ฝางใช้ความตั้งใจอันแน่แน่วของเขา ทำลายภาพมายาที่อยู่ตรงหน้าไปทันที และได้มาถึงตำหนักใหญ่นั่นอีกครั้ง! ร่างไร้วิญญาณของจูลง ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม

ในเวลานี้กู่ยี่เทียนกลับยังไม่ตื่นขึ้นมา หลี่ฝางแอบด่าอยู่ในใจ ไม่ได้ปฏิบัติการเพียงลำพัง จึงทำได้เพียงรอให้กู่ยี่เทียนตื่นขึ้นมา

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าการรอในครั้งนี้ ได้ผ่านไปห้านาทีแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท